Organic agriculture refers to a far

Organic agriculture refers to a farming system that enhance soil fertility through maximizing the efficient use of local resources, while foregoing the use of agrochemicals, the use of Genetic Modified Organisms (GMO), as well as that of many synthetic compounds used as food additives. Organic agriculture relies on a number of farming practices based on ecological cycles, and aims at minimizing the environmental impact of the food industry, preserving the long term sustainability of soil and reducing to a minimum the use of non renewable resources. This paper carries out a comparative review of the environmental performances of organic agriculture versus conventional farming, and also discusses the difficulties inherent in this comparison process. The paper first provides an historical background on organic agriculture and briefly reports on some key socioeconomic issues concerning organic farming. It then focuses on how agricultural practices affect soil characteristics: under organic management soil loss is greatly reduced and soil organic matter (SOM) content increases. Soil biochemical and ecological characteristics appear also improved. Furthermore, organically managed soils have a much higher water holding capacity than conventionally managed soils, resulting in much larger yields compared to conventional farming, under conditions of water scarcity. Because of its higher ability to store carbon in the soil, organic agriculture could represent a means to improve CO2 abatement if adopted on a large scale. Next, the impact on biodiversity is highlighted: organic farming systems generally harbor a larger floral and faunal biodiversity than conventional systems, although when properly managed also the latter can improve biodiversity. Importantly, the landscape surrounding farmed land also appears to have the potential to enhance biodiversity in agricultural areas. The paper then outlines energy use in different agricultural settings: organic agriculture has higher energy efficiency (input/output) but, on average, exhibits lower yields and hence reduced productivity. Nevertheless, overall, organic agriculture appears to perform better than conventional farming, and provides also other important environmental advantages, such as halting the use of harmful chemicals and their spread in the environment and along the trophic chain, and reducing water use. Looking at the future of organic farming, based on the findings presented in this review, there is clearly a need for more research and investment directed to exploring potential of organic farming for reducing the environmental impact of agricultural practices; however, the implications of reduced productivity for the socioeconomic system should also be considered and suitable agricultural policies should be developed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เกษตรอินทรีย์หมายถึงระบบการเลี้ยงที่เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยเพิ่มการใช้ทรัพยากรท้องถิ่น ขณะกลายใช้สูบใช้ของพันธุกรรมปรับเปลี่ยนสิ่งมีชีวิต (พืชจีเอ็มโอ), เช่น ของสารสังเคราะห์ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร เกษตรอินทรีย์อาศัยจำนวนเกษตรปฏิบัติตามระบบนิเวศรอบ และจุดมุ่งหมายในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมอาหาร การรักษาความยั่งยืนระยะยาวของดินและลดต่ำการใช้ทรัพยากรหมุน กระดาษนี้ดำเนินตรวจสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพด้านสิ่งแวดล้อมของเกษตรอินทรีย์กับทำฟาร์มทั่วไป และยัง กล่าวถึงความยากลำบากในกระบวนการนี้เปรียบเทียบ กระดาษก่อน ให้เป็นพื้นหลังทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ และรายงานสั้น ๆ เกี่ยวกับบางประเด็นประชากรสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเกษตรอินทรีย์ แล้วเน้นเกษตรวิธีปฏิบัติมีผลต่อลักษณะดิน: ใต้ดินจัดการอินทรีย์ สูญเสียอย่างมากลดลง และดินอินทรีย์ (ส้ม) เนื้อหาเพิ่ม ลักษณะระบบนิเวศ และชีวเคมีของดินปรากฏยังปรับปรุง นอกจากนี้ organically จัดการดินเนื้อปูนมีความสูงน้ำมากถือกำลังกว่าดินเนื้อปูนมีการจัดการดี ในผลผลิตมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับการทำฟาร์มแบบดั้งเดิม ภายใต้เงื่อนไขของการขาดแคลนน้ำ เนื่องจากสามารถสูงเพื่อเก็บคาร์บอนในดิน เกษตรอินทรีย์สามารถแสดงวิธีการปรับปรุงลดหย่อน CO2 ถ้านำมาใช้ในพื้นที่ขนาดใหญ่ ถัดไป เน้นผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ: ระบบเกษตรอินทรีย์ harbor ใหญ่ดอกไม้ และ faunal ความหลากหลายทางชีวภาพมากกว่าระบบธรรมดา ให้โดยทั่วไปแต่เมื่อมีจัดการอย่างถูกต้องยังหลังสามารถเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพได้ สำคัญ ภูมิทัศน์โดยรอบที่ดิน farmed ยังปรากฏมีศักยภาพในการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เกษตร กระดาษแล้วสรุปพลังงานที่ใช้ในการตั้งค่าเกษตรอื่น: เกษตรอินทรีย์มีประสิทธิภาพพลังงานสูง (อินพุต/เอาท์พุต) แต่ เฉลี่ย การจัดแสดงต่ำกว่าอัตราผลตอบแทน และผลผลิตที่ลดลงดังนั้น การ อย่างไรก็ตาม เกษตรอินทรีย์ โดยรวมดูเหมือนจะ ทำดีกว่าทำนาแบบดั้งเดิม และยังอื่น ๆ สำคัญด้านสิ่งแวดล้อมประโยชน์ การใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและการแพร่กระจาย ในสิ่งแวดล้อม และ ตามโซ่ trophic ยุติการทำงาน และลดการใช้น้ำ มองที่อนาคตของอินทรีย์เกษตร ขึ้นอยู่กับผลการวิจัยที่นำเสนอในบทความนี้ อย่างชัดเจนไม่ต้องวิจัยเพิ่มเติมและการลงทุนไปสำรวจศักยภาพของเกษตรอินทรีย์เพื่อลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของผลผลิตลดลงสำหรับประชากรระบบควรได้รับการพิจารณา และควรพัฒนานโยบายด้านการเกษตรที่เหมาะสม

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เกษตรอินทรีย์หมายถึงระบบการเลี้ยงที่เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นขณะที่ดังกล่าวข้างต้นการใช้สารเคมีที่ใช้ในการดัดแปลงทางพันธุกรรมสิ่งมีชีวิต (จีเอ็มโอ) เช่นเดียวกับที่ของสารสังเคราะห์ที่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร เกษตรอินทรีย์ขึ้นอยู่กับจำนวนของการปฏิบัติงานตามวงจรของระบบนิเวศและจุดมุ่งหมายที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมอาหาร, การรักษาความยั่งยืนในระยะยาวของดินและลดให้น้อยที่สุดการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนไม่ กระดาษนี้จะดำเนินการตรวจสอบเปรียบเทียบผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของเกษตรอินทรีย์เมื่อเทียบกับการทำการเกษตรแบบเดิมและยังกล่าวถึงความยากลำบากอยู่ในขั้นตอนการเปรียบเทียบนี้ กระดาษแรกมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์และสั้นรายงานเกี่ยวกับปัญหาทางสังคมและเศรษฐกิจที่สำคัญบางอย่างเกี่ยวกับการทำเกษตรอินทรีย์ จากนั้นก็มุ่งเน้นไปที่วิธีการปฏิบัติทางการเกษตรที่ส่งผลกระทบต่อลักษณะดิน: ภายใต้การจัดการการสูญเสียดินอินทรีย์จะลดลงอย่างมากและอินทรียวัตถุในดิน (SOM) การเพิ่มขึ้นของเนื้อหา ทางชีวเคมีของดินและลักษณะทางนิเวศวิทยาปรากฏยังมีการปรับปรุง นอกจากนี้การจัดการดินอินทรีย์มีความจุน้ำที่สูงขึ้นมากถือกว่าดินที่มีการจัดการตามอัตภาพผลให้อัตราผลตอบแทนที่มีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับการทำการเกษตรแบบเดิมภายใต้เงื่อนไขของการขาดแคลนน้ำ เพราะความสามารถที่สูงขึ้นในการจัดเก็บคาร์บอนในดินเกษตรอินทรีย์จะเป็นตัวแทนของวิธีการที่จะปรับปรุงการลด CO2 ถ้านำมาใช้ในขนาดใหญ่ ถัดไปส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพเป็นไฮไลต์: ระบบเกษตรอินทรีย์โดยทั่วไปปิดบังความหลากหลายทางชีวภาพดอกไม้และ faunal ขนาดใหญ่กว่าระบบเดิมแม้ว่าเมื่อจัดการอย่างถูกต้องนอกจากนี้หลังสามารถปรับปรุงความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญภูมิทัศน์โดยรอบที่ดินทำไร่ไถนาก็ดูเหมือนว่าจะมีศักยภาพในการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่การเกษตร กระดาษแล้วแสดงการใช้พลังงานในการตั้งค่าที่แตกต่างกันทางการเกษตร: เกษตรอินทรีย์มีประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่สูงขึ้น (อินพุต / เอาต์พุต) แต่โดยเฉลี่ยการจัดแสดงนิทรรศการผลตอบแทนที่ลดลงและการผลิตที่ลดลงด้วยเหตุนี้ อย่างไรก็ตามโดยรวมเกษตรอินทรีย์ที่ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการเลี้ยงแบบเก่าและยังมีข้อได้เปรียบด้านสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่สำคัญเช่นการหยุดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายและการแพร่กระจายของพวกเขาในสภาพแวดล้อมและตามห่วงโซ่โภชนาการและการลดการใช้น้ำ มองไปที่อนาคตของเกษตรอินทรีย์จากผลการวิจัยที่นำเสนอในการทบทวนนี้มีความจำเป็นอย่างชัดเจนสำหรับการวิจัยมากขึ้นและการลงทุนนำไปสำรวจศักยภาพของเกษตรอินทรีย์เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของการปฏิบัติทางการเกษตร แต่ผลกระทบของการผลิตที่ลดลงสำหรับระบบเศรษฐกิจและสังคมควรได้รับการพิจารณาและนโยบายทางการเกษตรที่เหมาะสมควรมีการพัฒนา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เกษตรอินทรีย์หมายถึงเป็นระบบเกษตรที่ช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน โดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากรท้องถิ่นในขณะที่การใช้สารเคมี การใช้สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม ( จีเอ็มโอ ) เช่นเดียวกับที่สารสังเคราะห์ต่างๆที่ใช้เป็นวัตถุเจือปนอาหาร การเกษตรอินทรีย์ ขึ้นอยู่กับจำนวนของการปฏิบัติตามวงจรนิเวศวิทยาการเกษตรและมีเป้าหมายในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมอาหาร การรักษาในระยะยาวที่ยั่งยืนของดินและลดให้น้อยใช้ไม่หมุนเวียนทรัพยากร กระดาษนี้ดำเนินการตรวจสอบเปรียบเทียบสมรรถนะด้านสิ่งแวดล้อมของเกษตรอินทรีย์และเกษตรปกติ และยังกล่าวถึงปัญหาที่แท้จริงในการเปรียบเทียบนี้กระดาษแผ่นแรกมีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ และสั้น ๆ รายงานบางอย่างที่สำคัญและประเด็นเกี่ยวกับเกษตรอินทรีย์ มันเน้นว่าการปฏิบัติต่อลักษณะของดิน : ภายใต้การสูญเสียการจัดการดินอินทรีย์จะลดลงอย่างมาก และปริมาณอินทรีย์วัตถุในดิน ( ส้ม ) เพิ่มเนื้อหาดินทางชีวเคมีและลักษณะทางนิเวศวิทยาปรากฏขึ้นด้วย นอกจากนี้ การจัดการดิน อินทรีย์ มีสูงมาก จับน้ำความจุกว่าจัดการด้วยดิน ทำให้ผลผลิตมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับการทำนาปกติ ภายใต้สภาวะขาดแคลนน้ำ เพราะมีความสามารถจัดเก็บคาร์บอนในดินเกษตรอินทรีย์อาจหมายถึง หมายถึง การเพิ่ม CO2 ลดถ้าประกาศใช้ในขนาดใหญ่ ถัดไป , ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ จะเน้นระบบเกษตรอินทรีย์โดยทั่วไปท่าเรือขนาดใหญ่ดอกไม้และ faunal ความหลากหลายกว่าระบบปกติ แต่เมื่อมีการจัดการอย่างถูกต้องและหลังสามารถเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ที่สำคัญภูมิทัศน์โดยรอบ farmed ที่ดินยังปรากฏมีศักยภาพที่จะเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่การเกษตร กระดาษแล้วสรุปการใช้พลังงานในการตั้งค่าที่แตกต่างกัน : เกษตรอินทรีย์เกษตรที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง ( input / output ) แต่โดยเฉลี่ยการจัดแสดงผลผลิตที่ลดลง และจึงลดการผลิต อย่างไรก็ตาม โดยรวมเกษตรอินทรีย์ที่ดูเหมือนจะแสดงได้ดีกว่าเกษตรธรรมดา และยังให้ประโยชน์ที่สำคัญอื่น ๆด้านสิ่งแวดล้อม เช่น หยุดการใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย และแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อม และไปตามห่วงโซ่ครั้ง และลดการใช้น้ำ มองอนาคตของการเกษตรอินทรีย์ ตามผลการวิจัยที่นำเสนอในการตรวจสอบนี้มีอย่างชัดเจน ต้องวิจัยเพิ่มเติม และการลงทุนโดยตรง เพื่อสำรวจศักยภาพของการทำเกษตรอินทรีย์ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการปฏิบัติทางการเกษตร อย่างไรก็ตาม ผลกระทบของการผลิตลดลงในระบบเศรษฐกิจสังคมควรได้รับการพิจารณาและนโยบายการเกษตรที่เหมาะสม ควรได้รับการพัฒนา