I was a Marxist. I read Trotsky, Le

I was a Marxist. I read Trotsky, Lenin, Marx… it was a period of heightened political awareness when everything was being questioned, though this was despite of apartheid schooling, not because of it. Now it’s much quieter, as if the big change has already happened. Interestingly, and by contrast, another tutor who went to school in neighbouring Lesotho at the same time noted that there, ‘issues of race and gender were silenced. It was academic knowledge based on curriculum which lacked relevance to the lives of the learners… learning in school seemed like a fiction’. The same tutor remarked that he saw little teaching of controversial issues when he supervised teaching practice in schools, either by the student teachers or by teachers themselves, a point reinforced by other tutors. One factor in this was, he suggested, that the students themselves had not experienced the discussion of controversial issues in their own schooling.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผมแบบ Marxist อ่าน Trotsky เลนิน Marx...ระยะเวลาของการรับรู้ทางการเมืองสูงจึงได้ถูกสอบสวน แม้ว่านี้ไม่ได้แม้มีของการแบ่งแยกสีผิวอก จะ ตอนนี้ มันจะเงียบมาก ว่าแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่ เรื่องน่าสนใจ และโดยคม ชัด เวบอื่นไปเรียนที่ประเทศเลโซโทในเวลาเดียวกันตั้งข้อสังเกตที่มี, "ปัญหาของเชื้อชาติและเพศได้ silenced มีความรู้ทางวิชาการตามหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เรียนขาด... เรียนรู้ในโรงเรียนเหมือนกับนิยาย ' กวดวิชาเดียวกันกล่าวว่า เขาเห็นแย้งประเด็นน้อยสอนเมื่อเขาแบบมีผู้สอนปฏิบัติการสอนในโรงเรียน โดยครูนักเรียน หรือครูตัวเอง จุดเสริม โดยการสอนอื่น ๆ ปัจจัยหนึ่งในนั้น เขาแนะนำ ให้นักเรียนเองมีประสบการณ์สนทนาประเด็นแย้งในอกของตนเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผมเป็นมาร์กซ์ ผมอ่านรอทสกี้, เลนิน, มาร์กซ์ ... มันเป็นช่วงเวลาของการรับรู้ทางการเมืองที่มีความคิดริเริ่มเมื่อทุกอย่างถูกถามว่านี้คือแม้จะมีการแบ่งแยกการศึกษาไม่ใช่เพราะมัน ตอนนี้ก็เงียบมากเช่นถ้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ที่น่าสนใจและความคมชัด, ครูสอนพิเศษที่ไปโรงเรียนในประเทศเพื่อนบ้านประเทศเลโซโทในเวลาเดียวกันอีกตั้งข้อสังเกตว่ามี 'ปัญหาของการแข่งขันและเพศได้เงียบ มันเป็นความรู้ทางวิชาการตามหลักสูตรซึ่งขาดความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เรียน ... การเรียนรู้ในโรงเรียนดูเหมือนนิยาย ' ครูสอนพิเศษเดียวกันตั้งข้อสังเกตว่าเขาเห็นการเรียนการสอนเพียงเล็กน้อยของปัญหาความขัดแย้งเมื่อเขาดูแลการปฏิบัติการเรียนการสอนในโรงเรียนทั้งครูนักเรียนหรือครูเองจุดเสริมโดยอาจารย์ผู้สอนที่อื่น ๆ ปัจจัยหนึ่งในนี้คือเขาบอกว่านักเรียนที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์การอภิปรายของปัญหาความขัดแย้งในการศึกษาของพวกเขาเอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ฉันคือ มาร์กซ์ ผมอ่าน ทร็อตสกี เลนิน มาร์กซ์ , . . . . . . . มันคือช่วงเวลาของความสำนึกทางการเมือง เมื่อทุกอย่างถูกสอบสวน แต่นี้คือแม้จะมีการเหยียดผิวตน ไม่ใช่เพราะมัน ตอนนี้ก็เงียบลงไปเยอะ ถ้าเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้นแล้ว ที่น่าสนใจและโดยทางอื่น ติวเตอร์ที่ไปเรียนในประเทศเพื่อนบ้าน เลโซโท ในเวลาเดียวกัน สังเกตได้ว่า มี' เรื่องของเชื้อชาติและเพศอยู่เงียบเชียบ มันคือความรู้ทางวิชาการตามหลักสูตร ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้เรียน . . . . . . . เรียนในโรงเรียนเหมือนนิยาย ' ติวเตอร์เดียวกันกล่าวว่าเขาเห็นสอนๆประเด็นขัดแย้ง เมื่อเขาดูแลการปฏิบัติการสอนในโรงเรียน โดยนักเรียน ครู หรือครูตัวเองจุดเสริมโดยติวเตอร์อื่น ๆ ปัจจัยหนึ่งคือ เขาแนะนำว่านักเรียนได้มีประสบการณ์การอภิปรายประเด็นขัดแย้งในโรงเรียนของตัวเอง