The written history of Singapore da

The written history of Singapore dates back to the third century. Later, the Kingdom of Singapura rose in importance during the 14th century under the rule of Srivijayan prince Parameswara and Singapore became an important port, until it was destroyed by Acehnese raiders in 1613. The modern history of Singapore began in 1819 when Englishman Sir Stamford Raffles established a British port on the island. Under British colonial rule, Singapore grew in importance as a centre for both the India-China trade and the entrepôt trade in Southeast Asia, rapidly becoming a major port city.

During World War II, Singapore was conquered was occupied by the Japanese Empire from 1942 to 1945. When the war ended, Singapore reverted to British control, with increasing levels of self-government being granted, culminating in Singapore's merger with the Federation of Malaya to form Malaysia in 1963. However, social unrest and disputes between Singapore's ruling People's Action Party and Malaysia's Alliance Party resulted in Singapore's separation from Malaysia. Singapore became an independent republic on 9 August 1965.

Facing severe unemployment and a housing crisis, Singapore embarked on a modernization programme beginning in the late 1960s through the 1970s that focused on establishing a manufacturing industry, developing large public housing estates and investing heavily on public education. Since independence, Singapore's economy has grown by an average of nine percent each year.[clarification needed] By the 1990s, the country had become one of the world's most prosperous nations, with a highly developed free market economy, strong international trading links, and the highest per capita gross domestic product in Asia outside of Japan.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ประวัติเขียนวันสิงคโปร์กลับสู่ศตวรรษสาม ภายหลัง ราชอาณาจักร Singapura กุหลาบความสำคัญในช่วงศตวรรษ 14 ภายใต้การปกครองของเจ้า Srivijayan Parameswara และสิงคโปร์เป็น ท่าเรือสำคัญ จนกว่าจะถูกทำลาย โดยพยัคฆ์สำอางค์ผ่าอาเจะห์ใน 1613 เริ่มสมัยประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ใน 1819 เมื่อชาวเซอร์สแตมฟอร์ดแรฟเฟิลส์ก่อตั้งพอร์ตบนเกาะอังกฤษ ภายใต้กฎอาณานิคมอังกฤษ สิงคโปร์เพิ่มขึ้นในความสำคัญเป็นศูนย์กลางการค้าอินเดียจีนและการค้า entrepôt ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อย่างรวดเร็วกลายเป็น เมืองท่าที่สำคัญในระหว่างสงครามโลก สิงคโปร์แปลกถูกครอบครอง โดยจักรวรรดิญี่ปุ่นจากปี 1942 1945 เมื่อสงครามสิ้นสุดลง สิงคโปร์แปลงกลับเป็นอังกฤษควบคุม มีการเพิ่มระดับของ self-government การให้ จบในการควบรวมกิจการของสิงคโปร์กับสหพันธ์มาลายามาเลเซียฟอร์มใน 1963 อย่างไรก็ตาม สังคมและความขัดแย้งระหว่างสิงคโปร์ของหุพรรคประชาชนและพรรคพันธมิตรของมาเลเซียให้สิงคโปร์แยกจากมาเลเซีย สิงคโปร์กลาย เป็นสาธารณรัฐอิสระบน 9 1965 สิงหาคมหันหน้าไปทางว่างงานอย่างรุนแรงและวิกฤตที่อยู่อาศัย สิงคโปร์เริ่มต้นตลอดโครงการเริ่มต้นในปลายปี 1960 ผ่านสาว ๆ ที่เน้นการสร้างอุตสาหกรรมการผลิต พัฒนานิคมเคหะใหญ่ และลงทุนอย่างมากในการศึกษามวลชน ตั้งแต่ความเป็นอิสระ เศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้เติบโตขึ้น โดยเฉลี่ยร้อยละเก้าแต่ละปี[ชี้แจงที่จำเป็น] โดยปี 1990 ประเทศได้กลายเป็นหนึ่งของโลกเจริญมากที่สุดประเทศ เศรษฐกิจตลาดเสรีพัฒนาสูง เชื่อมโยงการค้านานาชาติที่แข็งแรง และผลิตภัณฑ์มวลรวมต่อ capita ในประเทศสูงที่สุดในเอเชียนอกญี่ปุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเขียนประวัติศาสตร์ของประเทศสิงคโปร์วันที่กลับไปศตวรรษที่สาม ต่อมาในราชอาณาจักรของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นในความสำคัญในช่วงศตวรรษที่ 14 ภายใต้การปกครองของเจ้าชาย Srivijayan Parameswara และสิงคโปร์กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญจนกระทั่งมันถูกทำลายจากการบุกอะเจห์ใน 1613 ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสิงคโปร์เริ่มต้นในปี 1819 เมื่ออังกฤษ Sir Stamford Raffles จัดตั้งพอร์ตบนเกาะอังกฤษ ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ, สิงคโปร์เติบโตในความสำคัญเป็นศูนย์กลางการค้าทั้งอินเดียจีนและการค้าentrepôtในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็วกลายเป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญ. ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองสิงคโปร์ก็เอาชนะถูกครอบครองโดยจักรวรรดิญี่ปุ่น 1942 ถึง 1945 เมื่อสงครามสิ้นสุดสิงคโปร์หวนกลับไปควบคุมของอังกฤษที่มีการเพิ่มระดับของรัฐบาลเองที่จะได้รับสูงสุดในการควบรวมกิจการของสิงคโปร์กับสหพันธ์มลายาในรูปแบบมาเลเซียในปี 1963 อย่างไรก็ตามความไม่สงบทางสังคมและข้อพิพาทระหว่างการพิจารณาคดีของสิงคโปร์การกระทำของคน พรรคและมาเลเซียของพรรคพันธมิตรส่งผลให้ในการแยกของสิงคโปร์จากประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์กลายเป็นสาธารณรัฐอิสระใน 9 สิงหาคม 1965. หันหน้าการว่างงานอย่างรุนแรงและวิกฤติที่อยู่อาศัย, สิงคโปร์ลงมือโปรแกรมปรับปรุงใหม่เริ่มต้นในช่วงปลายปี 1960 ผ่านปี 1970 ที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างอุตสาหกรรมการผลิต, การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ดินสาธารณะขนาดใหญ่และการลงทุนอย่างหนักในที่สาธารณะ การศึกษา นับตั้งแต่เป็นอิสระทางเศรษฐกิจของสิงคโปร์ได้เติบโตขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละเก้าในแต่ละปี. [ชี้แจงจำเป็น] โดยปี 1990 ที่ประเทศได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดในโลกที่มีการพัฒนาอย่างมากเศรษฐกิจตลาดเสรีการเชื่อมโยงการค้าระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งและ สูงสุดต่อหัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในเอเชียนอกประเทศญี่ปุ่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เขียนประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์วันที่กลับไปในศตวรรษที่สาม ต่อมา อาณาจักรของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นในความสำคัญระหว่างศตวรรษที่ 14 ภายใต้การปกครองของศรีวิจายาน เจ้าชายปรเมศวร และสิงคโปร์เป็นท่าเรือที่สำคัญ จนกว่ามันจะถูกทำลายโดย acehnese Raiders ในของ .ประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสิงคโปร์เริ่มในปี 1819 เมื่อชาวอังกฤษเซอร์เมกะบิตต่อวินาทีสร้างพอร์ตอังกฤษ บนเกาะ ภายใต้การปกครองอาณานิคมของอังกฤษ สิงคโปร์เติบโตในความสำคัญเป็นศูนย์ ทั้งอินเดีย จีน การค้าและ entrep T เป็นการค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็วกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญ

ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองสิงคโปร์ก็เสียทีถูกครอบครองโดยจักรวรรดิญี่ปุ่นจาก 2485 ถึง 2488 . เมื่อสงครามสิ้นสุด สิงคโปร์เปลี่ยนการควบคุมอังกฤษ กับการเพิ่มระดับของการปกครองตนเองได้รับ culminating ในสิงคโปร์ที่ผสมผสานกับรูปแบบสหพันธรัฐมาลายาประเทศมาเลเซียในปี 1963 อย่างไรก็ตามความไม่สงบทางสังคมและข้อพิพาทระหว่างสิงคโปร์ปกครองประชาชนการกระทำของพรรค และพรรคพันธมิตรของประเทศมาเลเซีย ส่งผลให้สิงคโปร์แยกตัวออกจากมาเลเซีย สิงคโปร์กลายเป็นสาธารณรัฐเอกราชในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965

ซึ่งการว่างงานที่รุนแรงและวิกฤตที่อยู่อาศัย ,สิงคโปร์เริ่มต้นกับโปรแกรมการเริ่มต้นในปลายทศวรรษที่ 1960 ถึง 1970 ที่เน้นการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยสาธารณะขนาดใหญ่และการลงทุนอย่างมากในการศึกษาสาธารณะ ตั้งแต่ความเป็นอิสระเศรษฐกิจสิงคโปร์มีการเติบโตโดยเฉลี่ยร้อยละ 9 ต่อปี โดยปี 1990 [ ชี้แจงจำเป็น ] ,ประเทศได้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดของโลก มีการพัฒนาเศรษฐกิจตลาดเสรี แข็งแรง การค้าระหว่างประเทศ การเชื่อมโยง และสูงสุดต่อหัว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศในภูมิภาคเอเชีย นอกประเทศญี่ปุ่น