Italy's capital and largest city, R

Italy's capital and largest city, Rome, has for centuries been the leading political and religious centre of Western civilisation, as the capital of the Roman Empire and of Christianity. In the Dark Ages, Italy suffered continual invasions by Germanic tribes, while the Roman heritage was preserved by Christian monks. Beginning from the 11th century, Italian cities rose to great prosperity through shipping, commerce and banking (modern capitalism, indeed, has its roots in Medieval Italy),[7] while culture flourished especially during the Renaissance, with scholars, artists and polymaths such as Leonardo Da Vinci, Galileo, Michelangelo and Machiavelli. Nonetheless, Italy remained fragmented into numerous warring states for the rest of the Middle Ages, so it eventually fell prey to other big European nation-states, notably France, Spain and Austria, entering a long period of decline which lasted until the beginning of the 19th century.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เมืองหลวงของอิตาลีและเมืองที่ใหญ่ที่สุด, โรม, มีมานานหลายศตวรรษรับศูนย์กลางทางการเมืองและศาสนาชั้นนำของอารยธรรมตะวันตกเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมันและของศาสนาคริสต์ ในวัยมืด, อิตาลีได้รับความเดือดร้อนอย่างต่อเนื่องโดยการรุกรานของชนเผ่าดั้งเดิมในขณะที่มรดกโรมันถูกเก็บรักษาไว้โดยพระสงฆ์ที่นับถือศาสนาคริสต์ เริ่มจากศตวรรษที่ 11,อิตาลีเมืองเพิ่มขึ้นถึงความเจริญรุ่งเรืองที่ดีผ่านการขนส่งการค้าและการธนาคาร (ทุนนิยมสมัยใหม่จริงมีรากในยุคกลางอิตาลี) [7] ในขณะที่วัฒนธรรมเจริญรุ่งเรืองโดยเฉพาะในช่วงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการกับนักวิชาการศิลปินและ polymaths เช่น Leonardo Da vinci, กาลิเลโอ , Michelangelo และ Machiavelli กระนั้นอิตาลียังคงอยู่ในซีกรัฐต่อสู้กันมากมายสำหรับส่วนที่เหลือของยุคกลางดังนั้นในที่สุดก็ลดลงเหยื่อให้ใหญ่อื่น ๆ ในยุโรปรัฐชาติสะดุดตาฝรั่งเศสสเปนและออสเตรียเข้ามาในระยะเวลาที่ยาวนานของการลดลงซึ่งกินเวลาจนถึงจุดเริ่มต้นของศตวรรษที่ 19 .

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เมืองหลวงของอิตาลีและเมืองที่ใหญ่ที่สุด โรม ศตวรรษแล้วศูนย์กลางชั้นนำของทางการเมือง และศาสนาของตะวันตกยัง เป็นเมืองหลวง ของจักรวรรดิโรมัน และศาสนาคริสต์ ในยุคมืด อิตาลีประสบรุกรานอย่างต่อเนื่อง โดยชนเผ่าตระกูล ในขณะที่มรดกโรมันถูกรักษา โดยพระคริสต์ ตั้งแต่ศตวรรษ 11 โรสอิตาลีเมืองเพื่อความเจริญรุ่งเรืองมากผ่านการจัดส่ง การพาณิชย์ และการธนาคาร (ทุนนิยมสมัยใหม่ แน่นอน มีรากของอิตาลียุคกลาง), [7] ในขณะที่วัฒนธรรมความเจริญรุ่งเรืองโดยเฉพาะในช่วงเรเนสซอง นักวิชาการ ศิลปิน และ polymaths เช่นเลโอนาร์โดดาวินชี กาลิเลโอ Michelangelo และมาเคียเวลลิ กระนั้น อิตาลียังคงมีการกระจายตัวในอเมริกาจำนวนมาก warring สำหรับส่วนเหลือของยุคกลาง ดังนั้นมันก็ตกเหยื่อเพื่อ nation-states ยุโรปที่อื่นใหญ่ ยวดฝรั่งเศส สเปน และประเทศ ออสเตรีย ป้อนระยะยาวลดลงซึ่งกินเวลาจนถึงตอนต้นของศตวรรษที่ 19

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เมืองหลวงของประเทศอิตาลีและเมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุด Rome ได้สำหรับช่วงระยะเวลาหลายศตวรรษคือศูนย์กลางทางการเมืองและทางศาสนาชั้นนำของอารยธรรมตะวันตกเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรโรมันและนับถือศาสนาคริสต์ ในยุคมืดที่อิตาลียอมรุกรานอย่างต่อเนื่องโดยตระกูลเยอรมันในขณะที่มรดกแห่งโรมันที่ได้รับการสงวนรักษาอย่างดีเยี่ยมโดยพระสงฆ์ชาวคริสต์ เริ่มจากช่วงศตวรรษที่ 11เมืองอิตาเลียนลุกขึ้นเพื่อความเจริญที่ดีเยี่ยมผ่านธนาคารและการพาณิชย์การส่งสินค้า(ระบบทุนนิยมที่ทันสมัยอย่างแท้จริงมีรากในอิตาลีแห่งยุคกลาง)[ 7 ]วัฒนธรรมในขณะที่เท่าไรโดยเฉพาะในช่วงยุคเรอเนสซองค์ที่พร้อมด้วยศิลปินกลุ่มนักวิชาการและ polymaths เช่น Leonardo da Vinci กาลิเลโอ, Michelangelo และ Machiavelli อย่างไรก็ตามอิตาลียังอยู่ในเกณฑ์ดีแบ่งย่อยเอาไว้ให้รวมอยู่ในรัฐสงครามระหว่างสหรัฐกับอิรักจำนวนมากสำหรับส่วนที่เหลือของส่วนกลางทุกช่วงวัยนี้ดังนั้นในท้ายที่สุดก็จะตกเป็นเหยื่อของชาติในยุโรปอื่นๆขนาดใหญ่ - รัฐโดยเฉพาะฝรั่งเศสและสเปนออสเตรียเข้าสู่ช่วงเวลาอันยาวนานที่ลดลงซึ่งจนกระทั่งถึงช่วงต้นศตวรรษที่ 19 .