The welding of 13% MSS is character

The welding of 13% MSS is characterised by phase changes
and transformation of austenite, c to hard and brittle martensite
(Griffiths et al., 2004; Spencer et al., 2009; Turnbull and
Griffiths, 2003; Woollin et al., 1999). The transformation is
accompanied by a significant expansion of up to 1% in
volume, coupled with thermal distortion and weld shrinkage,
which collectively lead to rise in the level of residual stresses
in the pipe (Castro-Lo´ pez and De Cadenet, 1975). Although,
the plate like shape of martensite structure has the capability
to accommodate the transformation strains and thus provides
cushion for this effect (Bhadeshia, 2004; Jones and Alberry,
1978).
Residual stresses occur as a result of misfit between different
components in an assembly during manufacturing processes
which include welding and fabrication (Thibault et al.,
2009). The nature and magnitude of residual stresses in components
is dependent on the key material properties namely:
coefficient of thermal expansion, heat capacity, density and
strength

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การเชื่อมของ MSS มีลักษณะเปลี่ยนแปลงระยะห่าง 13%และการเปลี่ยนแปลงของสมี c จะเป็นแข็ง และเปราะ(Griffiths et al. 2004 สเปนเซอร์ et al. 2009 Turnbull และGriffiths, 2003 Woollin et al. 1999) มีการเปลี่ยนแปลงมาพร้อมกับการขยายตัวอย่างมากถึง 1% ในระดับเสียง ควบคู่ไปกับความร้อนบิดเบือนและเชื่อมหดตัวซึ่งนำโดยรวมเพิ่มขึ้นในระดับของความเครียดตกค้างในท่อ (ลเปสคาส Lo´ และเด Cadenet, 1975) ถึงแม้ว่าเช่นรูปร่างของโครงสร้างเป็นแผ่นมีความสามารถที่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ และจึง ให้เบาะสำหรับลักษณะพิเศษนี้ (Bhadeshia, 2004 โจนส์และ Alberry1978)ความเครียดตกค้างเกิดขึ้นจาก misfit ระหว่างแตกต่างกันส่วนประกอบในแอสเซมบลีในระหว่างกระบวนการผลิตซึ่งรวมถึงการเชื่อมและการผลิต (Thibault et al.,2009) . ลักษณะและขนาดของความเครียดตกค้างในคอมโพเนนต์จะขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของวัสดุสำคัญคือ:ค่าสัมประสิทธิ์ของการขยายตัว ความจุความร้อน ความหนาแน่น และความแข็งแรง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เชื่อม 13% MSS มีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยการเปลี่ยนแปลงขั้นตอน
และการเปลี่ยนแปลงของ austenite, C เพื่อ martensite แข็งและเปราะ
(Griffiths et al, 2004;.. สเปนเซอร์ et al, 2009; Turnbull และ
Griffiths, 2003. Woollin, et al, 1999) . การเปลี่ยนแปลงที่จะ
มาพร้อมกับการขยายตัวที่สำคัญได้ถึง 1% ใน
ปริมาณควบคู่กับการบิดเบือนความร้อนและการหดตัวเชื่อม
ซึ่งเรียกรวมกันนำไปสู่การเพิ่มขึ้นในระดับของความเครียดที่เหลือ
ในท่อ (Pez Castro-Lo' และเด Cadenet, 1975) . แม้ว่า
แผ่นเช่นรูปร่างของโครงสร้าง martensite มีความสามารถ
ที่จะรองรับสายพันธุ์เปลี่ยนแปลงจึงให้
เบาะสำหรับผลกระทบนี้ (Bhadeshia 2004; โจนส์และ Alberry,
1978).
ความเครียดตกค้างที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากความไม่เหมาะแตกต่างกันระหว่าง
องค์ประกอบในการชุมนุม ในระหว่างกระบวนการผลิต
ซึ่งรวมถึงการเชื่อมและการผลิต (Thibault et al.,
2009) ลักษณะและขนาดของความเครียดตกค้างในส่วนประกอบ
ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของวัสดุที่สำคัญ ได้แก่
ค่าสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวของความร้อนความจุความร้อนความหนาแน่นและ
ความแข็งแรง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเชื่อมของ 13% MSS เป็นลักษณะโดยการเปลี่ยนแปลงเฟสและการเปลี่ยนแปลงของ austenite C จะแข็งและเปราะ มาร์เทนไซต์( กริฟฟิธส์ et al . , 2004 ; สเปนเซอร์ et al . , 2009 ; Turnbull และกริฟฟิธส์ , 2003 ; woollin et al . , 1999 ) การเปลี่ยนแปลง คือพร้อมกับอย่างมีนัยสำคัญขยายถึง 1 เปอร์เซ็นต์ปริมาณควบคู่กับการบิดเบือนความร้อนและการหดตัวเชื่อมซึ่งรวมเรียกว่า ตะกั่วจะเพิ่มขึ้นในระดับของความเครียดตกค้างในท่อ ( คาสโตร โลเปซ และ เดอ กาเดเนทใหม่ , 1975 ) แม้ว่าจานเหมือนรูปร่างของโครงสร้างมาร์เทนไซต์มีความสามารถเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และดังนั้นจึง มีสายพันธุ์เบาะสำหรับ Effect นี้ ( bhadeshia , 2004 ; alberry โจนส์ ,1978 )ความเค้นตกค้างเกิดขึ้นเป็นผลประหลาดระหว่างต่าง ๆในการประกอบชิ้นส่วนในกระบวนการผลิตซึ่งรวมถึงการเชื่อมและการขึ้นรูป ( ติบอลต์ et al . ,2009 ) ลักษณะและขนาดของความเค้นตกค้างในส่วนประกอบขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของวัสดุที่สำคัญได้แก่สัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนความหนาแน่นและความจุความร้อนความแข็งแรง