2. BackgroundIn 1980, the U.S. suic

2. Background
In 1980, the U.S. suicide rate stood at 11.8 per 100,000, with approximately 57% of cases
involving a firearm. As shown in Figure 1, during the next six years the suicide rate steadily
increased, reaching a peak of more than 12.9 per 100,000 in 1986. During this time, the fraction
of suicides in which a gun was used also increased slightly (Figure 2) and continued to do so
5 Azrael, Cook, and Miller (2001).
6
during the next several years until it rose above 61% in 1990. By 1998, both the suicide rate and
the fraction in which a gun was used were below their 1980 levels.6
The likelihood that an individual will commit suicide varies substantially by gender and
age. In 1998, a man was more than four times as likely as a woman to take his own life, with
gender-specific suicide rates equaling 18.6 and 4.4 per 100,000, respectively.7
Table 1
demonstrates that suicide rates are significantly lower among teenagers than among non-elderly
adults, but are especially high for those over the age of 75. Interestingly, this effect is entirely
driven by elderly male suicides, as women aged 75 and up are actually less likely than nonelderly
adult women to take their own lives.
From 1980 to 1998, suicide rates declined substantially for women but less so for men, as
is shown in Table 2.8
During this time period, the fraction of women who committed suicide in
the year fell by more than 20%, while the corresponding fraction for males remained virtually
unchanged. The decline was especially large for women between the ages of 20 and 34 and
those aged 55-74, whose suicide rates fell by approximately one-third. Male suicide rates in
these age categories also declined but by a much smaller percentage. Had it not been for changes
in the age structure of the U.S. population, overall male suicide rates would have declined and
the 20% drop for women would have been even larger.
The most disturbing trend that is apparent from this table is the increase in the suicide
rate among teenagers. Specifically, the suicide rate among boys aged 10-14 almost doubled from

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

2. BackgroundIn 1980, the U.S. suicide rate stood at 11.8 per 100,000, with approximately 57% of casesinvolving a firearm. As shown in Figure 1, during the next six years the suicide rate steadilyincreased, reaching a peak of more than 12.9 per 100,000 in 1986. During this time, the fractionof suicides in which a gun was used also increased slightly (Figure 2) and continued to do so 5 Azrael, Cook, and Miller (2001).6during the next several years until it rose above 61% in 1990. By 1998, both the suicide rate andthe fraction in which a gun was used were below their 1980 levels.6The likelihood that an individual will commit suicide varies substantially by gender andage. In 1998, a man was more than four times as likely as a woman to take his own life, withgender-specific suicide rates equaling 18.6 and 4.4 per 100,000, respectively.7 Table 1demonstrates that suicide rates are significantly lower among teenagers than among non-elderlyadults, but are especially high for those over the age of 75. Interestingly, this effect is entirelydriven by elderly male suicides, as women aged 75 and up are actually less likely than nonelderlyadult women to take their own lives.From 1980 to 1998, suicide rates declined substantially for women but less so for men, asis shown in Table 2.8 During this time period, the fraction of women who committed suicide inthe year fell by more than 20%, while the corresponding fraction for males remained virtuallyเปลี่ยนแปลง ลดลงมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้หญิงอายุ 20 และ 34 และผู้ที่อายุ 55-74 มีอัตราการฆ่าตัวตายลดลงประมาณหนึ่งในสาม อัตราการฆ่าตัวตายของเพศชายในเหล่านี้อายุประเภทยัง ปฏิเสธ แต่เปอร์เซ็นต์น้อยมาก มันไม่เคยเปลี่ยนแปลงจะได้ปฏิเสธในโครงสร้างอายุของประชากรสหรัฐอเมริกา อัตราการฆ่าตัวตายโดยรวมเพศชาย และลดลง 20% สำหรับผู้หญิงมีขนาดใหญ่กว่าแนวโน้มมากที่สุดที่เห็นได้ชัดเจนจากตารางนี้เป็นการเพิ่มขึ้นของการฆ่าตัวตายอัตราในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะ อัตราการฆ่าตัวตายในหมู่เด็กผู้ชายอายุ 10-14 เกือบสองเท่าจาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

2.
ความเป็นมาในปี1980 การฆ่าตัวตายอัตราสหรัฐอยู่ที่ 11.8 ต่อ 100,000 มีประมาณ 57%
ของผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ดังแสดงในรูปที่ 1
ในช่วงหกปีอัตราการฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่องเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดกว่า12.9 ต่อ 100,000 ในปี 1986
ในช่วงเวลานี้ส่วนของการฆ่าตัวตายที่ปืนก็ยังใช้เพิ่มขึ้นเล็กน้อย(รูปที่ 2) และยังคงทำเช่นนั้น
5 Azrael คุกและมิลเลอร์ (2001).
6
ในช่วงหลายปีถัดไปจนกว่าจะมีการเพิ่มขึ้นดังกล่าวข้างต้น 61% ในปี 1990 โดยปี 1998
อัตราการฆ่าตัวตายทั้งสองและส่วนในการที่ปืนถูกนำมาใช้ด้านล่างของพวกเขา1980 levels.6
โอกาสที่บุคคลจะฆ่าตัวตายจะแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญตามเพศและอายุ
ในปี 1998
เป็นคนที่เป็นมากกว่าสี่ครั้งที่น่าจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่จะใช้ชีวิตของตัวเองที่มีอัตราการฆ่าตัวตายเฉพาะเพศเท่ากับ18.6 และ 4.4 ต่อ 100,000, respectively.7
ตารางที่ 1
แสดงให้เห็นว่าอัตราการฆ่าตัวตายลดลงอย่างมีนัยสำคัญในหมู่วัยรุ่นกว่าในหมู่
ที่ไม่ใช่ผู้สูงอายุผู้ใหญ่แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสูงสำหรับผู้ที่อายุเกิน 75
ที่น่าสนใจผลกระทบนี้มีทั้งแรงหนุนจากการฆ่าตัวตายของผู้สูงอายุชายเป็นหญิงอายุ75 ขึ้นไปเป็นจริงน้อยกว่า nonelderly
ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่ที่จะใช้ชีวิตของตัวเอง.
จาก 1980-1998 อัตราการฆ่าตัวตายลดลงอย่างมากสำหรับผู้หญิง
แต่อย่างน้อยก็สำหรับผู้ชายในขณะที่มีการแสดงในตารางที่2.8
ในระหว่างช่วงเวลานี้ส่วนของผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายในปีลดลงกว่า 20% ในขณะที่ส่วนที่สอดคล้องกันสำหรับเพศชาย ยังคงแทบไม่เปลี่ยนแปลง ลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดใหญ่สำหรับผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20 และ 34 และผู้ที่อายุ55-74 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายลดลงประมาณหนึ่งในสาม อัตราการฆ่าตัวตายของชายในประเภทเหล่านี้อายุยังปฏิเสธ แต่ร้อยละขนาดเล็กมาก หากไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างอายุของประชากรสหรัฐโดยรวมมีอัตราการฆ่าตัวตายชายจะได้ลดลงและ20% ลดลงสำหรับผู้หญิงที่จะได้รับได้ขนาดใหญ่. แนวโน้มรบกวนมากที่สุดที่เห็นได้ชัดจากตารางนี้จะเพิ่มขึ้นในการ การฆ่าตัวตายอัตราในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะอัตราการฆ่าตัวตายในหมู่เด็กผู้ชายอายุ 10-14 เกือบสองเท่าจาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

2 . พื้นหลัง
ในปี 1980 , อัตราการฆ่าตัวตายของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 11.8 ต่อ 100000 ที่มีประมาณร้อยละ 57 ของกรณี
ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืน ดังแสดงในรูปที่ 1 ในอีก 6 ปี อัตราการฆ่าตัวตายอย่างต่อเนื่อง
เพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดของมากกว่า 12.9 ต่อ 100000 ในปี 1986 ในช่วงเวลานี้ , เศษส่วน
ของการฆ่าตัวตายที่ปืนถูกใช้ยังเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ( รูปที่ 2 ) และยังคงทำเช่นนั้น
5 อัซรีล ทำอาหาร และ มิลเลอร์ ( 2001 ) .
6
ต่อมาอีกหลายปีจนอยู่เหนือ 61% ในปี 1990 โดยปี 1998 ทั้งอัตราการฆ่าตัวตายและ
ส่วนที่ปืนถูกใช้อยู่ด้านล่างของ 1980 ระดับ 6
โอกาสที่บุคคลจะฆ่าตัวตายจะแตกต่างกันอย่างมากตามเพศและ
อายุ ในปี 1998 , ผู้ชายมีมากกว่าสี่ครั้งเป็นโอกาสที่ผู้หญิงจะใช้ชีวิตของเขาเอง กับ
เพศเฉพาะอัตราการฆ่าตัวตายต่อ 100000 เท่ากับ 18.6% และ 4.4 ตามลำดับ ตารางที่ 1

7 พบว่าอัตราการฆ่าตัวตายจะลดลงในหมู่วัยรุ่นกว่าในหมู่ผู้สูงอายุ
ไม่ใช่ผู้ใหญ่ แต่จะสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อายุเกิน 75 ทั้งนี้ ผลกระทบนี้จะหมด
ขับเคลื่อนด้วยฆ่าตัวตายผู้สูงอายุชาย เป็นหญิงอายุ 75 และขึ้นจริงจะน้อยกว่า nonelderly
ผู้หญิงผู้ใหญ่ให้กับชีวิตของตัวเอง .
จากปี 1980 ถึงปี 1998 อัตราการฆ่าตัวตายลดลงอย่างมากสำหรับผู้หญิง แต่น้อยดังนั้นสำหรับผู้ชาย เป็น

แสดงดังตารางที่ 1.2 ในช่วงเวลานี้ สัดส่วนของผู้หญิงที่ฆ่าตัวตายใน
ปีนี้ลดลงกว่า 20% ขณะที่สัดส่วนที่สอดคล้องกันสำหรับผู้ชายยังคง จวน
ไม่เปลี่ยนแปลงลดลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งขนาดใหญ่สำหรับผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 20 และ 34
ผู้ที่มีอายุ 55-74 ที่มีอัตราการฆ่าตัวตายลดลงประมาณหนึ่งในสาม อัตราการฆ่าตัวตายในผู้ชายวัยนี้ยังปฏิเสธ
ประเภท แต่ร้อยละขนาดเล็กมาก มันไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง
ในโครงสร้างอายุของประชากรสหรัฐโดยรวมเพศชาย อัตราการฆ่าตัวตายจะลดลงและ
ลดลง 20 % สำหรับผู้หญิงจะได้รับใหญ่ .
แนวโน้มรบกวนมากที่สุดที่เห็นได้ชัดจากตารางนี้คือการเพิ่มขึ้นของอัตราการฆ่าตัวตาย
ในหมู่วัยรุ่น โดยเฉพาะ อัตราการฆ่าตัวตายของเด็กชายอายุ 10-14 เกือบสองเท่าจาก