Brazil generates practically all it

Brazil generates practically all its 240 GW as hydroelectric power, leaving fossil fuels (mainly petroleum) for use in transport; its biofuel programme for motor vehicles is by far the largest in the world. Sugarcane juice is fermented and distilled to give ethanol (containing 5-7% water as the only major impurity), which is used directly in 4 M vehicles and as lead-free gasohol (10-22% ethanol) in 7 M vehicles; in ~10 years, lead pollution in São Paulo and other cities fell by 75%. From 1978 to 1986, the ethanol yield per hectare of sugarcane increased from 2700 to 3700 litres. Since most sugarcane in Brazil is harvested manually and the factories use bagasse as fuel, the major consumption of fossil fuel by the industry is in preparing land for planting (necessary every 7-10 years) and in transporting cut cane to factories. The amount of N fertilizer needed is low (60-80 kg/ha) thanks to N-fixing bacteria; with further research, it might be eliminated, improving the effective energy balance. Smoke and soot from cane burning causes pollution, and soil fertility improves if unburned cane trash is left on the fields, but the higher labour cost of harvesting unburned cane dissuades most producers from abandoning cane burning. Replacing gasoline by bioethanol has caused problems for the state-owned oil refineries of Petrobras, which produce more gasoline than needed because throughput is governed by the demand for diesel fuel, and the ratio between the outputs of these fuels cannot be altered much. It has been estimated that the whole diesel consumption could eventually be substituted by renewable oil if African oil palm could be planted over 5-6 Mha of Amazonia (i.e. 15-18% of the area already deforested); the investment required is unlikely to be committed.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บราซิลสร้าง 240 จริงทั้งหมดของ GW เป็นพลัง ออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (ส่วนใหญ่เป็นปิโตรเลียม) สำหรับใช้ในการขนส่ง โครงการเชื้อเพลิงชีวภาพของคันคือ โดยไกลใหญ่ที่สุดในโลก หมัก และกลั่นเพื่อให้เอทานอล (ประกอบด้วยน้ำ 5-7% เป็นมลทินสำคัญเฉพาะ), ที่ใช้ ในยานพาหนะ 4 เมตร และรอคอยฟรีแก็สโซฮอล์ (10-22% เอทานอล) ในยานพาหนะ 7 M น้ำอ้อย ใน ~ 10 ปี นำมลพิษในเซาเปาลูและเมืองอื่น ๆ ลดลง 75% จากอธิบดีถึง 1986 ผลผลิตเอทานอลต่อ hectare อ้อยเพิ่มขึ้นจาก 2700 3700 ลิตร เนื่องจากเป็นการเก็บเกี่ยวอ้อยมากที่สุดในบราซิลด้วยตนเอง และโรงงานใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิง ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลโดยอุตสาหกรรมสำคัญคือ ในการเตรียมดินสำหรับการเพาะปลูก (จำทุก 7-10 ปี) และ ในการขนส่งเท้าตัดกับโรงงาน จำนวนปุ๋ย N จำเป็นต่ำสุด (60-80 กิโลกรัม/ฮา) ด้วยแบคทีเรียแก้ไข N มีการวิจัยเพิ่มเติม มันอาจจะตัดออก ปรับปรุงประสิทธิภาพพลัง ควันและปัญหาเขม่าจากการเผาไหม้เท้าทำให้เกิดมลพิษ และปรับปรุงความอุดมสมบูรณ์ของดินถ้าเผาไหม้เท้าถังขยะทิ้งฟิลด์ แต่ต้นทุนแรงงานสูงของเก็บเกี่ยวเท้าเผาไหม้ dissuades ผู้ผลิตส่วนใหญ่จากเท้าเขียนทิ้งไว้ แทนน้ำมัน โดย bioethanol ได้เกิดปัญหาที่รัฐผนังของ Petrobras ซึ่งผลิตน้ำมันมากเกินจำเป็น เพราะสามารถประมวลผลได้เป็นไปตามความต้องการน้ำมันดีเซล และไม่สามารถเปลี่ยนอัตราส่วนระหว่าง outputs ของเชื้อเหล่านี้ได้มาก มันมีการประมาณว่า ปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลทั้งหมดได้ในที่สุดเป็นสิ่งทดแทนทดแทนน้ำมันถ้าสามารถปลูกปาล์มน้ำมันแอฟริกาเหนือ 5-6 Mha ของ Amazonia (เช่น 15-18% ของพื้นที่แล้ว deforested); การลงทุนที่ต้องไม่น่าจะกำหนดให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บราซิลสร้างจริงทุก GW 240 ในฐานะที่เป็นไฟฟ้าพลังน้ำออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล (ส่วนใหญ่ปิโตรเลียม) เพื่อใช้ในการขนส่ง โปรแกรมเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับยานยนต์คือโดยไกลที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำผลไม้อ้อยหมักและกลั่นเพื่อให้เอทานอล (ที่มีน้ำ 5-7% เป็นเพียงสิ่งเจือปนหลัก) ซึ่งจะใช้โดยตรงใน 4 M ยานพาหนะและตะกั่วโซฮอล์ (เอทานอล 10-22%) ใน 7 M ยานพาหนะ ใน ~ 10 ปีมลพิษตะกั่วในเซาเปาโลและเมืองอื่น ๆ ลดลง 75% จาก 1978-1986 ผลผลิตเอทานอลต่อไร่อ้อยเพิ่มขึ้น 2,700-3,700 ลิตร ตั้งแต่อ้อยมากที่สุดในบราซิลจะมีการเก็บเกี่ยวด้วยตนเองและโรงงานใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลักของการบริโภคเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยอุตสาหกรรมที่อยู่ในการจัดเตรียมที่ดินเพื่อการเพาะปลูก (ที่จำเป็นทุก 7-10 ปี) และในการขนส่งอ้อยตัดกับโรงงาน ปริมาณของปุ๋ย N ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระดับต่ำ (60-80 กก. / ไร่) ขอบคุณ N-แบคทีเรียตรึง; ที่มีการวิจัยต่อไปก็อาจจะมีการยกเลิกการปรับปรุงสมดุลของพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ควันและเขม่าควันจากการเผาอ้อยทำให้เกิดมลพิษและช่วยเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดินถ้าอ้อยเผาไหม้ขยะที่เหลืออยู่ในทุ่งนา แต่ค่าแรงงานที่สูงขึ้นของอ้อยเผาไหม้เก็บเกี่ยว dissuades ผู้ผลิตส่วนใหญ่มาจากการเผาไหม้ทิ้งอ้อย การเปลี่ยนจากน้ำมันเอทานอลได้ก่อให้เกิดปัญหาให้กับโรงกลั่นน้ำมันที่รัฐเป็นเจ้าของของ Petrobras ซึ่งผลิตน้ำมันเกินความจำเป็นเพราะผ่านจะเป็นไปตามความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลและอัตราส่วนระหว่างผลของเชื้อเพลิงเหล่านี้จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมาก มันได้รับการคาดการณ์ว่าปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลในที่สุดทั้งสามารถนำมาใช้แทนน้ำมันทดแทนถ้าปาล์มน้ำมันแอฟริกันสามารถที่จะปลูกในช่วง 5-6 หมาของอเมซอน (คือ 15-18% ของพื้นที่ป่าถูกทำลายแล้ว); ที่จำเป็นในการลงทุนไม่น่าจะมีความมุ่งมั่น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บราซิลสร้างเกือบทั้งหมด 240 GW เป็นพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ( ส่วนใหญ่ปิโตรเลียม ) สำหรับใช้ในการขนส่ง ; โครงการเชื้อเพลิงชีวภาพของยานพาหนะคือโดยไกลที่ใหญ่ที่สุดในโลก น้ำอ้อยหมักและกลั่นเพื่อให้เอทานอล ( ที่มีน้ำ 5-7 % เป็นเพียงบริสุทธิ์หลัก )ซึ่งถูกใช้โดยตรงใน 4 M และยานพาหนะเป็นตะกั่วแก๊สโซฮอล์ ( เอทานอล 10-22 % ) 7 M ยานพาหนะ ใน ~ 10 ปี ทำให้มลพิษในเซาเปาลูและเมืองอื่น ๆลดลง 75% ตั้งแต่ปี 1986 ใช้ผลผลิตต่อเฮกตาร์ของอ้อยเพิ่มขึ้นจาก 2 , 700 ถึง 3 , 700 ลิตร เนื่องจากอ้อยมากที่สุดในบราซิลเก็บเกี่ยวได้ด้วยตนเอง และโรงงานที่ใช้ชานอ้อยเป็นเชื้อเพลิงหลัก การของเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยอุตสาหกรรมในการเตรียมดินสำหรับปลูก ( ที่จำเป็นทุก 7-10 ปี ) และในการตัดอ้อยให้โรงงาน ปริมาณของปุ๋ยไนโตรเจนจำเป็นต่ำ ( 60-80 กก. / เฮกตาร์ ) ขอบคุณ n-fixing แบคทีเรีย ; กับการวิจัยครั้งต่อไป อาจจะยกเลิกการปรับปรุงสมดุลของพลังงานที่มีประสิทธิภาพ ควันและเขม่าจากการเผาอ้อย ทำให้เกิดมลพิษและความอุดมสมบูรณ์ของดินที่ปรับปรุงถ้าเผาไหม้อ้อยขยะที่เหลืออยู่ในเขตข้อมูล แต่สูงกว่าต้นทุนแรงงานเก็บเกี่ยวอ้อยเผาไหม้ dissuades ผู้ผลิตส่วนใหญ่จากการทิ้งการเผาอ้อย แทนน้ำมันเบนซิน โดยรถยนต์ได้ก่อให้เกิดปัญหาสำหรับกลุ่มโรงกลั่นน้ำมัน Petrobras ซึ่งผลิตน้ำมันมากขึ้นกว่าที่จำเป็น เพราะสามารถถูกควบคุม โดยความต้องการใช้เชื้อเพลิงดีเซลและอัตราส่วนระหว่างผลของเชื้อเพลิงเหล่านี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้มาก มีการประมาณการว่าปริมาณดีเซลทั้งหมดอาจจะถูกแทนที่ด้วยน้ำมันพลังงานทดแทน ถ้าจะปลูกปาล์มน้ำมันกว่า 5-6 MHA ของ Amazonia ( เช่น 15-18 % ของพื้นที่ที่ได้บุกรุก ) ; การลงทุนที่ต้องการ ไม่น่าจะทำ