GENERAL PROPERTIES AND CHARACTERIST

GENERAL PROPERTIES AND CHARACTERISTICS
Magnesium is the lightest of the commercially important metals, having a specific gravity of
about 1.74 (30°/o lighter than aluminum alloys and 75o/o lighter than steel). Like aluminum, magnesium is relatively weak in thepure state and for engineering purposes is almost always used as an alloy.Even inalloy for1n, however,the metal is characterized by poor wear,creep, and fatigueproperties.Strength drops rapidly when the temperature exceeds 100°C (200°F), so magnesium should notbe considered for elevated-temperature service.Its modulus of elas­ ticity is even less than that of alumfilum, being between one fourth and one fifth that of • steel.Thick sections are required to provide adequate stiffness, but the alloy is so light that
it is often possible to use thicker sections for the required rigidity and still have a lighter structure than can be obtained with any other m.etal. Cost per unit volume is low, so the use of thick sections is generally not prohibitive.Moreover, since a large portion of magnesium components are cast,the thicker sections actually become a desirable feature.Ductility is fre.. quently low, a characteristic of the HCP crystal structure, but some alloys have values exceeding 10°/o .
On the more positive side, magnesium alloys have a relatively high strength­ to-weight ratio with some commercial alloys attai n ing strengths as high as 380 MPa (55 ksi). High energy absorption means good damping of noise and vibration. While many magnesium alloys require enamel or lacquer finishes to impart adequate corro­ sion resistance, this property has been improved markedly with the development of higher-purity alloys.In the absence of unfavorable galvanic couples, these materials re­ sist corrosion better than steel and aluminum and have paved the way for applications in many areas, including the automotive market. The numerous limitations, however, generally restrict the use of magnesium to applications where light weight is a domi­ nant concern. While aluminum alloys are often used for the load-bearing members of mechanical structures, magnesium alloys are best suited for those applications where lightness is the primary consideration and strength is a secondary requirement.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คุณสมบัติทั่วไปและลักษณะแมกนีเซียมเป็นโลหะสำคัญในเชิงพาณิชย์ มีเฉพาะแรงโน้มถ่วงของน้ำหนักเบาประมาณ 1.74 (30 °/ o เบากว่าโลหะผสมอลูมิเนียมและน้ำหนักเบากว่าเหล็ก 75o/o) เช่นอลูมิเนียม แมกนีเซียมอยู่ค่อนข้างอ่อนแอในสถานะ thepure และวิศวกรรมประสงค์มักใช้เป็นโลหะผสม แม้ inalloy for1n อย่างไรก็ตาม โลหะเป็นลักษณะการสึกหรอต่ำ คืบ และ fatigueproperties ความแข็งแรงลดลงอย่างรวดเร็วเมื่ออุณหภูมิเกิน 100° C (200° F), ดังนั้นแมกนีเซียมควรพิจารณายกระดับอุณหภูมิการสื่อ ของโมดูลัสของ elas ticity มีน้อยกว่าของ alumfilum ระหว่าง สี่คน และหนึ่งในห้าที่เหล็ก• ส่วนที่หนาจะต้องให้ตึงพอ แต่โลหะผสมเป็นเบาที่ก็มักจะไปใช้ส่วนหนาให้ความแข็งแกร่ง และยังคง มีโครงสร้างเบากว่าสามารถรับได้กับ m.etal อื่น ๆ ใด ๆ ต้นทุนต่อหน่วยปริมาตรอยู่ในระดับต่ำ เพื่อการใช้ส่วนหนาโดยทั่วไปไม่ห้ามปราม นอกจากนี้ เนื่องจากส่วนใหญ่ของส่วนประกอบของแมกนีเซียมและคริสติน ส่วนหนาเป็น คุณลักษณะพึงประสงค์ ความเหนียวเป็นเม... quently ต่ำ เป็นลักษณะของโครงสร้างผลึกของบุคลากรทางการแพทย์ แต่โลหะบางมีค่าเกิน 10 °/ oในด้านบวกมากขึ้น โลหะผสมแมกนีเซียมมีอัตราส่วนน้ำหนักแรงค่อนข้างสูงกับบางโลหะผสมเชิงพาณิชย์ attai n ing จุดแข็งสูงถึง 380 MPa (55 ksi) การดูดซึมพลังงานสูงหมายถึง ป้องกันความดีของเสียงและการสั่นสะเทือน ในขณะที่โลหะผสมแมกนีเซียมหลายต้องเคลือบ หรือแล็กเกอร์เสร็จจะบอกต้านทาน corro เพียงพอ sion พักนี้มีการปรับปรุงอย่างเด่นชัดกับการพัฒนาของโลหะผสมสูงความบริสุทธิ์ ในกรณีที่ไม่เสียเปรียบคู่ไฟฟ้า วัสดุเหล่านี้ re sist การกัดกร่อนดีกว่าเหล็กและอลูมิเนียม และได้ปูทางสำหรับการใช้งานในหลายพื้นที่ ตลาดรถยนต์รวมทั้งการ ข้อจำกัดมากมาย แต่ โดยทั่วไปจำกัดการใช้แมกนีเซียมไปใช้งานที่น้ำหนักเบาเป็นกังวล nant โด ในขณะที่มักจะใช้โลหะผสมอลูมิเนียมสำหรับสมาชิกน้ำหนักของโครงสร้างเครื่องจักรกล โลหะผสมแมกนีเซียมจะเหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานที่เบาเป็นการพิจารณาหลัก และความแข็งแกร่งเป็นรอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

และลักษณะทั่วไป
แมกนีเซียมเป็นเบาของโลหะที่สำคัญในเชิงพาณิชย์ที่มีแรงโน้มถ่วงที่เฉพาะเจาะจงของ
เกี่ยวกับ 1.74 (30 ° / O เบากว่าอลูมิเนียมและ 75o / O เบากว่าเหล็ก) เช่นเดียวกับอลูมิเนียมแมกนีเซียมเป็นที่ค่อนข้างอ่อนแอในรัฐ thepure และเพื่อวัตถุประสงค์วิศวกรรมมักจะใช้เป็น inalloy for1n alloy.Even แต่โลหะที่โดดเด่นด้วยการสวมใส่ยากจนคืบและ fatigueproperties.Strength ลดลงอย่างรวดเร็วเมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 100 ° C (200 ° F) ดังนั้นแมกนีเซียมควรพิจารณาสำหรับ notbe service.Its ยกระดับอุณหภูมิโมดูลัสบู้ต ticity แม้จะน้อยกว่าที่ alumfilum เป็นระหว่างหนึ่งสี่และหนึ่งในห้าของส่วน• steel.Thick จะต้องให้เพียงพอ ตึง แต่โลหะผสมเพื่อให้แสงที่
มันมักจะเป็นไปได้ที่จะใช้ส่วนหนาสำหรับความแข็งแกร่งที่จำเป็นและยังมีโครงสร้างที่เบากว่าสามารถรับกับ m.etal อื่น ๆ ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยปริมาณอยู่ในระดับต่ำดังนั้นการใช้ส่วนหนาโดยทั่วไปไม่ prohibitive.Moreover เนื่องจากส่วนใหญ่ของส่วนประกอบแมกนีเซียมหล่อ, ส่วนที่หนาจริงกลายเป็นที่น่าพอใจเป็น feature.Ductility Fre .. ต่ำที่ควรได้ลักษณะของ โครงสร้าง HCP คริสตัล แต่ผสมบางคนมีค่าเกิน 10 ° / o.
ในด้านบวกมากขึ้น, โลหะผสมแมกนีเซียมมีความแข็งแรงค่อนข้างสูงต่อน้ำหนักอัตราส่วนกับบางพาณิชย์โลหะผสมอัททัย n จุดแข็งของไอเอ็นจีสูงที่สุดเท่าที่ 380 MPa (55 KSI) . การดูดซึมพลังงานสูงหมายถึงการทำให้หมาด ๆ ที่ดีของเสียงและการสั่นสะเทือน ในขณะที่โลหะผสมแมกนีเซียมใหญ่ต้องการเคลือบแล็กเกอร์หรือเสร็จสิ้นการให้ความต้านทาน corro Sion เพียงพอแห่งนี้ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกับการพัฒนาของความบริสุทธิ์สูง alloys.In กรณีที่ไม่มีคู่ไฟฟ้าเสียเปรียบวัสดุเหล่านี้อีกครั้งกัดกร่อน SIST ดีกว่าเหล็กและอลูมิเนียมและ ได้ปูทางสำหรับการใช้งานในหลายพื้นที่รวมทั้งตลาดยานยนต์ ข้อ จำกัด ต่าง ๆ นานา แต่โดยทั่วไปจะ จำกัด การใช้แมกนีเซียมเพื่อการใช้งานที่มีน้ำหนักเบาเป็นกังวล DOMi Nant ในขณะที่อลูมิเนียมมักจะใช้สำหรับสมาชิกรับน้ำหนักของโครงสร้างเครื่องจักรกลโลหะผสมแมกนีเซียมมีความเหมาะสมที่สุดสำหรับการใช้งานเหล่านั้นที่สว่างเป็นหลักพิจารณาและความแข็งแรงเป็นข้อกำหนดรอง