This research is a semi experimenta

This research is a semi experimental research (Quasi-experimental design) studied two groups of measurement before and after an experiment. To study the effect of the application of the schema theory, health belief towards sweet and Salted Potato dietary habits in elderly people by studying samples from 48 people with 24 people and experimental group control group 24 people use sampling methods for specific consideration from a person who lived in the Township.At least 1 year of research can be comforting. Communication and are voluntarily participating in the activity. The Group experiments with the application of a concept scheme in conjunction with the health belief, health is the control group at 2 months to receive normal care. The tools used to collect information as personal data, query, and query, dietary habits, sweet potato with moderate confidence value (α = .85) and dietary habits, salty. With moderate confidence value (α = .84) data analysis, basic statistics used include percent average, standard deviation, and the analysis of the differences of the variables used in this study by using the T-Test (Independent Paired samples test samples and test) to compare to the sweet-salty potato dietary habits in elderly people before and after. The research found that:
Experimental group and the control group average after eating habits. Experiment with different statistically significant at the .05 level, the Group experimented with the correct dietary habits than the control group. Average sweet salted potato dietary habits of the elderly vary significantly. Statistical significance at the .05 level, the Group experimented with the correct dietary habits than the control group. From this research proposal is to bring the results of the application of the schema theory, health belief towards sweet and Salted Potato dietary habits in elderly people to apply to other communities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

งานวิจัยนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (แบบกึ่งทดลอง) ศึกษา 2 กลุ่มวัดก่อน และ หลังการทดลอง การศึกษาผลของการประยุกต์ทฤษฎีแบบแผน ความเชื่อสุขภาพหวานและเค็มมันฝรั่งที่พฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้สูงอายุโดยการศึกษาตัวอย่าง 48 คนจาก 24 คนและกลุ่มควบคุมกลุ่มทดลอง 24 คนใช้วิธีสุ่มตัวอย่างสำหรับการพิจารณาเฉพาะจากบุคคลที่อาศัยอยู่ใน Township.At การวิจัยอย่างน้อย 1 ปี สามารถปลอบโยน การสื่อสาร และสมัครใจเข้าร่วมในกิจกรรม กลุ่มการทดลอง ด้วยการประยุกต์ใช้แบบแผนแนวคิดร่วมกับความเชื่อสุขภาพ สุขภาพเป็นกลุ่มควบคุมที่ 2 เดือนขึ้นไปได้รับการดูแลปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล สอบถาม สอบ ถาม พฤติกรรมการบริโภคอาหาร และมันเทศมีค่าความเชื่อมั่นปานกลาง (α =.85) และ พฤติกรรมการบริโภคอาหาร เค็ม มีค่าความเชื่อมั่นปานกลาง (α =.84) การวิเคราะห์ข้อมูล สถิติพื้นฐานที่ใช้ได้แก่ร้อยละค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวแปรที่ใช้ในการศึกษานี้โดยใช้การทดสอบ T (อิสระจับตัวอย่างทดสอบตัวอย่างและทดสอบ) การเปรียบเทียบกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวานเค็มมันในผู้สูงอายุก่อน และหลัง การวิจัยพบว่า:กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมเฉลี่ยหลังจากนิสัยการกิน ทดลอง ด้วยแตกต่างกัน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 กลุ่มทดลอง มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องมากกว่ากลุ่มควบคุม มันเค็มหวานเฉลี่ยพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุอย่างมีนัยสำคัญแตกต่างกันไป นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.05 กลุ่มทดลอง มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องมากกว่ากลุ่มควบคุม จากงานวิจัยนี้ เสนอคือการ นำผลของการประยุกต์ทฤษฎีแบบแผน สุขภาพความเชื่อต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารเค็มมันและหวานในผู้สูงอายุเพื่อนำไปใช้กับชุมชนอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลองกึ่ง (การออกแบบกึ่งทดลอง) การศึกษาทั้งสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลอง เพื่อศึกษาผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีคีมาที่ความเชื่อด้านสุขภาพต่อพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวานและเค็มมันฝรั่งในผู้สูงอายุโดยศึกษาตัวอย่างจาก 48 คนที่มี 24 คนและกลุ่มควบคุมกลุ่มทดลอง 24 คนใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างเพื่อประกอบการพิจารณาจากคนที่ อาศัยอยู่ใน Township.At น้อย 1 ปีของการวิจัยสามารถปลอบโยน การสื่อสารและสมัครใจเข้าร่วมในกิจกรรม การทดลองกลุ่มที่มีการประยุกต์ใช้แนวคิดโครงการร่วมกับความเชื่อด้านสุขภาพที่สุขภาพเป็นกลุ่มควบคุมที่ 2 เดือนที่จะได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นข้อมูลส่วนบุคคลแบบสอบถามและแบบสอบถามพฤติกรรมการบริโภคอาหารมันเทศที่มีค่าความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง (α = 0.85) และพฤติกรรมการบริโภคอาหารเค็ม มีค่าความเชื่อมั่นในระดับปานกลาง (α = 0.84) การวิเคราะห์ข้อมูลสถิติพื้นฐานที่ใช้ ได้แก่ ร้อยละค่าเฉลี่ยส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและการวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้โดยใช้ t-test (อิสระคู่ตัวอย่างทดสอบตัวอย่างและการทดสอบ ) เพื่อเปรียบเทียบกับมันฝรั่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารหวานเค็มในผู้สูงอายุก่อนและหลัง ผลการวิจัยพบว่า
กลุ่มทดลองและค่าเฉลี่ยของกลุ่มควบคุมหลังจากนิสัยการรับประทานอาหาร การทดสอบด้วยการที่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กลุ่มทดลองกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องกว่ากลุ่มควบคุม เฉลี่ยหวานเค็มมันฝรั่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้สูงอายุแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 กลุ่มทดลองกับพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องกว่ากลุ่มควบคุม จากข้อเสนอการวิจัยครั้งนี้คือเพื่อนำผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีคีมาที่ความเชื่อด้านสุขภาพต่อหวานและเค็มมันฝรั่งพฤติกรรมการบริโภคอาหารในผู้สูงอายุที่จะนำไปใช้กับชุมชนอื่น ๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง การวิจัยกึ่งทดลองเพื่อศึกษาสองกลุ่มวัดก่อนและหลังการทดลอง เพื่อศึกษาผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อรสหวานและเค็ม , มันฝรั่งบริโภคนิสัยในผู้สูงอายุ โดยศึกษาตัวอย่างจาก 48 คน มี 24 คน และกลุ่มทดลอง กลุ่มควบคุม 24 คน ใช้วิธีการเฉพาะการพิจารณาจากคนที่อาศัยอยู่ในเมืองที่ศึกษา วิจัย อย่างน้อย 1 ปี สามารถปลอบโยน . การสื่อสารและสมัครใจเข้าร่วมในกิจกรรม กลุ่มทดลองด้วยการใช้แนวคิดโครงการร่วมกับแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ สุขภาพ คือ กลุ่มที่ 2 เดือนที่ได้รับการดูแลตามปกติ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล และแบบสอบถาม บริโภคนิสัย มันฝรั่งหวาน ที่มีค่าความเชื่อมั่นปานกลาง ( α = . 85 ) และบริโภคนิสัย , เค็ม ที่มีค่าความเชื่อมั่นปานกลาง ( α = . 84 ) การวิเคราะห์ข้อมูล ใช้สถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และวิเคราะห์ความแตกต่างของตัวแปรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ใช้สถิติ t-test ( Paired Samples Test ตัวอย่างและการทดสอบอิสระ ) เปรียบเทียบกับมันฝรั่งหวานเค็มนิสัยอาหารของผู้สูงอายุก่อนและหลัง . ผลการวิจัยพบว่า :กลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมเฉลี่ยหลังจากการรับประทานอาหารนิสัย ทดลองแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ . 05 โดยกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องมากกว่ากลุ่มควบคุม เฉลี่ยหวานเค็มมันฝรั่งอาหารอุปนิสัยของผู้สูงอายุแตกต่างกันอย่างมาก ทางสถิติที่ระดับ . 05 โดยกลุ่มทดลองมีพฤติกรรมการบริโภคที่ถูกต้องมากกว่ากลุ่มควบคุม จากโครงการวิจัยนี้ เพื่อนำผลของการประยุกต์ใช้ทฤษฎีแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อรสหวานและเค็ม , มันฝรั่งอาหารนิสัยในผู้สูงอายุเพื่อใช้กับชุมชนอื่น ๆ