roots of world inequalitythis and t

roots of world inequality
this and the previous three chapters have told the story of inclusive economic and political institutions emerged in England to make the Industrial Revolution possible, and why certain countries benefited from the industrial Revolution and embarked on the path to growth, while others did not or, in fact, steadfastly refused to allow even the beginning of industrialization. Whether a country did embark on industrialization was largely a function of its institutions. the United States, which underwent a transformation similar to the English Glorious Revolution, had already developed its own brand of inclusive political and economic institutions by the end of the eighteenth century. it would thus become the first nation to exploit the new technologies coming from the British Isles, and would soon surpass Britain and become the forerunner of industrialization and technological change. Australia followed a similar path to inclusive institutions, even if somewhat later and somewhat less noticed. its citizens, just like those in England and the United States, had to fight to obtain inclusive institutions. Once these were in place, Australia would launch its own process of economic growth. Australia and the United States could industrialize and grow rapidly because their relatively inclusive institutions would not block new technologies, innovation, or creative destruction.
Not so in most of the other European colonies. Their dynamics would be quite the opposite of those in Australia and the United States. Lack of a native population or resources to be extracted made colonialism sort of affair, even if their citizens had to fight hard for their political rights and for inclusive institutions. In the Moluccas as in the many other places Europeans colonized in Asia, in the Caribbean, and in South America, citizens had little chance of wining such a fight. In these places, European colonists imposed a new brand of extractive institutions, or took over whatever extractive institutions they found, in order to be able to extract valuable resources, ranging from spices and sugar to silver and gold. In many of these places, they put in motion a set of institution changes that would make the emergence of inclusive institutions very unlikely. In some of them they explicitly stamped out whatever burgeoning industry or inclusive economic institutions existed. Most of these places would be in no situation to benefit from industrialization in the nineteenth century or even in the twentieth
The dynamics in the rest of Europe were also quite different from those in Australia and the United States. As the Industrial Revolution in Britain was gathering speed at the end of the eighteenth century, most European countries were ruled by absolute regimes, controlled by monarchs and by aristocracy whose major source of income was from their landholder or from trading privileges they enjoyed thanks to prohibitive entry barriers. The creative destruction that would be wrought by the process of industrialization would erode the leaders' trading profits and take resources and labor away from their lands. The aristocracy would be economic losers from industrialization. More important, they would also be political losers, as the process of industrialization would undoubtedly create instability and political challenges to their monopoly of political power

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รากฐานของความไม่เท่าเทียมกันของโลกนี้และบทที่สามก่อนหน้านี้ได้บอกเรื่องราวของสถาบันเศรษฐกิจ และการเมืองรวมชุมนุมในอังกฤษต้องให้การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ และทำไมบางประเทศได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเริ่มต้นเส้นทางการเติบโต ในขณะที่คนอื่นไม่ได้ไม่ หรือ ในความเป็น จริง steadfastly ปฏิเสธที่จะให้ได้เริ่มทวีความรุนแรงมาก ว่าประเทศได้เริ่มดำเนินการในทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นหน้าที่ของสถาบันของ สหรัฐอเมริกา การเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกับการปฏิวัติที่รุ่งโรจน์ภาษาอังกฤษ มีแล้วพัฒนาแบรนด์ของตนเองของสถาบันทางการเมือง และเศรษฐกิจรวมสิ้นสุดศตวรรษ eighteenth มันจะกลายเป็น ประเทศแรกเพื่อใช้เทคโนโลยีใหม่ที่มาจากอังกฤษ และจะเร็วเกินสหราชอาณาจักร และเป็น คิวของทวีความรุนแรงมากและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีต่าง ๆ ออสเตรเลียตามเส้นทางคล้ายกับสถาบันรวม ถ้าสังเกตค่อนข้างหลัง และค่อนข้างน้อย ของประชาชน เช่นเดียวกับในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา การต่อสู้จะได้รับรวมสถาบันได้ เมื่อคนเหล่านี้ในสถานที่ ออสเตรเลียจะเริ่มกระบวนการเติบโตทางเศรษฐกิจของตนเอง ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาสามารถ industrialize และเติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากสถาบันของพวกเขารวมค่อนข้างจะมีบล็อกเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือทำลายความคิดสร้างสรรค์ดังนั้นในส่วนใหญ่ของอาณานิคมยุโรปอื่น ๆ ไม่ Dynamics ของพวกเขาจะค่อนข้างตรงกันข้ามในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ขาดของประชากรพื้นเมืองหรือทรัพยากรเป็น อาณานิคมแยกทำการเรียงลำดับของเรื่อง แม้ว่าประชาชนได้ต่อสู้อย่างหนัก สำหรับสิทธิทางการเมือง และสถาบันรวม Moluccas ในหลายสถานอื่น ๆ ใน ยุโรปยึดครองเอเชีย ในคาริเบียน และในอเมริกาใต้ ประชาชนมีโอกาสน้อย wining การต่อสู้ ในสถานเหล่านี้ colonists ยุโรปกำหนดแบรนด์ใหม่ของสถาบัน extractive หรือเอาไปทั่วสถาบัน extractive สิ่งที่พวกเขาพบ เพื่อให้สามารถดึงทรัพยากรที่มีคุณค่า ตั้งแต่เครื่องเทศ และน้ำตาลเงินและทอง ในสถานที่เหล่านี้ พวกเขาใส่ในการเคลื่อนไหวชุดของการเปลี่ยนแปลงสถาบันที่จะทำให้เกิดสถาบันรวมยากมาก ในบางส่วนของพวกเขา พวกเขาอย่างชัดเจนประทับออกว่าลัทธิอุตสาหกรรมหรือสถาบันทางเศรษฐกิจรวมอยู่ ส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในสถานการณ์ไม่ได้ประโยชน์จากการทวีความรุนแรงมาก ในศตวรรษ หรือแม้ ในที่ยี่สิบเปลี่ยนแปลงในส่วนเหลือของยุโรปยังค่อนข้างแตกต่างจากผู้ที่อยู่ในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา เป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรรวบรวมความเร็วเมื่อสิ้นสุดศตวรรษ eighteenth ประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ถูกปกครอง โดยระบอบสมบูรณ์ ควบคุม โดยกษัตริย์ และขุนนางที่มีแหล่งรายได้สำคัญ จาก landholder ของพวกเขา หรือ จากการซื้อขายสิทธิ์พวกเขาเพลิดเพลิน ด้วยรายการห้ามปรามอุปสรรค ทำลายความคิดสร้างสรรค์ที่จะ wrought ตามกระบวนการของทวีความรุนแรงมากจะกัดกร่อนผู้นำค้ากำไร และใช้ทรัพยากร และแรงงานจากดินแดนของพวกเขา ขุนนางจะ losers เศรษฐกิจจากทวีความรุนแรงมาก สำคัญ พวกเขาจะยังเป็นเมือง losers กระบวนการทวีความรุนแรงมากอย่างไม่ต้องสงสัยจะสร้างความไม่แน่นอนและความท้าทายทางการเมืองการผูกขาดอำนาจทางการเมืองของพวกเขา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รากของความไม่เท่าเทียมกันในโลก
นี้และก่อนหน้านี้สามบทที่ได้บอกเล่าเรื่องราวของสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมืองรวมโผล่ออกมาในประเทศอังกฤษที่จะทำให้การปฏิวัติอุตสาหกรรมที่เป็นไปได้และทำไมบางประเทศได้รับประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรมและลงมือบนเส้นทางไปสู่การเจริญเติบโตในขณะที่คนอื่นไม่ หรือไม่ได้ในความเป็นจริงเหนียวแน่นไม่ยอมอนุญาตให้แม้จุดเริ่มต้นของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ได้เริ่มดำเนินการในอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่การทำงานของสถาบัน สหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกับการปฏิวัติภาษาอังกฤษได้พัฒนาแบรนด์ของตัวเองรวมของสถาบันทางการเมืองและเศรษฐกิจในช่วงปลายศตวรรษที่สิบแปด มันจึงจะกลายเป็นประเทศแรกที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ที่มาจากเกาะอังกฤษและเร็ว ๆ นี้จะเกินสหราชอาณาจักรและกลายเป็นผู้บุกเบิกของอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ออสเตรเลียตามเส้นทางที่คล้ายกันกับสถาบันรวมแม้ว่าค่อนข้างช้าและสังเกตเห็นค่อนข้างน้อย พลเมืองของตนเช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกาต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มารวมสถาบัน เหล่านี้เมื่ออยู่ในสถานที่ออสเตรเลียจะเริ่มกระบวนการของตัวเองของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาจะเป็นอุตสาหกรรมและเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะสถาบันรวมค่อนข้างของพวกเขาจะไม่ปิดกั้นเทคโนโลยีใหม่นวัตกรรมหรือทำลายความคิดสร้างสรรค์.
ไม่ได้ดังนั้นในส่วนของอาณานิคมของยุโรปอื่น ๆ การเปลี่ยนแปลงของพวกเขาจะค่อนข้างตรงข้ามของผู้ที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ขาดชาวพื้นเมืองหรือทรัพยากรที่จะสกัดทำให้การจัดเรียงการล่าอาณานิคมของเรื่องแม้ว่าประชาชนของพวกเขาต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อสิทธิทางการเมืองของพวกเขาและสำหรับสถาบันรวม ในคาส์เช่นเดียวกับในสถานที่อื่น ๆ ในยุโรปอาณานิคมในเอเชียในทะเลแคริบเบียนและในทวีปอเมริกาใต้ประชาชนมีโอกาสน้อยที่จะการันตีการต่อสู้ดังกล่าว ในสถานที่เหล่านี้อาณานิคมยุโรปกำหนดแบรนด์ใหม่ของสถาบันสารหรือสิ่งที่เข้ามาในสถาบันการศึกษาสารที่พวกเขาพบในการสั่งซื้อเพื่อให้สามารถดึงทรัพยากรที่มีคุณค่าอาหารจากเครื่องเทศและน้ำตาลเพื่อเงินและทอง ในหลายสถานที่เหล่านี้ที่พวกเขาใส่ชุดในการเคลื่อนไหวของการเปลี่ยนแปลงสถาบันการศึกษาที่จะทำให้เกิดขึ้นของสถาบันรวมไม่น่ามาก ในบางส่วนของพวกเขาพวกเขาอย่างชัดเจนประทับจากสิ่งที่อุตสาหกรรมที่กำลังขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือสถาบันรวมอยู่ ส่วนใหญ่สถานที่เหล่านี้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอุตสาหกรรมในศตวรรษที่สิบเก้าหรือแม้กระทั่งในที่ยี่สิบ
การเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เหลือของยุโรปก็ยังค่อนข้างแตกต่างจากผู้ที่อยู่ในประเทศออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ขณะที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในสหราชอาณาจักรได้รับการรวบรวมความเร็วในตอนท้ายของศตวรรษที่สิบแปดประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยระบอบการปกครองที่แน่นอนควบคุมโดยพระมหากษัตริย์และขุนนางที่มีแหล่งที่มาของรายได้จากการชดเชยหรือสิทธิประโยชน์จากพวกเขาสนุกกับการซื้อขายขอบคุณห้ามปราม อุปสรรคในการเข้า ทำลายความคิดสร้างสรรค์ที่จะกระทำโดยการดำเนินการของอุตสาหกรรมจะกัดกร่อนการค้ากำไรผู้นำและใช้ทรัพยากรและแรงงานออกไปจากดินแดนของพวกเขา ขุนนางจะแพ้ทางเศรษฐกิจจากอุตสาหกรรม ที่สำคัญกว่านั้นพวกเขายังจะเป็นผู้แพ้ทางการเมืองเป็นกระบวนการของการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างไม่ต้องสงสัยจะสร้างความไม่แน่นอนและความท้าทายทางการเมืองที่จะผูกขาดอำนาจทางการเมือง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รากของความไม่เท่าเทียมกันในโลกนี้และโลกหน้า
3 บทได้บอกเรื่องราวของสถาบันทางเศรษฐกิจและการเมืองโดยรวมเกิดในอังกฤษที่จะทำให้การปฏิวัติอุตสาหกรรมได้ และทำไมบางประเทศที่ได้ประโยชน์จากการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเริ่มต้นบนเส้นทางการเติบโต ขณะที่คนอื่นไม่ได้หรือ ในความเป็นจริง ,และปฏิเสธที่จะอนุญาตให้แม้จุดเริ่มต้นของภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าประเทศไหนเริ่มต้นอุตสาหกรรมเป็นส่วนใหญ่การทำงานของสถาบัน สหรัฐอเมริกาซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงที่คล้ายกันการปฏิวัติอังกฤษ ได้พัฒนาแบรนด์ของตัวเองของสถาบันการเมืองและเศรษฐกิจโดยรวมในตอนท้ายของศตวรรษที่สิบแปดมันจึงกลายเป็นประเทศแรกที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ที่มาจากเกาะอังกฤษ และอีกไม่นานคงแซงอังกฤษและกลายเป็นผู้เบิกทางของอุตสาหกรรมและการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ออสเตรเลียตามเส้นทางที่คล้ายกับรวมสถาบัน แม้ว่าค่อนข้างในภายหลัง และก็ไม่ค่อยสังเกต ประชาชน เช่นเดียวกับผู้ที่อยู่ในอังกฤษและสหรัฐอเมริกาต้องต่อสู้เพื่อให้ได้รวมสถาบัน เมื่อเหล่านี้สถานที่ในออสเตรเลียจะเริ่มกระบวนการของตัวเองของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกาได้กลายเป็นอุตสาหกรรม และเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะตนเองค่อนข้างรวมสถาบันจะไม่ปิดกั้นเทคโนโลยี นวัตกรรม หรือการทำลายอย่างสร้างสรรค์ .
ไม่ดังนั้นในส่วนใหญ่ของยุโรป อาณานิคมพลวัตของพวกเขาจะค่อนข้างตรงข้ามของในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ขาดประชากรพื้นเมืองหรือทรัพยากรที่จะสกัดทำให้อาณานิคม เรียงของเรื่อง ถ้าประชาชนต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อสิทธิทางการเมืองของพวกเขาและรวมสถาบัน ในคาส์เช่นเดียวกับในสถานที่อื่น ๆในยุโรปหลายอาณานิคมในเอเชียในแคริบเบียนและอเมริกาใต้ประชาชนได้โอกาส wining เช่นการต่อสู้เล็ก ๆน้อย ๆ ในสถานที่เหล่านี้ อาณานิคมยุโรปกำหนดแบรนด์ใหม่ของปริมาณสถานศึกษา หรือยึดที่ปริมาณสถาบันที่พวกเขาพบ เพื่อให้สามารถดึงทรัพยากรที่มีคุณค่า ตั้งแต่เครื่องเทศและน้ำตาลเพื่อเงินและทอง ในหลายสถานที่เหล่านี้พวกเขาใส่ในการเคลื่อนไหวชุดของสถาบันการเปลี่ยนแปลงที่จะทำให้การปรากฏตัวของสถาบันมากไม่น่ารวม ในบางส่วนของพวกเขาพวกเขาอย่างชัดเจนประทับที่บริการอุตสาหกรรมหรือสถาบันทางเศรษฐกิจรวมอยู่ สถานที่เหล่านี้ส่วนใหญ่จะไม่มีสถานการณ์ที่จะได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอุตสาหกรรมในศตวรรษที่สิบเก้าหรือยี่สิบ
แม้ในการเปลี่ยนแปลงในส่วนที่เหลือของยุโรปยังค่อนข้างแตกต่างจากในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา ที่การปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษคือการรวบรวมความเร็วในตอนท้ายของศตวรรษที่สิบแปดประเทศในยุโรปส่วนใหญ่ถูกปกครองโดยระบอบแบบสัมบูรณ์ควบคุมโดยพระมหากษัตริย์และขุนนางที่มีแหล่งรายได้จากผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินของตนเอง หรือจากการซื้อขายสิทธิ์พวกเขาชอบขอบคุณอุปสรรครายการต้องห้าม สร้างสรรค์การทำลายนั้นจะกระทำโดยกระบวนการของอุตสาหกรรมจะกัดกร่อนของผู้นำการค้ากำไร และใช้ทรัพยากรและแรงงานออกไปจากดินแดนของพวกเขาพวกขุนนางจะแพ้เศรษฐกิจจากภาคอุตสาหกรรม ที่สำคัญ พวกเขาจะยังแพ้การเมืองเป็นกระบวนการของการพัฒนาอุตสาหกรรมไม่ต้องสงสัยจะสร้างความไม่แน่นอนและความท้าทายทางการเมือง การผูกขาดอำนาจทางการเมืองของพวกเขา