D. bryoniae is an Ascomycota fungus

D. bryoniae is an Ascomycota fungus. In spring, asexual fruiting bodies called pycnidia and sexual fruiting bodies called perithecia are formed from last year’s infected plant debris. Pycnidia are flask-shaped structures that house asexual conidia which are readily released from pycnidia through the ostiole when enough moisture is present.[1] Perithecia are also flask-shaped, but they are sexual fruiting bodies which give rise to bitunicate asci that contain 8 ascospores. Ascospores are readily dispersed and spread by wind after rain or during evening dew periods.[2]

Temperature and moisture are the most important factors for germination and development of the pathogen on the plant, with moisture being most important of all.[1] Free moisture must be present on susceptible leaves for at least one hour in order for germination of spores to occur.[6] The pathogen can enter a healthy host in a variety of ways. With enough moisture, conidia directly penetrate through the cuticle and infect healthy cucurbits.[2] Wounds to the plant, especially those left by feeding insects such as the striped cucumber beetle or aphids, are important passageways for the pathogen to enter in older hosts.[6] Other diseases, like Powdery Mildew, can also weaken a host enough to provide easy entry for D. bryoniae. After spore germination, symptoms can appear as soon as 7 days later.[4]

D. bryoniae survives on or in seeds, surrounding weeds, or organic debris from previously infected cucurbits.[4] Without a host, the pathogen is able to overwinter and survive for over a year as chlamydospores, hardened masses of hyphae that act as survival structures during dry or otherwise adverse conditions.[1] The pathogen is transferred from infected hosts to healthy plants via ascospores carried in the wind and by conidia that are released from pycnidia by water splash and in gummy exude. Conidia are hyaline and aseptate if produced by the anamorph, and either septate or aseptate (more common) if produced by the teleomorph form of the pathogen.[4]

The host must remain wet for growth and spread of the disease. Once the primary infection takes place, as long as it remains wet, the pathogen will spread to the stem where cankers form and ooze a gummy substance full of conidia.[2] Conidia spread from the gummy ooze to another host is considered the secondary asexual cycle.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

D. bryoniae เป็นเชื้อรา Ascomycota ในฤดูใบไม้ผลิดอกเห็ดที่เรียกว่ากะเทย pycnidia และร่างกายทางเพศที่เรียกว่าผล perithecia จะเกิดขึ้นจากปีที่ผ่านมาของเศษซากพืชที่ติดเชื้อ Pycnidia มีโครงสร้างขวดที่มีรูปทรงที่บ้าน conidia กะเทยที่ถูกปล่อยออกมาได้อย่างง่ายดายจาก pycnidia ผ่าน ostiole เมื่อความชื้นพอเป็นปัจจุบัน. [1] Perithecia นอกจากนี้ยังมีขวดรูป แต่พวกเขาเป็นดอกเห็ดทางเพศที่ก่อให้เกิด bitunicate asci ที่มี 8 ascospores Ascospores จะแยกย้ายกันไปได้อย่างง่ายดายและการแพร่กระจายโดยลมหลังฝนตกหรือในช่วงระยะเวลาน้ำค้างยามเย็น. [2] อุณหภูมิและความชื้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการงอกและการพัฒนาของเชื้อโรคในโรงงานที่มีความชื้นมีความสำคัญมากที่สุดของทั้งหมด. [1] ฟรี ความชื้นจะต้องนำเสนอบนใบไวต่อเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงในการสั่งซื้อสำหรับการงอกของสปอร์ที่จะเกิดขึ้น. [6] เชื้อโรคสามารถเข้าสู่การเป็นเจ้าภาพที่ดีต่อสุขภาพในหลายวิธี ที่มีความชื้นพอ conidia โดยตรงเจาะผ่านหนังกำพร้าและติดพืชตระกูลแตงที่มีสุขภาพดี. [2] บาดแผลพืชโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เหลือด้วยการกินแมลงเช่นด้วงแตงกวาลายเพลี้ยหรือมีทางเดินที่สำคัญสำหรับเชื้อโรคจะเข้าสู่ในโฮสต์ที่มีอายุมากกว่า [6] โรคอื่น ๆ เช่นราแป้งยังสามารถลดลงโฮสต์เพียงพอที่จะให้ง่ายสำหรับรายการดี bryoniae หลังจากงอกของสปออาการจะปรากฏทันทีที่ 7 วันต่อมา. [4] D. bryoniae มีชีวิตอยู่หรือในเมล็ดรอบวัชพืชหรือเศษอินทรีย์จากพืชวงศ์แตงติดเชื้อก่อนหน้านี้. [4] โดยไม่ต้องเจ้าภาพเชื้อโรคสามารถ overwinter และอยู่รอดได้นานกว่าหนึ่งปีเป็น chlamydospores ฝูงแข็งของเส้นใยที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างการอยู่รอดในช่วง สภาวะที่แห้งหรืออาการไม่พึงประสงค์อย่างอื่น. [1] การติดเชื้อจะถูกโอนจากครอบครัวที่ติดเชื้อจะมีสุขภาพดีผ่านทางพืช ascospores ดำเนินการในลมและสปอร์ที่ได้รับการปล่อยตัวออกมาจาก pycnidia โดยสาดน้ำและคายความเหนียว สปอร์มีความใสและ aseptate ถ้าผลิตโดย anamorph และทั้ง septate หรือ aseptate (ร่วมกันมากขึ้น) ถ้าผลิตโดยรูปแบบ teleomorph ของเชื้อโรค. [4] เจ้าภาพจะต้องยังคงเปียกสำหรับการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของโรค เมื่อติดเชื้อหลักจะเกิดขึ้นตราบใดที่มันยังคงเปียกเชื้อโรคจะแพร่กระจายไปยังต้นกำเนิดที่เข้าเฝือกรูปแบบและซึมสารเหนียวเต็มรูปแบบของสปอร์. [2] conidia แพร่กระจายจากโคลนตมเหนียวไปยังโฮสต์อื่นถือว่าเป็นรองกะเทย วงจร

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

D . bryoniae เป็นโคไมโคตาเห็ดรา ในฤดูใบไม้ผลิ ไม่มีเพศติดร่างกายเรียกว่าพิกนิเดียและทางเพศติดร่างกาย เรียกว่า เพอริทีเซียจะขึ้นจากปีที่แล้วติดเศษพืช พิกนิเดียเป็นขวดรูปโครงสร้างบ้านหลังนั้นไม่มีเพศเดียซึ่งจะพร้อมปล่อยตัวจากพิกนิเดียผ่าน ostiole เมื่อความชื้นเพียงพอปัจจุบัน [ 1 ] เพอริทีเซียยังเป็นรูปขวดแต่พวกเขามีร่างกายซึ่งก่อให้เกิดผลทางเพศ bitunicate asci ที่ประกอบด้วย 8 ascospores . ascospores พร้อมกระจายแพร่กระจายโดยลมและฝน หรือ น้ำค้าง หลังจากช่วงเย็น [ 2 ]

อุณหภูมิและความชื้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดสำหรับการงอก และการพัฒนาของเชื้อโรคในพืช , ความชื้นที่สำคัญที่สุดของทั้งหมดความชื้น [ 1 ] ฟรีต้องมีอยู่ในใบต่ออย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้งอกจากสปอร์เกิดขึ้น . [ 6 ] เชื้อโรคสามารถเข้าสู่โฮสต์เพื่อสุขภาพในหลากหลายวิธี มีความชื้นเพียงพอ โคนิตรงทะลุผ่านผิวหนังชั้นนอกและติดเชื้อ cucurbits มีสุขภาพดี . [ 2 ] แผลกับพืช โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านซ้าย โดยการให้แมลง เช่น ด้วง หรือเพลี้ยแป้งลาย แตงกวา ,เป็นทางผ่านที่สำคัญเชื้อโรคเข้าไปในโฮสต์เก่า [ 6 ] โรคอื่น ๆเช่น powdery mildew สามารถทำให้โฮสต์เพียงพอเพื่อให้เข้าง่ายสำหรับ D . bryoniae . หลังจากการงอกของสปอร์ อาการจะปรากฏเร็ว 7 วันต่อมา [ 4 ]
d . bryoniae รอด หรือ ในเมล็ดพันธุ์โดยรอบ วัชพืช หรือวัสดุอินทรีย์จากติดเชื้อก่อนหน้านี้ cucurbits [ 4 ] โดยเจ้าภาพเชื้อสามารถมีชีวิตอยู่ระหว่างฤดูหนาวและอยู่รอดได้นานกว่า 1 ปี chlamydospores เสริมมวลของเส้นใยที่เป็นโครงสร้างในการแห้ง หรือสภาวะที่ไม่พึงประสงค์อื่น [ 1 ] เชื้อโรคมาจากครอบครัวที่ติดเชื้อเพื่อสุขภาพพืชผ่าน ascospores อุ้มในลมและชนิดที่ถูกปล่อยออกมาจากพิกนิเดีย โดยน้ำและเหนียวคาย .และนี้เป็นจำนวน aseptate ถ้าผลิตโดย anamorph และให้สปอร์หรือ aseptate ( ทั่วไป ) ถ้าผลิตโดย teleomorph รูปแบบของเชื้อโรค [ 4 ]

เจ้าบ้านต้องยังคงเปียกสำหรับการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของโรค เมื่อการติดเชื้อปฐมภูมิเกิดขึ้น ตราบใดที่มันยังคงเปียก เชื้อโรคจะแพร่กระจายไปยังต้นที่ cankers แบบฟอร์มและไหลซึมเป็นสารเหนียวเต็มของโคนิเดีย .[ 2 ] ชนิดแพร่กระจายจากของเหลวเหนียวไปยังโฮสต์อื่นถือว่าเป็นวงจรที่ไม่มีเพศทุติยภูมิ