Levels of palmitoleic acid were red

Levels of palmitoleic acid were reduced with low carbohydrate intake and increased as the participants consumed progressively larger amounts of carbohydrates over the course of the study.

According to senior author Prof. Jeff Volek, the study, "challenges the conventional wisdom that has demonized saturated fat and extends our knowledge of why dietary saturated fat doesn't correlate with disease."

In the study, published in PLOS ONE, the authors state that current dietary guidelines in the US recommend the majority of calories should be acquired from carbohydrates, with only 7-10% of total energy coming from saturated fats.

To achieve this, foods containing saturated fat - beef, eggs, high-fat dairy products - should be limited. Typically, a reduction in these foods results in an increased consumption of carbohydrates.

"People believe 'you are what you eat,'" says Prof. Volek, "but in reality, you are what you save from what you eat. The point is you don't necessarily save the saturated fat you eat. And the primary regulator of what you save in terms of fat is the carbohydrate in your diet.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระดับของ palmitoleic กรดลดลงกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำ และเพิ่มขึ้น ตามใช้ช่วงเวลาของการศึกษาผู้เข้าร่วมจำนวนคาร์โบไฮเดรตที่มีขนาดใหญ่ความก้าวหน้าตามอาวุโสผู้เขียนศาสตราจารย์เจฟฟ์ Volek การศึกษา "ท้าทายภูมิปัญญาดั้งเดิมที่มี demonized ไขมันอิ่มตัว และขยายความรู้ของเราทำไมอาหารไขมันอิ่มตัวไม่เชื่อมโยงกับโรค"ในการศึกษา ประกาศใน PLOS หนึ่ง รัฐผู้เขียนที่แนะนำอาหารปัจจุบันในสหรัฐฯ แนะนำส่วนใหญ่ของแคลอรี่ที่ควรได้รับจากคาร์โบไฮเดรต มีเพียง 7-10% ของพลังงานมาจากไขมันอิ่มตัวเพื่อให้บรรลุนี้ อาหารที่ประกอบด้วยไขมันอิ่มตัว -เนื้อ ไข่ ผลิตภัณฑ์นมไขมันสูง - ควรจำกัด โดยปกติ ลดอาหารเหล่านี้ส่งผลในปริมาณที่เพิ่มขึ้นของคาร์โบไฮเดรต"คนเชื่อว่า "คุณมีอะไรที่คุณกิน,' "กล่าวว่า ศาสตราจารย์ Volek "แต่ในความเป็นจริง คุณสิ่งที่คุณบันทึกจากสิ่งที่คุณกิน จุดอยู่คุณไม่จำเป็นต้องบันทึกคุณกินไขมันอิ่มตัว และควบคุมหลักของสิ่งที่คุณบันทึกในรูปแบบของไขมัน คาร์โบไฮเดรตในอาหารของคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระดับของกรดปาล์มิโตลดลงมีปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำและเพิ่มขึ้นในขณะที่ผู้เข้าร่วมการบริโภคในปริมาณที่ก้าวหน้าขนาดใหญ่ของคาร์โบไฮเดรตในช่วงเวลาของการศึกษา. ตามที่ผู้เขียนอาวุโสศ. เจฟฟ์ Volek, การศึกษา, "ท้าทายภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ได้ประณามไขมันอิ่มตัว และขยายความรู้ของเราว่าทำไมไขมันอิ่มตัวอาหารที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับการเกิดโรค. " ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน PLoS ONE ผู้เขียนระบุว่าแนวทางการบริโภคอาหารในปัจจุบันในสหรัฐอเมริกาแนะนำส่วนใหญ่ของแคลอรี่ที่ควรจะได้มาจากคาร์โบไฮเดรตที่มีเพียง 7 -10% ของพลังงานทั้งหมดมาจากไขมันอิ่มตัว. เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้อาหารที่มีไขมันอิ่มตัว - เนื้อวัวไข่ผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันสูง - ควรจะ จำกัด โดยปกติแล้วการลดลงในอาหารเหล่านี้ส่งผลให้การบริโภคที่เพิ่มขึ้นของคาร์โบไฮเดรต. "คนที่เชื่อว่า 'คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน" ศ. Volek "แต่ในความเป็นจริงคุณเป็นสิ่งที่คุณบันทึกจากสิ่งที่คุณกิน. จุดคือว่า คุณไม่จำเป็นต้องประหยัดไขมันอิ่มตัวที่คุณกิน. และหน่วยงานกำกับดูแลหลักของสิ่งที่คุณบันทึกในแง่ของไขมันคาร์โบไฮเดรตในอาหารของคุณ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระดับของกรด palmitoleic ลดลงกับปริมาณคาร์โบไฮเดรตต่ำและเพิ่มขึ้นเป็นผู้บริโภคที่มีขนาดใหญ่ปริมาณของคาร์โบไฮเดรตมากกว่าหลักสูตรของการศึกษา .

ตามผู้เขียนอาวุโสศาสตราจารย์ เจฟฟ์ volek , การศึกษา" ความท้าทายปัญญาปกติได้ demonized ไขมันอิ่มตัวและขยายความรู้ของเราทำไมอาหารไขมันอิ่มตัวไขมันไม่สัมพันธ์กับโรค "

ในการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน PLoS หนึ่ง ผู้เขียนระบุว่า ปัจจุบันแนวทางการบริโภคอาหารที่เราแนะนำ ส่วนใหญ่ของแคลอรีที่ควรได้รับจากคาร์โบไฮเดรตเพียง 7-10 % ของพลังงาน ทั้งหมดมาจากไขมันอิ่มตัว .

เพื่อให้บรรลุนี้อาหารที่มีไขมัน - เนื้อ , ไข่ , ผลิตภัณฑ์นมไขมันสูง ควรจำกัด โดยทั่วไปแล้ว การลดอาหารเหล่านี้ส่งผลในการเพิ่มขึ้นของการบริโภคคาร์โบไฮเดรต

" คนเชื่อ " คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน " กล่าวว่าศาสตราจารย์ volek " แต่ในความเป็นจริง คุณคือสิ่งที่คุณบันทึกสิ่งที่คุณกิน ประเด็นคือคุณไม่จําเป็นต้องช่วยไขมันที่คุณกินและควบคุมหลักของสิ่งที่คุณบันทึกในแง่ของไขมันคาร์โบไฮเดรตในอาหารของคุณ