Lipstick History and FactsSince the

Lipstick History and Facts
Since the dawn of prehistoric times, humans always had the need to distinguish themselves among others. Clothes, shoes, tools, jewelry and cosmetics were first of the ways we managed to do that, but lipsticks and facial pants were one of the most noticeable ways to change our appearance. Hunters painted their skin to better blend in with their surroundings, priests and acolytes decorated themselves to honor their gods and beliefs, and young people used every way imaginable to make them more pretty and presentable to the opposite sex.
However, in the long prehistoric periods lipsticks were made only from readily available natural sources – fruit and plant juices. As early civilizations started appearing in the Middle East, North Africa and India, advanced manufacturing processes enabled mankind to finally start producing new kinds of lipsticks. First ones to do so were Mesopotamian women, who grinded out precious gems and used their dust to decorate their lips with glimmer and riches. Women from Indus Valley Civilization used lipstick regularly, but it was Egypt where manufacture of lipstick received many advancements. There, royal members, clergy and high class used several types of lipsticks, some of them with recipes that contained poisonous ingredients that could cause serious illnesses. It was there that carmine color became popular, extracted from the bodies of cochineal insects, technique that is widely used even today (although governments in US and EU heavily regulate presence of that pigment in our food and cosmetic products).
After Egypt managed to spread their inventions and advancements across entire Europe, lipstick managed to find its home primarily with the actors of the Greek and Roman empires. As Christianity took hold in Europe, lipstick became thing of the past and almost totally forgotten (Catholic Church condemned the use of cosmetics, often connecting red lipstick use with the worshiping of the Satan). The Resurgence of the lipstick returned in 16th century, during the dramatic fashion changes that were implemented by English Queen Elizabeth I. Her fashion style of stark white faces and brightly painted lips was popular for some time, but quickly after that lipstick fell to the margins of the society where it was used only by low class women and prostitutes. This trend did not changed for several centuries, until industrial revolution of late 19th century managed to bring back commercial lipsticks into the popular fashion. With ease of manufacturing, low prices, rise of photography, and popularization by many famous film

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ลิปสติกประวัติและข้อเท็จจริงตั้งแต่เช้าของสมัยก่อนประวัติศาสตร์ มนุษย์มักจะมีการแยกแยะตัวเองผู้อื่น เสื้อผ้า รองเท้า เครื่องมือ เครื่องประดับ และเครื่องสำอางแรกในวิธีที่เราจัดการที่จะทำ แต่ลิปสติกและหน้ากางเกงถูก noticeable มากที่สุดวิธีหนึ่งในการเปลี่ยนลักษณะที่ปรากฏของเรา นายพรานทาสีผิวดี ผสานรอบ บาทหลวงและ acolytes ตกแต่งตัวเองเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าและความเชื่อของพวกเขา และคนหนุ่มสาวใช้ทุกวิถีทางเท่าที่ทำให้สวยขึ้น และมุมการเพศตรงข้าม อย่างไรก็ตาม ในช่วงยุคก่อนประวัติศาสตร์นาน ลิปสติกจากแหล่งธรรมชาติพร้อม – ผลไม้ และพืชน้ำทำ อารยธรรมแรกเริ่มปรากฏในตะวันออกกลาง แอฟริกาเหนือ และอินเดีย กระบวนการผลิตขั้นสูงทำมนุษย์จน เริ่มผลิตชนิดใหม่ของลิปสติก ครั้งแรก ที่ทำได้เมผู้หญิง สามารถออกมีค่าอัญมณี และใช้ฝุ่นของพวกเขาในการตกแต่งริมฝีปากของพวกเขากับแสงระยิบระยับและมั่งคั่ง ผู้หญิงจากอารยธรรมสินธุวัลใช้ลิปสติกประจำ แต่มันเป็นอียิปต์ซึ่งผลิตลิปสติกได้รับความก้าวหน้ามาก รอยัล คณาธิการ และชั้นสูงใช้ลิปสติก บางสูตรที่ประกอบด้วยส่วนผสมสารมีพิษที่อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงหลายชนิด มันมีว่า สีแดงกลายเป็นที่นิยม แยกจากร่างกายของแมลง cochineal เทคนิคที่ใช้ถึงทุกวันนี้ (แม้ว่ารัฐบาลในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปอย่างควบคุมของที่เม็ดสีในผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องสำอางของเรา)หลังจากอียิปต์จัดการแพร่กระจายสิ่งประดิษฐ์และความก้าวหน้าของตนเองทั่วทั้งยุโรป ลิปสติกจัดการค้นหาของบ้านเป็นหลัก มีนักแสดงของกรีกและโรมันจักรวรรดิ ศาสนาคริสต์เอาไว้ในยุโรป ลิปสติกกลายเป็น สิ่งของผ่านมา และลืมเกือบทั้งหมด (คาทอลิกประณามการใช้เครื่องสำอาง มักจะเชื่อมต่อใช้ลิปสติกสีแดงบูชาซาตาน) การฟื้นตัวของลิปสติกที่ส่งคืนในศตวรรษที่ 16 ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นอย่างมากที่ถูกนำมาใช้ โดยอังกฤษเอลิซาเบธฉัน สไตล์แฟชั่นของเธอขาวหน้าสิ้นเชิงและริมฝีปากที่ทาสีสดใสเป็นที่นิยมบางครั้ง อย่างรวดเร็วแต่หลังจากลิปสติกที่ล้มลงไปขอบของสังคมซึ่งมันถูกใช้ โดยผู้หญิงชั้นต่ำและโสเภณีเท่านั้น แนวโน้มนี้ไม่ไม่การเปลี่ยนแปลงหลายศตวรรษ จนปฏิวัติอุตสาหกรรมช่วงปลายของศตวรรษที่ 19 ได้นำลิปสติกพาณิชย์กลับมาเป็นแฟชั่นยอดนิยม ได้ง่ายราคาต่ำ ผลิต ถ่ายภาพ และเชี่ยวขึ้น โดยฟิล์มที่มีชื่อเสียงมาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประวัติลิปสติกและข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้นของสมัยก่อนประวัติศาสตร์มนุษย์มักจะมีความจำเป็นที่จะต้องแยกตัวเองในหมู่คนอื่น ๆ
เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องมือ, เครื่องประดับและเครื่องสำอางเป็นครั้งแรกในวิธีที่เรามีการจัดการที่จะทำ แต่ลิปสติกและกางเกงขายาวผิวหน้าเป็นหนึ่งในวิธีที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดในการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของเรา ล่าสีผิวของพวกเขาให้ดีขึ้นผสมผสานกับสภาพแวดล้อมของพวกเขาพระสงฆ์และลูกน้องได้รับการตกแต่งตัวเองเพื่อเป็นเกียรติแก่พระเจ้าและความเชื่อของพวกเขาและคนหนุ่มสาวที่ใช้วิธีเท่าที่จะทำให้พวกเขาสวยและเรียบร้อยเพศตรงข้ามทุก.
อย่างไรก็ตามในงวดก่อนประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ลิปสติกถูกสร้างขึ้นมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย - ผลไม้และน้ำผลไม้พืช ในฐานะที่เป็นอารยธรรมต้นเริ่มปรากฏในตะวันออกกลางแอฟริกาเหนือและอินเดียกระบวนการผลิตขั้นสูงที่เปิดใช้งานไปจนมนุษย์เริ่มต้นการผลิตชนิดใหม่ของลิปสติก คนแรกที่จะทำเช่นนั้นเป็นผู้หญิงเมโสโปเตที่บดออกอัญมณีที่มีค่าฝุ่นละอองและใช้พวกเขาในการตกแต่งริมฝีปากของพวกเขาด้วยริบหรี่และความร่ำรวย ผู้หญิงจากอารยธรรมลุ่มแม่น้ำสินธุใช้ลิปสติกเป็นประจำ แต่มันเป็นอียิปต์ที่การผลิตของลิปสติกที่ได้รับความก้าวหน้าหลาย มีสมาชิกในพระราชพระสงฆ์และชั้นสูงที่ใช้หลายประเภทของลิปสติกบางส่วนของพวกเขาด้วยสูตรที่มีส่วนผสมที่เป็นพิษที่อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วยที่รุนแรง มันอยู่ที่นั่นสีแดงที่กลายเป็นที่นิยมสกัดจากร่างกายของแมลงสีแดงเทคนิคที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายแม้วันนี้ (แม้ว่ารัฐบาลในสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปอย่างหนักควบคุมการปรากฏตัวของเม็ดสีที่อยู่ในอาหารและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางของเรา).
หลังจากที่อียิปต์มีการจัดการที่จะแพร่กระจาย สิ่งประดิษฐ์และความก้าวหน้าของพวกเขาทั่วทั้งยุโรป, ลิปสติกจัดการเพื่อหาที่บ้านของตนเป็นหลักกับนักแสดงของจักรวรรดิกรีกและโรมัน ในฐานะที่เป็นศาสนาคริสต์จับในยุโรป, ลิปสติกกลายเป็นสิ่งที่ผ่านมาและเกือบจะลืมไปแล้วโดยสิ้นเชิง (โบสถ์คาทอลิกประณามการใช้เครื่องสำอางที่มักจะเชื่อมต่อการใช้ลิปสติกสีแดงที่มีการบูชาของซาตาน) ฟื้นตัวของลิปสติกกลับมาในศตวรรษที่ 16 ในช่วงการเปลี่ยนแปลงของแฟชั่นอย่างที่ได้รับการดำเนินการโดย Queen Elizabeth I. ภาษาอังกฤษสไตล์แฟชั่นของเธอใบหน้าสีขาวและริมฝีปากทาสีสดใสเป็นที่นิยมสำหรับบางเวลา แต่อย่างรวดเร็วหลังจากลิปสติกที่ลดลงไปขอบ ของสังคมที่มันถูกใช้โดยผู้หญิงชั้นต่ำและโสเภณี แนวโน้มเช่นนี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลายศตวรรษจนกระทั่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่มีการจัดการที่จะนำกลับลิปสติกในเชิงพาณิชย์เป็นแฟชั่นที่เป็นที่นิยม มีความสะดวกในการผลิตในราคาที่ต่ำเพิ่มขึ้นของการถ่ายภาพและเป็นที่นิยมจากภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงมาก