พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับชาวไทยมุสลิมในมิต การแปล - พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับชาวไทยมุสลิมในมิต ไทย วิธีการพูด

พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้

พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับชาวไทยมุสลิมในมิติสำคัญ


สำนักข่าวอะลามี่: เมื่อกล่าวถึงมุสลิมในแผ่นดินไทย มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักจะนึกถึงพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมลายู ที่นับถือศาสนาอิสลามใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสตูล มีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามสูงกว่าประชากรที่นับถือศาสนาอื่น ๆ



อย่างไรก็ดี โดยข้อเท็จจริงแล้ว ชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามนั้นมีอยู่เกือบ ๔ ล้านคน โดยกระจายอยู่ทั่วประเทศ ในบางจังหวัด เช่น พัทลุง กระบี่ พังงา เชียงใหม่ ขอนแก่น หรือแม้แต่กรุงเทพมหานคร หากจะสำรวจข้อมูลกันจริง ๆ แล้ว พบว่ามีผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมาก มีทั้งชาวมุสลิมเชื้อสายจีน เชื้อสายเขมร เชื้อสายปาทาน เชื้อสายอาหรับ และอื่น ๆ ซึ่งอยู่ร่วมกับพี่น้องชาวไทยต่างศาสนา ต่างวัฒนธรรมอย่างปรองดอง สมานฉันท์ และสันติสุข โดยมี “จุดร่วม” คือการเป็น “พลเมืองไทย” เช่นเดียวกัน และเท่าเทียมกัน

ศาสนาอิสลามได้เผยแผ่มาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย โดยชาวไทยมุสลิมที่มากับชาวเรือสินค้าจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศมุสลิม คืออิหร่านหรือเปอร์เซีย และยังได้มีการส่งคณะราชทูตไปอีกหลายครั้ง ชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางจึงได้เดินทางมาค้าขายและตั้งบ้านเรือนผสมผสานกับพี่น้องชาวไทยทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ชาวมุสลิมหลายท่านมีบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดินมาโดยตลอดทั้งฝ่ายพลเรือนและทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาอธิปไตยของชาติ ชาวมุสลิมได้ร่วมต่อสู้ป้องกันพระนครให้รอดพ้นจากการรุกรานจากข้าศึกศัตรู และได้ร่วมสละเลือดเนื้อเพื่อประเทศชาติด้วยจิตใจที่รักและห่วงแหนชาติบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์และจริงใจกล่าวได้ว่าผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทยพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อรักษาชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์อยู่เสมอ

บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับกำหนดว่าพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น “องค์อัครศาสนูปถัมภ์”


โดยนัยยะแห่งบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแสดงให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอันไพศาลของพระมหากษัตริย์ไทยทุกรัชสมัยที่ทรงมีต่อผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ กัน แสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจกว้างขวาง จึงเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยคุณประโยชน์แก่ศาสนาและผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ไว้อย่างสมบูรณ์ คนไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดต่างก็มีความรู้สึกเป็นคนไทยที่อยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่มีใครรู้สึกแตกต่าง รู้สึกผิดแผก รู้สึกว่าเป็นผู้อาศัยแผ่นดินหรือเป็นพสกนิกรชั้นสอง และ ทุกคนไม่รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งกันและกัน

การนับถือศาสนาต่างกัน ก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นไทยลดน้อยลงหรือบกพร่องลง และยังไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ว่า คนไทยจะขัดแย้งทางศาสนาถึงขั้นรุนแรง นอกจากความไม่เข้าใจกัน บ้างก็เพียงเล็กน้อย สิ่งสำคัญที่จะกล่าวไว้ในเบื้องต้น ก็คือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระราชหฤทัยศาสนาอิสลาม และเข้าพระหทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง

รูปแบบแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของพี่น้องชาวมุสลิม แตกต่างกับพี่น้องคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นอยู่บ้าง เพราะศาสนาอิสลามได้บัญญัติอย่างชัดเจน ซึ่งมุสลิมจะปฏิบัติผิดไปจากนั้นไม่ได้ พระองค์ก็ทรงทราบข้อความนั้นเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อพสกนิกรมุสลิมเข้าเฝ้าฯก็พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้ปฏิบัติตนตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้สำหรับพสกนิกรมุสลิม พระราชจริยวัตรเรื่องนี้ คงจะได้ถ่ายทอดมายังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรมุสลิมในภาคใต้เป็นพิเศษ

- เสด็จฯ แปรพระราชทานไปประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์เป็นประจำทุกปี
- เสด็จไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรมุสลิมในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกล ให้ราษฎรได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด และทรงถามถึงทุกข์ สุข ของราษฎร
- พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อพัฒนาอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

- พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นทุนในการประกอบอาชีพ
- บางรายที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอันสุดวิสัยที่จะช่วยตนเองได้ จะทรงรับคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์
- ทรงรับเด็กกำพร้าอนาถาชาวมุสลิมเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมราชานุเคราะห์ ซึ่งเด็กเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดู มีการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และไม่รู้สึกว่ามีปมด้อย

อีกทั้งยังเป็นที่มาของเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับ ลุงวาเด็งปูเต๊ะ “พระสหายแห่งสายบุรี” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ถึงความลึกซึ้งระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพสกนิกรของพระองค์ที่เป็นมุสลิมสามัญชนคนธรรมดา รวมทั้งเป็นจุดกำเนิดของตำนาน “ปลาร้องไห้ที่บ้านปาตาตีมอ” ซึ่งสะท้อนถึงพระเมตตาของพระเจ้าแผ่นดินไทยพระองค์นี้ที่มีต่อพสกนิกรผู้ยากไร้ของพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้

เมื่อเหตุการณ์การเผาโรงเรียนกว่า ๓๐ แห่งพร้อมกันภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกลาง พ.ศ. ๒๕๓๖ หลายท่านคงนึกถึงภาพความประทับใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาและราษฎรของพระองค์ ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๖

ภายหลังเหตุการณ์ไม่สงบภายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปะทุรุนแรงขึ้นใน พ.ศ.๒๕๔๗ หลายท่านคงนึกถึงแนวทางพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และปรัชญา “เศรษฐกิจพ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับชาวไทยมุสลิมในมิติสำคัญ สำนักข่าวอะลามี่: เมื่อกล่าวถึงมุสลิมในแผ่นดินไทยมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักจะนึกถึงพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมลายูที่นับถือศาสนาอิสลามใน ๕ จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้นซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะในจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะปัตตานียะลานราธิวาสและสตูลมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามสูงกว่าประชากรที่นับถือศาสนาอื่นๆ อย่างไรก็ดีโดยข้อเท็จจริงแล้วชาวไทยนับถือศาสนาอิสลามนั้นมีอยู่เกือบ ๔ ล้านคนโดยกระจายอยู่ทั่วประเทศในบางจังหวัดเช่นพัทลุงเมืองกระบี่พังงาเชียงใหม่ขอนแก่นหรือแม้แต่กรุงเทพมหานครหากจะสำรวจข้อมูลกันจริงๆ แล้วพบว่ามีผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมากมีทั้งชาวมุสลิมเชื้อสายจีนเชื้อสายเขมรเชื้อสายปาทานเชื้อสายอาหรับและอื่นๆ ซึ่งอยู่ร่วมกับพี่น้องชาวไทยต่างศาสนาต่างวัฒนธรรมอย่างปรองดองสมานฉันท์และสันติสุขโดยมี "จุดร่วม" คือการเป็น "พลเมืองไทย" เช่นเดียวกันและเท่าเทียมกัน ศาสนาอิสลามได้เผยแผ่มาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยโดยชาวไทยมุสลิมที่มากับชาวเรือสินค้าจนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศมุสลิมคืออิหร่านหรือเปอร์เซียและยังได้มีการส่งคณะราชทูตไปอีกหลายครั้งชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางจึงได้เดินทางมาค้าขายและตั้งบ้านเรือนผสมผสานกับพี่น้องชาวไทยทวีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีชาวมุสลิมหลายท่านมีบทบาทในการบริหารราชการแผ่นดินมาโดยตลอดทั้งฝ่ายพลเรือนและทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรักษาอธิปไตยของชาติชาวมุสลิมได้ร่วมต่อสู้ป้องกันพระนครให้รอดพ้นจากการรุกรานจากข้าศึกศัตรูและได้ร่วมสละเลือดเนื้อเพื่อประเทศชาติด้วยจิตใจที่รักและห่วงแหนชาติบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์และจริงใจกล่าวได้ว่าผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทยพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อรักษาชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์อยู่เสมอ บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับกำหนดว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะและทรงเป็น "องค์อัครศาสนูปถัมภ์" โดยนัยยะแห่งบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแสดงให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอันไพศาลของพระมหากษัตริย์ไทยทุกรัชสมัยที่ทรงมีต่อผู้นับถือศาสนาต่างๆ กันแสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจกว้างขวางจึงเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยคุณประโยชน์แก่ศาสนาและผู้ที่นับถือศาสนาต่างๆ ไว้อย่างสมบูรณ์คนไทยทุกคนไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดต่างก็มีความรู้สึกเป็นคนไทยที่อยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีใครรู้สึกแตกต่างรู้สึกผิดแผกรู้สึกว่าเป็นผู้อาศัยแผ่นดินหรือเป็นพสกนิกรชั้นสองและทุกคนไม่รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งกันและกัน การนับถือศาสนาต่างกันก็ไม่ได้ทำให้ความเป็นไทยลดน้อยลงหรือบกพร่องลงและยังไม่เคยปรากฏในประวัติศาสตร์ว่าคนไทยจะขัดแย้งทางศาสนาถึงขั้นรุนแรงนอกจากความไม่เข้าใจกันบ้างก็เพียงเล็กน้อยสิ่งสำคัญที่จะกล่าวไว้ในเบื้องต้นก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระราชหฤทัยศาสนาอิสลามและเข้าพระหทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง รูปแบบแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของพี่น้องชาวมุสลิม แตกต่างกับพี่น้องคนไทยที่นับถือศาสนาอื่นอยู่บ้าง เพราะศาสนาอิสลามได้บัญญัติอย่างชัดเจน ซึ่งมุสลิมจะปฏิบัติผิดไปจากนั้นไม่ได้ พระองค์ก็ทรงทราบข้อความนั้นเป็นอย่างดี ดังนั้นเมื่อพสกนิกรมุสลิมเข้าเฝ้าฯก็พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้ปฏิบัติตนตามบัญญัติของศาสนาอิสลาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้สำหรับพสกนิกรมุสลิม พระราชจริยวัตรเรื่องนี้ คงจะได้ถ่ายทอดมายังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชโอรสและพระราชธิดาทุกพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยพสกนิกรมุสลิมในภาคใต้เป็นพิเศษ -เสด็จฯ แปรพระราชทานไปประทับแรมณพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์เป็นประจำทุกปี -เสด็จไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรมุสลิมในท้องถิ่นทุรกันดารห่างไกลให้ราษฎรได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิดและทรงถามถึงทุกข์สุขของราษฎร -พระราชทานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อพัฒนาอาชีพและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร -พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนในการประกอบอาชีพ -บางรายที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอันสุดวิสัยที่จะช่วยตนเองได้จะทรงรับคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ -ทรงรับเด็กกำพร้าอนาถาชาวมุสลิมเข้ามาอยู่ภายใต้พระบรมราชานุเคราะห์ซึ่งเด็กเหล่านี้ได้รับการเลี้ยงดูมีการศึกษาและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์และไม่รู้สึกว่ามีปมด้อย อีกทั้งยังเป็นที่มาของเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับลุงวาเด็งปูเต๊ะ "พระสหายแห่งสายบุรี" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ถึงความลึกซึ้งระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพสกนิกรของพระองค์ที่เป็นมุสลิมสามัญชนคนธรรมดารวมทั้งเป็นจุดกำเนิดของตำนาน "ปลาร้องไห้ที่บ้านปาตาตีมอ" ซึ่งสะท้อนถึงพระเมตตาของพระเจ้าแผ่นดินไทยพระองค์นี้ที่มีต่อพสกนิกรผู้ยากไร้ของพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้ เมื่อเหตุการณ์การเผาโรงเรียนกว่า ๓๐ แห่งพร้อมกันภายในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อกลาง พ.ศ. ๒๕๓๖ หลายท่านคงนึกถึงภาพความประทับใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาและราษฎรของพระองค์ ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๓๖ ภายหลังเหตุการณ์ไม่สงบภายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ปะทุรุนแรงขึ้นใน พ.ศ.๒๕๔๗ หลายท่านคงนึกถึงแนวทางพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” และปรัชญา “เศรษฐกิจพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ที่คุณพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับชาวไทย English มุสลิมในห้างหุ้นส่วนจำกัดมิติสำคัญ


สำนักข่าวหุ้นไทยอะลามี่: เมื่อกล่าวถึงมุสลิมในแผ่นดินไทยมี ผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มักจะนึกถึงพี่น้องชาวไทยเชื้อสายมลายูที่นับถือศาสนาอิสลามใน 5 จังหวัด ชายแดนภาคใต้เท่านั้นซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเพราะในห้างหุ้นส่วนจำกัดจังหวัดชายแดนภาคใต้โดยเฉพาะปัตตานีเป็นยะลานราธิวาสและสตูลมีประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามสูงสุดสูงกว่าประชากรที่นับถือศาสนาอื่น ๆ



อย่างไรก็ดีโดยข้อเท็จจริงแล้วชาวไทย English นับถือศาสนาอิสลามนั้นมีขณะนี้เกือบ 4 ล้านคนโดยกระจายอยู่ทั่วประเทศใน บางจังหวัดเช่นพัทลุงกระบี่พังงาเชียงใหม่ขอนแก่นหรือแม้แต่กรุงเทพมหานครหากจะสำรวจข้อมูลกันจริง ๆ แล้วพบว่ามีผู้นับถือศาสนาอิสลามอยู่เป็นจำนวนมากมีทั้งชาวมุสลิมเชื้อสายจีนเชื้อสายเขมรเชื้อสายปาทานเชื้อสายอาหรับ และอื่น ๆ ซึ่งอยู่ร่วมกับพี่น้อง ชาวไทยต่างศาสนาต่างวัฒนธรรมอย่างปรองดองสมานฉันท์และสันติสุขโดยมี "จุดร่วม" คือการเป็น "พลเมืองไทย" เช่นเดียวกันและเท่าเทียมกัน

ศาสนาอิสลามได้เผยแผ่มาสู่ประเทศไทยตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัยโดยชาว ไทยมุสลิมที่มากับชาวเรือสินค้า จนถึงรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมีการส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศมุสลิมคืออิหร่านหรือเปอร์เซียและยังได้มีการส่งคณะราชทูตไปอีกหลายครั้งชาวมุสลิมจากตะวันออกกลางจึงได้เดินทางมา ค้าขายและตั้งบ้านเรือนผสมผสานกับพี่น้องชาวไทย English ทวีจำนวนมากขึ้นมาเรื่อย ๆ
ในห้างหุ้นส่วนจำกัดสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีชาวมุสลิมหลายท่านมีบทบาทในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การบริหารราชการเป็นแผ่นดินมาโดยตลอดทั้งฝ่ายพลเรือนและคุณทหารโดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การรักษาอธิปไตยของคุณชาติ ชาวมุสลิมได้ร่วมต่อสู้ป้องกันพระนครให้ รอดพ้นจากการรุกรานจากข้าศึกศัตรูและได้ร่วมสละเลือดเนื้อเพื่อประเทศชาติด้วยจิตใจที่รักและห่วงแหนชาติบ้านเมืองอย่างบริสุทธิ์และจริงใจกล่าวได้ว่าผู้นับถือศาสนาอิสลามในประเทศไทยพร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อ รักษาคุณชาติศาสนาและที่คุณพระมหากษัตริย์ขณะนี้เสมอ

บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับกำหนดว่าได้ที่คุณพระมหากษัตริย์คุณทรงเป็นพุทธมามกะและคุณทรงเป็น "องค์อัครศาสนูปถัมภ์"


โดยนัยยะแห่งบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญแสดง ให้เห็นถึงน้ำพระราชหฤทัยอัน ไพศาลของพระมหากษัตริย์ไทยทุกรัช สมัยที่ทรงมีต่อผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ กันแสดงให้เห็นว่าคนไทยเป็นคนที่มีน้ำใจกว้างขวางจึงเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยคุณประโยชน์แก่ศาสนาและผู้ที่นับถือศาสนาต่าง ๆ ไว้อย่างสมบูรณ์ คนไทยทุกคนไม่ว่าจะนับถือ ศาสนาใดต่างก็มีความรู้สึกเป็นคนไทยที่อยู่ภายใต้พระบรมราชูปถัมภ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีใครรู้สึกแตกต่างรู้สึกผิดแผกรู้สึกว่าเป็นผู้อาศัยแผ่นดินหรือเป็นพสกนิกรชั้นสองและทุกคนไม่ รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์ซึ่งกันและกัน

หัวเรื่อง: การนับถือศาสนาต่างกันก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถเป็นไทย English ลดน้อยตั้งขึ้นลงหรือบกพร่องลงและยังไม่เคยปรากฏในห้างหุ้นส่วนจำกัดประวัติศาสตร์ว่าได้ของคุณคนไทย English จะขัดแย้งทางศาสนาถึงขั้นรุนแรงนอกจากความสามารถไม่เข้าใจกันบ้างก็เพียงเล็กน้อยสิ่ง สำคัญที่จะกล่าวไว้ในห้างหุ้นส่วนจำกัดเบื้องต้นก็คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคุณทรงสนที่คุณพระราชหฤทัยศาสนาอิสลามและเข้าที่คุณพระหทัยศาสนาอิสลามอย่างลึกซึ้ง

รูปแบบแสดงออกถึงความสามารถจงรักภักดีต่อคุณชาติศาสนาที่คุณพระมหากษัตริย์ของพี่น้องชาวมุสลิมแตกต่างกับพี่น้องของคุณคนไทย English ที่ นับถือศาสนาอื่นอยู่บ้างเพราะศาสนาอิสลาม ได้บัญญัติอย่างชัดเจนซึ่งมุสลิมจะปฏิบัติผิดไปจากนั้นไม่ได้พระองค์ก็ทรงทราบข้อความนั้นเป็นอย่างดีดังนั้นเมื่อพสกนิกรมุสลิมเข้าเฝ้าฯ ก็พระราชทานพระบรมราชานุญาติให้ปฏิบัติตนตามบัญญัติของศาสนา อิสลามนับเป็นที่คุณพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดไม่ได้สำหรับพสกนิกรมุสลิมที่คุณพระราชจริยวัตรเรื่องนี้คงจะได้ถ่ายทอดมายังสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถที่คุณพระราชโอรสและที่คุณพระราชธิดาทุกพระองค์


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวคุณทรงห่วงใยพสกนิกรมุสลิมในห้างหุ้นส่วนจำกัดภาคใต้เป็นพิเศษ

- เสด็จฯ แปรพระราชทานไปประทับแรม ณ พระตำหนักทักษิณ ราชนิเวศน์เป็นประจำทุกปี
- เสด็จไปทรงเยี่ยมเยียนพสกนิกรมุสลิมในท้องถิ่น ทุรกันดารห่างไกลให้ราษฎรได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดและทรงถามถึงทุกข์สุขของราษฎร
- พระราชทานโครงการอันเนื่องมา จากพระราชดำริเพื่อพัฒนาอาชีพและยก ระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร

- พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุน ในการประกอบอาชีพ
- บางรายที่ป่วยด้วยโรคร้ายแรงอัน สุดวิสัยที่จะช่วยตนเองได้จะทรงรับคนไข้ในพระบรมราชา นุเคราะห์
- คุณทรงรับที่คุณเด็กกำพร้าอนาถาชาวมุสลิมเข้ามาขณะนี้ภายใต้พระบรมราชานุเคราะห์ซึ่งที่คุณเด็กเหล่านี้ได้รับหัวเรื่อง: การเลี้ยงดูมีหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นและความสามารถเป็นขณะนี้ที่ดีขึ้นมีศักดิ์ศรีของความสามารถเป็นมนุษย์และไม่รู้สึกว่าได้มีปมด้อย

อีก ทั้งยังเป็นที่มาของเรื่องเล่า ขานเกี่ยวกับลุงวาเด็งปูเต๊ะ "พระสหายแห่งสายบุรี" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ถึง ความลึกซึ้งระหว่างสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับพสกนิกรของพระองค์ที่เป็นมุสลิมสามัญชนคนธรรมดารวมทั้งเป็น จุดกำเนิดของตำนาน "ปลาร้องไห้ที่บ้านปาตาตีมอ" ซึ่งสะท้อนถึงที่คุณพระคุณเมตตาของพระเจ้าแผ่นดินไทย English พระองค์นี้ที่มีต่อพสกนิกรคุณผู้ยากไร้ของพระองค์อย่างหาที่เปรียบมิได้

เมื่อเหตุการณ์หัวเรื่อง: การเผาตำแหน่งที่เคยกว่า 30 แห่งพร้อมกันภายในจังหวัด ชายแดนภาคใต้เมื่อกลาง พ.ศ. 2536 หลายท่านคงนึกถึงภาพความประทับใจที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมเยียนผู้นำศาสนาและราษฎรของพระองค์ ณ มัสยิดกลางจังหวัดปัตตานีเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2536

ภายหลังเหตุการณ์ไม่สงบภายในสามจังหวัดชายแดน ภาคใต้ได้ปะทุรุนแรงขึ้นใน พ.ศ. 2547 หลายท่านคงนึกถึงแนวทางพระราชทาน "เข้าใจเข้าถึงพัฒนา" และปรัชญา "เศรษฐกิจพ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: