In one recent case–control study, t

In one recent case–control study, the use of bronchodilators during pregnancy was associated with an increased risk of gastroschisis among infants (odds ratio, 2.1; 95% confidence interval [CI], 1.2 to 3.6).39 Also, in a recent cohort study involving 4558 women, exposure to bronchodilators during pregnancy was associated with an increased risk of cardiac defects among infants (odds ratio, 1.4; 95% CI, 1.1 to 1.7).9 However, the reported increased risk of congenital malformations among infants whose mothers had asthma with exacerbations as compared with those who did not have exacerbations40 suggests that these associations with bronchodilators may be confounded by indication (i.e., underlying exacerbations may lead to the need for bronchodilators) or other factors, such as obesity or lower household socioeconomic status, that may be associated with both more severe asthma and congenital malformations.4

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในหนึ่งล่าสุดกรณี – ควบคุมศึกษา bronchodilators ในระหว่างตั้งครรภ์การใช้ได้สัมพันธ์กับการเสี่ยง gastroschisis ในทารก (อัตราส่วนราคาต่อรอง 2.1 ความเชื่อมั่น 95% ช่วง [CI], 1.2-3.6) .39 ยัง ใน cohort ล่าศึกษาผู้หญิงเกี่ยวข้องกับ 4558 สัมผัส bronchodilators คลอดเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงของหัวใจบกพร่องในทารก (อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.4; 95% CI , 1.1-1.7) .9 ไร เสี่ยงรายงานของ malformations แต่กำเนิดในทารกมารดามีโรคหอบหืดกับ exacerbations เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่มี exacerbations40 แนะนำว่า อาจ confounded เหล่านี้เชื่อมโยงกับ bronchodilators โดยบ่งชี้ (เช่น ต้น exacerbations อาจต้องการการ bronchodilators) หรือ ปัจจัยอื่น ๆ เช่นโรคอ้วนต่ำกว่าครัวเรือนประชากร ที่อาจเกี่ยวข้องกับโรคหอบหืดที่รุนแรงมากขึ้นและ malformations.4 ธา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

หนึ่งในกรณีศึกษาที่ผ่านมาการควบคุมการใช้ยาขยายหลอดลมในระหว่างตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของ gastroschisis ในทารก (อัตราส่วนราคาต่อรอง 2.1; 95% confidence interval [CI], 1.2-3.6) 0.39 นอกจากนี้ในหมู่คนที่ผ่านมา ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา 4558 ผู้หญิงสัมผัสกับยาขยายหลอดลมในระหว่างตั้งครรภ์มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของข้อบกพร่องการเต้นของหัวใจในทารก (อัตราส่วนราคาต่อรอง 1.4; 95% CI, 1.1-1.7) 0.9 แต่เพิ่มความเสี่ยงของการรายงานจนผิดรูป แต่กำเนิดในทารกที่มารดา มีโรคหอบหืดมีอาการที่ทรุดหนักเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้มี exacerbations40 แสดงให้เห็นว่าสมาคมเหล่านี้กับยาขยายหลอดลมอาจจะอายเพราะบ่งชี้ (เช่นกำเริบพื้นฐานอาจนำไปสู่​​ความจำเป็นในการขยายหลอดลม) หรือปัจจัยอื่น ๆ เช่นโรคอ้วนหรือสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือนที่ต่ำกว่า ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับทั้งโรคหอบหืดรุนแรงมากขึ้นและ malformations.4 พิการ แต่กำเนิด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในหนึ่งกรณีล่าสุด–การควบคุมการใช้ยาขยายหลอดลมในระหว่างตั้งครรภ์มีความเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของผู้ป่วยหน้าท้องพิการตั้งแต่กำเนิดในทารก ( Odds Ratio , 2.1 ; ช่วงความเชื่อมั่น 95% [ CI ] 1.2 3.6 ) นอกจากนี้ในช่วงการศึกษาไปข้างหน้ากับผู้หญิงได้สัมผัสกับยาขยายหลอดลมในระหว่างตั้งครรภ์มีความเกี่ยวข้องกับ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจข้อบกพร่องในทารก ( Odds Ratio 1.4 ;95% CI , 1.1 ถึง 1.7 ) 9 อย่างไรก็ตาม รายงานความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของผิดรูปแต่กำเนิดในทารกที่มีมารดาเป็นโรคหอบหืดกับผู้ป่วยเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้มี exacerbations40 เห็นว่าสมาคมเหล่านี้กับยาขยายหลอดลม อาจจะอับอาย โดยบ่งชี้ ( เช่น เป็นต้น ผู้ป่วยอาจต้องให้ยาขยายหลอดลม ) หรือปัจจัยอื่น ๆเช่น โรคอ้วน หรือลดสถานภาพทางเศรษฐกิจของครัวเรือน ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับโรคหืดรุนแรงมากขึ้นและพิการแต่กำเนิด 4 .