The relationship between cigarette

The relationship between cigarette smoking and the respiratory function test of adolescents has been studied previously. Gold et al.11)found that FEV1/FVC decreased among adolescent smokers. Smoking habits and the number of cigarettes smoked per day were associated with the reduction in FEF25–75. Because our subjects were youths with no apparent respiratory pathology, we did not expect to find advanced impairment of lung function. Indeed, the vast majority of youths demonstrated respiratory function values within the normal range. Additionally, the low level of nicotine dependence, and the intensity and duration of smoking in our youth group were unlikely to cause the intense respiratory health effects that are usually observed in elderly smokers. In this study, FVC of the non-smoker group was significantly greater than that of the smoker group, while there was no significant difference in FEV1 between the groups. This result suggests that cigarette smoking affects the lung capacity of youth smokers, making the volume that is associated with the FVC test smaller than that of non-smokers. The reduction in FVC of smoker may be explained by the reduction in strength of the respiratory muscles. The results for FVC may have been influenced by the instructions given to subjects, to perform maximal inhalation and then perform maximal exhalation as rapidly and as completely as possible. Hence, the FVC test relies on the strength of respiratory muscles. Cigarette smoking affects the respiratory muscles through the influence of free radicals on the vascular system 16), leading to a reduction in respiratory muscle blood supply which adversely impacts respiratory function.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่และการทดสอบการหายใจของวัยรุ่นก่อนหน้านี้ ทอง et al.11)found ที่ FEV1/FVC ลดลงในหมู่วัยรุ่นผู้สูบบุหรี่ พฤติกรรมการสูบบุหรี่และจำนวนบุหรี่ควันต่อวันเกี่ยวข้องกับการลดลงใน FEF25-75 เนื่องจากวิชาของเรามีเยาวชนกับพยาธิหายใจไม่ชัดเจน เราไม่ได้หวังหาผลขั้นสูงของการทำงานของปอด แน่นอน เยาวชนส่วนใหญ่แสดงค่าหายใจอยู่ในช่วงปกติ นอกจากนี้ ระดับต่ำของนิโคตินพึ่งพา และความรุนแรง และระยะเวลาของการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชนของเราก็น่าจะทำให้เกิดผลกระทบรุนแรงสุขภาพทางเดินหายใจที่มักพบในผู้สูงอายุสูบบุหรี่ ในการศึกษานี้ FVC ของกลุ่มไม่สูบบุหรี่ได้อย่างมีนัยสำคัญมากกว่าของกลุ่มสูบบุหรี่ ขณะมีไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญใน FEV1 ระหว่างกลุ่ม ผลลัพธ์นี้แนะนำว่า การสูบบุหรี่มีผลต่อความจุปอดของผู้สูบบุหรี่ของเยาวชน ทำให้ไดรฟ์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ FVC น้อยกว่าที่สูบบุหรี่ ลดใน FVC สูบบุหรี่อาจจะอธิบายได้ โดยการลดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ ผลลัพธ์สำหรับ FVC อาจถูกอิทธิพล โดยกับเรื่อง การดำเนินการสูงสุดดมทำ exhalation สูงสุดได้อย่างรวดเร็ว และสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้น การทดสอบ FVC อาศัยความแรงของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ การสูบบุหรี่มีผลต่อกล้ามเนื้อหายใจผ่านอิทธิพลของอนุมูลอิสระในระบบหลอดเลือด 16), นำไปสู่การลดเลือดกล้ามเนื้อหายใจซึ่งส่งผลกระทบต่อการหายใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่และการทดสอบการทำงานของระบบทางเดินหายใจของวัยรุ่นได้รับการศึกษาก่อนหน้านี้ ทองและ al.11) พบว่า FEV1 / FVC ลดลงในหมู่วัยรุ่นที่สูบบุหรี่ นิสัยการสูบบุหรี่และจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวันมีความสัมพันธ์กับการลดลงของ FEF25-75 เพราะอาสาสมัครของเรามีเยาวชนที่มีพยาธิสภาพทางเดินหายใจไม่ชัดเจนเราไม่ได้คาดหวังที่จะได้พบกับการด้อยค่าขั้นสูงของการทำงานของปอด อันที่จริงส่วนใหญ่ของเยาวชนแสดงให้เห็นถึงค่าฟังก์ชั่นระบบทางเดินหายใจอยู่ในช่วงปกติ นอกจากนี้ในระดับต่ำของการพึ่งพาสารนิโคตินและรุนแรงและระยะเวลาของการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชนของเราไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพทางเดินหายใจรุนแรงที่มักจะพบในผู้สูบบุหรี่ผู้สูงอายุ ในการศึกษานี้ FVC ของกลุ่มผู้ไม่สูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญมากขึ้นกว่ากลุ่มผู้สูบบุหรี่ในขณะที่ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญใน FEV1 ระหว่างกลุ่ม ผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่มีผลกระทบต่อความจุปอดของผู้สูบบุหรี่เยาวชนทำให้ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบ FVC มีขนาดเล็กกว่าของผู้ไม่สูบบุหรี่ การลดลงของ FVC ของการสูบบุหรี่อาจจะอธิบายจากการลดลงในความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ สำหรับผลการ FVC อาจได้รับอิทธิพลจากคำแนะนำให้กับอาสาสมัครที่จะดำเนินการหายใจเข้าสูงสุดแล้วดำเนินการหายใจออกสูงสุดอย่างรวดเร็วและสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่ทำได้ ดังนั้นการทดสอบ FVC อาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจ การสูบบุหรี่มีผลต่อกล้ามเนื้อทางเดินหายใจผ่านอิทธิพลของอนุมูลอิสระในระบบหลอดเลือด 16) ที่นำไปสู่​​การลดลงของปริมาณเลือดของกล้ามเนื้อหายใจซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบทางเดินหายใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความสัมพันธ์ระหว่างการสูบบุหรี่ และทางเดินหายใจ ทดสอบการทำงานของวัยรุ่นได้ศึกษาก่อนหน้านี้ ทอง et al . 11 ) พบว่า fev1 / FVC ลดลงของการสูบบุหรี่ของวัยรุ่น พฤติกรรมการสูบบุหรี่และจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวัน มีความสัมพันธ์กับการลด fef25 – 75 เพราะคนของเรามี เยาวชนไม่มีส่วนทางพยาธิวิทยาเราไม่ได้คาดหวังที่จะพบความบกพร่องที่ทันสมัยการทำงานของปอด แน่นอนส่วนใหญ่ของเยาวชนที่แสดง ค่าสมรรถภาพการหายใจในช่วงปกติ นอกจากนี้ ระดับต่ำของการพึ่งพาสารนิโคตินและความรุนแรงและระยะเวลาของการสูบบุหรี่ในกลุ่มเยาวชนของเราไม่น่าจะก่อให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อสุขภาพมักจะพบในผู้สูงอายุที่สูบบุหรี่ในการศึกษานี้ พบในกลุ่มสูบบุหรี่สูงกว่ากลุ่มที่สูบบุหรี่ในขณะที่ไม่มีความแตกต่าง fev1 ระหว่างกลุ่ม ผลที่ได้นี้แสดงให้เห็นว่าการสูบบุหรี่มีผลต่อปอดของผู้สูบบุหรี่เยาวชน ทำให้ปริมาณที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบขนาดเล็กกว่าที่พบจากสูบบุหรี่การลดลงของ FVC สูบบุหรี่อาจอธิบายด้วยการลดความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจ ผลการค้นหาสำหรับ FVC อาจได้รับอิทธิพลจากคำแนะนำให้วิชา การสูดดมสูงสุดแล้วทำการหายใจออกสูงสุดเป็นอย่างรวดเร็วและเป็นสมบูรณ์ที่สุด ดังนั้น การทดสอบพบต้องอาศัยความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหายใจการสูบบุหรี่มีผลต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจผ่านอิทธิพลของอนุมูลอิสระในระบบหลอดเลือด 16 ) นำไปสู่การลดลงในกล้ามเนื้อระบบทางเดินหายใจเลือดซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงาน .