Participants for the study were rec

Participants for the study were recruited through contacts within rural communities
within west central Alabama. A convenience sample of 90 African American men
between the ages of 40-82 years o f age was recruited.
Analysis of the research data indicated that there was a statistically significant
difference in motivation (health belief), knowledge, and age o f men who participated in
prostate cancer screening compared to those who did not participate in prostate cancer
screening.
Forward logistic regression was used to determine which independent variables
[health beliefs (benefits, barriers, motivation); knowledge; age; income; and education]
were predictors of prostate cancer screening. Results indicated the overall model of one
predictor, motivation, was statistically reliable in predicting prostate cancer screening
participation among the rural dwelling men surveyed. The model accounted for 15 to
20% of the variance. The sensitivity of the model in predicting those who would
participate in prostate cancer screening was 85%. The odds of those who would
participate in prostate cancer screening were 1.3 times greater for each one unit increase
in motivation.
Results indicate a need for more educational and motivational interventions to
promote informed decision making by African American men in regards to prostate
screening activities. These interventions need to be culturally sensitive and geared toward
African American men, specifically those living in rural areas.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้พิจารณาผ่านผู้ติดต่อภายในชุมชนชนบทในตะวันตกอลาบามาที่เซ็นทรัล สบายตัวอย่าง 90 คนแอฟริกันอเมริกันระหว่างอายุ 40-82 ปี อายุ o f ถูกพิจารณาการวิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัยระบุว่า มีความสำคัญทางสถิติความแตกต่างของแรงจูงใจ (ความเชื่อสุขภาพ), ความรู้ และอายุ o f คนเข้าร่วมตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในโรคมะเร็งต่อมลูกหมากตรวจคัดกรองถดถอยโลจิสติกไปข้างหน้าถูกใช้เพื่อกำหนดตัวแปรอิสระที่[ความเชื่อสุขภาพ (สวัสดิการ อุปสรรค แรงจูงใจ); เพิ่ม อายุ รายได้ และการศึกษา]predictors ตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้ ผลลัพธ์แสดงแบบโดยรวมของจำนวนประตู แรงจูงใจ ไม่เชื่อถือได้ทางสถิติในการทำนายการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากมีส่วนร่วมระหว่างคนชนบทที่อยู่อาศัยการสำรวจ แบบบัญชี 15 การ20% ของผลต่าง ความไวของแบบจำลองในการทำนายผู้ที่จะเข้าร่วมในโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ตรวจถูก 85% ราคาของผู้ที่จะมีส่วนร่วมในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากได้มากขึ้นสำหรับแต่ละเพิ่มขึ้นหนึ่งหน่วยเวลา 1.3ในแรงจูงใจต้องศึกษาเพิ่มเติม และหัดการแทรกแซงเพื่อบ่งชี้ผลลัพธ์ส่งเสริมการทำการตัดสินใจข้อมูลชายชาวอเมริกันแอฟริกันในไปต่อมลูกหมากคัดกรองกิจกรรม งานวิจัยเหล่านี้จำเป็นต้องสำคัญ และโล่งต่อวัฒนธรรมAfrican American men, specifically those living in rural areas.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับคัดเลือกผ่านการติดต่อภายในชุมชนในชนบทที่อยู่ในภาคตะวันตกตอนกลางอลาบามา ตัวอย่างความสะดวกสบายของแอฟริกัน 90
คนอเมริกันที่มีอายุระหว่าง40-82 ปีได้รับการคัดเลือก.
การวิเคราะห์ข้อมูลการวิจัยที่ระบุว่ามีนัยสำคัญทางสถิติความแตกต่างในการสร้างแรงจูงใจ (ความเชื่อด้านสุขภาพ) ความรู้และอายุของคนที่มีส่วนร่วมใน การตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในมะเร็งต่อมลูกหมากการตรวจคัดกรอง. ส่งต่อการถดถอยโลจิสติกถูกใช้ในการตรวจสอบว่าตัวแปรอิสระ[ความเชื่อด้านสุขภาพ (ผลประโยชน์อุปสรรคแรงจูงใจ); ความรู้ อายุ รายได้ และการศึกษา] ทำนายของการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก ผลการศึกษาพบรูปแบบโดยรวมของหนึ่งทำนายแรงจูงใจทางสถิติที่เชื่อถือได้ในการทำนายการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากมีส่วนร่วมในหมู่คนที่อยู่อาศัยในชนบทสำรวจ รูปแบบการคิดเป็น 15 ถึง20% ของความแปรปรวน ความไวของรูปแบบในการทำนายผู้ที่จะมีส่วนร่วมในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเป็น 85% อัตราต่อรองของผู้ที่จะมีส่วนร่วมในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากเป็น 1.3 ครั้งยิ่งใหญ่สำหรับแต่ละหน่วยเพิ่มขึ้นหนึ่งในแรงจูงใจ. ผลบ่งชี้ถึงความจำเป็นในการแทรกแซงการศึกษาและการสร้างแรงบันดาลใจมากขึ้นในการส่งเสริมการทำข้อมูลประกอบการตัดสินใจโดยคนแอฟริกันอเมริกันในเรื่องที่เกี่ยวกับต่อมลูกหมากกิจกรรมการตรวจคัดกรอง การแทรกแซงเหล่านี้จะต้องทางวัฒนธรรมที่สำคัญและมุ่งเน้นที่คนอเมริกันแอฟริกันโดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้เข้าร่วมการศึกษาได้รับเลือกผ่านการติดต่อภายในชุมชนชนบท
ภายในแอละแบมาตะวันตกกลาง ความสะดวกสบายตัวอย่าง 90 ชาวอเมริกันผู้ชาย
อายุระหว่าง 40-82 ปี F o
อายุคน การวิเคราะห์ข้อมูล ผลการวิจัยพบว่า มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในแรงจูงใจ
( ความเชื่อ ) , ความรู้ และอายุผู้เข้าร่วม
o Fการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
.
ไปข้างหน้า ถดถอยแบบถูกใช้เพื่อตรวจสอบว่าตัวแปรอิสระ
[ ความเชื่อด้านสุขภาพ ( แรงจูงใจประโยชน์ , อุปสรรค , ) ; ความรู้ ; อายุ รายได้ และการศึกษา ]
ถูกทำนายการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก การวิเคราะห์รูปแบบโดยรวมของหนึ่ง
ทำนาย แรงจูงใจเป็นที่เชื่อถือได้ในการคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมากสถิติพยากรณ์การมีส่วนร่วมในหมู่บ้านชนบท
ผู้ชายเสร็จ รูปแบบเป็น 15

20 % ของความแปรปรวน ความอ่อนไหวของแบบจำลองในการทำนายผู้ที่จะเข้าร่วมในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
85 % โอกาสของผู้ที่จะเข้าร่วมในการตรวจคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก
จำนวน 13 ครั้งมากขึ้นสำหรับแต่ละหน่วยหนึ่งในแรงจูงใจเพิ่ม
.
พบต้องการการแทรกแซงการศึกษามากขึ้นและสร้างแรงบันดาลใจ

แจ้งการตัดสินใจ โดยส่งเสริมคนอเมริกันแอฟริกันเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก
กิจกรรมคัดกรอง การแทรกแซงเหล่านี้ต้องมีวัฒนธรรมที่ละเอียดอ่อน และมุ่งสู่
คนแอฟริกัน - อเมริกัน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบท