The key points of this paper can be

The key points of this paper can be summarized as follows: first, it is reasonable to consider the influence of diet on
language outcomes, as both human and animal studies have supported the idea of neurodevelopmental differences related
to breastfeeding. Second, large population-based studies that consider language outcomes in relation to breastfeeding
exclusivity have generally reported modest but statistically significant differences in favor of breastfed children. Third,
studies of language impairment have consistently reported a protective effect of breastfeeding, with larger effect sizes noted
in these populations. Finally, while null findings make occasional appearances in the headlines, caution is called for in
interpreting studies of populations where breastfeeding exclusivity and duration are low and/or poorly documented.
Across all of the studies described here, there is a trend for stronger associations to be observed in studies with a wider
range of breastfeeding duration and a higher degree of breastfeeding exclusivity. Gibson-Davis and Brooks-Gunn (2006),
with their

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดสำคัญของกระดาษนี้สามารถสรุปได้ดังนี้: ครั้งแรก จะเหมาะสมที่จะพิจารณาอิทธิพลของอาหารในผลภาษา เป็นการศึกษามนุษย์ และสัตว์ได้สนับสนุนความคิดของความแตกต่าง neurodevelopmental ที่เกี่ยวข้องการเลี้ยงลูกด้วยนม สอง ใหญ่ตามประชากรศึกษาที่พิจารณาผลภาษาเกี่ยวกับนมแม่ผูกขาดได้โดยทั่วไปรายงานความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แต่เจียมเนื้อเจียมตัวสามารถเด็ก breastfed ที่สามศึกษาผลภาษาอย่างสม่ำเสมอได้รายงานผลการป้องกันของนม มีขนาดผลใหญ่กว่าที่ระบุไว้ในประชากรเหล่านี้ ในที่สุด ขณะพบ null ทำนัดเป็นครั้งคราวในพาดหัวข่าว ข้อควรระวังคือสำหรับในการตีความการศึกษาของประชากรที่ผูกขาดการเลี้ยงลูกด้วยนมและช่วงเวลาที่ต่ำสุด และ/หรืองานเอกสารทั้งหมดของการศึกษาต่อ มีแนวโน้มในการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งที่จะสังเกตได้ในการศึกษาด้วยความกว้างช่วงระยะเวลาการเลี้ยงลูกด้วยนมและนมแม่บ้านในระดับที่สูง กิบสัน Davis และบรู๊คส์-Gunn (2006),มีของ < โครงร่างประเภท 1 เดือน 1 เดือน รายงานว่า ผลการสูญเสียนัยสำคัญทางสถิติหลัง covariatesในรูปแบบของพวกเขา นี้ไม่ใช่สำหรับนักสืบเช่นความ et al. (2013), ยาวเลี้ยงลูกด้วยนมระยะเวลาที่ได้อธิบาย ในหลอดเลือดดำคล้าย Dodds et al. (2011) กล่าวถึงความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ แต่มีขนาดเล็กมากระหว่างโรคออทิซึมและนมแม่โรงพยาบาลถ่าย ในขณะที่ al. และ Schultz (2006) พบลิงค์แข็งแกร่งมากเมื่อพวกเขาถือว่านมนานดีบางทีแตกต่างโดดเด่นที่สุดระหว่างศึกษาประชากรการพัฒนาโดยทั่วไปและการศึกษาที่เน้นบนโรคมีความแตกต่างในผลขนาด ความแตกต่างของ 3 กับ 5-จุดระหว่างกลุ่มในการวัดมาตรฐาน 15 จุดขนาดผลเล็ก แสดงถึงความแตกต่าง ข้อแตกต่างจุด 7.5 รายงานโดย Kramer et al. (2008) คือ ผลที่ขนาดกลางขนาดผลอัตราราคารายงานศึกษาผลของการสื่อสาร ไร ตั้งแต่ปานกลางอธิบายผลสังเกตใน Tomblin et al. (1997) ขนาดใหญ่สำหรับตัวอย่างจำกัดในการศึกษา 2006 โดย Schultz et al. (ดูChinn, 2000 บนขนาดผลอัตราส่วนราคาต่อรอง) ความคิดที่ว่า ผลของตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมป้องกันอาจสังเกตได้ง่ายขึ้นในประชากรที่มีความเสี่ยงได้รับการสนับสนุน โดยวรรณคดีอยู่ในภาษาพัฒนา (Landry et al., 1997) และโดยวรรณคดีที่มีอยู่ในนม ในการศึกษาบรรลุถึง โดย Lucas, Morley โคล ลิสเตอร์ Leeson Payne (1992)แสดงความแตกต่างที่พบในทารก preterm ที่ได้รับนมมนุษย์ผ่านท่อ feedings ในบันทึกย่อที่เกี่ยวข้อง เด็กผู้ชายดูเหมือนประสบข้อเสียนำจากสูตรอาหาร (กว้าง 1972 Mahurin-สมิธแอนด์ Ambrose, 2013 ออทดี et al.,2011a) SLPs จะตระหนักดีว่า เด็กผู้ชายจะสลายเสี่ยงโรคออทิซึม พูดติดอ่างแบบถาวร และเพิ่ม/ภาระ ผูกพัน ดังนั้นคืออาจให้ผลป้องกันอาจปรากฏขึ้นในเด็กผู้ชายมากกว่าในผู้หญิงตัวอย่าง unsurprising

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดสำคัญของการวิจัยนี้สามารถสรุปได้ดังนี้ครั้งแรกมันก็มีเหตุผลที่จะต้องพิจารณาอิทธิพลของอาหารในผลภาษาเป็นทั้งมนุษย์และสัตว์ทดลองได้รับการสนับสนุนความคิดของความแตกต่างทางระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนม ประการที่สองประชากรที่ใช้ศึกษาขนาดใหญ่ที่พิจารณาผลภาษาที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงลูกด้วยนมพิเศษมีรายงานว่ามีความแตกต่างกันโดยทั่วไปเจียมเนื้อเจียมตัว แต่นัยสำคัญทางสถิติในความโปรดปรานของเด็กที่กินนมแม่ ประการที่สามการศึกษาเรื่องการด้อยค่าภาษาได้มีการรายงานอย่างต่อเนื่องการป้องกันผลกระทบของการเลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดผลขนาดใหญ่ตั้งข้อสังเกตในประชากรเหล่านี้ ท้ายที่สุดขณะที่ผลการวิจัย null ทำให้สิ่งที่ปรากฏเป็นครั้งคราวในพาดหัวระมัดระวังเรียกว่าสำหรับในการตีความการศึกษาของประชากรที่ผูกขาดเลี้ยงลูกด้วยนมและระยะเวลาที่อยู่ในระดับต่ำและ/ หรือเอกสารที่ไม่ดี. ข้ามทั้งหมดของการศึกษาที่อธิบายที่นี่มีแนวโน้มสำหรับสมาคมที่แข็งแกร่งไปยัง จะสังเกตเห็นในการศึกษาที่มีความกว้างช่วงของระยะเวลาในการเลี้ยงลูกด้วยนมและระดับที่สูงขึ้นของการผูกขาดเลี้ยงลูกด้วยนม กิบสันเดวิสและบรูคส์กันน์ (2006) ของพวกเขาด้วย <1 เดือน / 1 เดือนโครงการประเภทรายงานว่าผลของพวกเขาหายไปหลังจากนัยสำคัญทางสถิติตัวแปรถูกรวมอยู่ในรูปแบบของพวกเขากรณีนี้ไม่ได้สำหรับนักวิจัยเช่นเบลฟอ et al, (2013) ที่เลี้ยงลูกด้วยนมอีกต่อไประยะเวลาอธิบาย ในทำนองเดียวกันดอดส์ et al, (2011) อธิบายความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญ แต่มีขนาดเล็กมากระหว่างออทิสติกและการเลี้ยงลูกด้วยนมที่ออกจากโรงพยาบาลในขณะที่ชูลท์ซและอัล (2006) พบว่ามีการเชื่อมโยงความเข้มแข็งมากขึ้นเมื่อพวกเขาถือว่าเป็นระยะเวลานานของการให้นมแม่. บางทีความคมชัดโดดเด่นที่สุดระหว่างการศึกษาของประชากรที่ใช้ในการพัฒนาโดยทั่วไปและการศึกษาที่เน้นเกี่ยวกับความผิดปกติของความแตกต่างในขนาดที่มีผล 3- 5 จุดระหว่างกลุ่มที่แตกต่างกันเกี่ยวกับมาตรการที่มี 15 จุดมาตรฐานเบี่ยงเบนแสดงให้เห็นถึงผลกระทบที่มีขนาดเล็ก ความแตกต่างที่ 7.5 จุดรายงานโดยเครเมอ et al, (2008) เป็นผลขนาดกลาง. ขนาดผลสำหรับอัตราส่วนราคาต่อรองที่มีการรายงานในการศึกษาเรื่องการด้อยค่าการสื่อสาร แต่ในช่วงตั้งแต่กลางสำหรับผลการปฏิบัติในTomblin et al, (1997) ที่จะมีขนาดใหญ่ตัวอย่าง จำกัด ที่อธิบายไว้ในปี 2006 การศึกษาโดยชูลท์ซและอัล (ดูChinn 2000 ขนาดผลสำหรับอัตราส่วนราคาต่อรอง) ความคิด thatthe ป้องกันผลกระทบของตัวแปรด้านสิ่งแวดล้อมที่อาจจะสังเกตเห็นได้ง่ายขึ้นในประชากรที่มีความเสี่ยงได้รับการสนับสนุนโดยวรรณกรรมที่มีอยู่ในการพัฒนาภาษา(Landry et al., 1997) และจากวรรณกรรมที่มีอยู่ในการเลี้ยงลูกด้วยนมในขณะที่การศึกษาน้ำเชื้อลูคัส, มอร์ลี่ย์โคล, Lister และ Leeson-เพน (1992) แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญสำหรับทารกคลอดก่อนกำหนดที่ได้รับนมของมนุษย์ผ่านทางท่อให้อาหาร ในบันทึกที่เกี่ยวข้อง, ชายดูเหมือนจะประสบความเสียเปรียบจากสัดส่วนสูตรนม(กว้าง 1972; Mahurin สมิ ธ และแอมโบรส, 2013;. Oddy, et al, 2011a) SLPs ตระหนักดีว่าชายมีสัดส่วนความเสี่ยงที่จะออทิสติก, การพูดติดอ่างถาวรและเพิ่ม / สมาธิสั้นดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจว่าอาจจะป้องกันผลกระทบที่อาจจะเห็นได้ชัดมากขึ้นในหมู่ชายกว่าในตัวอย่างของสาวๆ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ประเด็นหลักของงานวิจัยนี้สามารถสรุปได้ดังนี้ ก่อน มันก็สมควรที่จะพิจารณาผลกระทบของอาหารที่เกี่ยวกับ
ผลภาษา เป็นทั้งมนุษย์และสัตว์ การศึกษาได้สนับสนุนแนวคิดของความแตกต่าง neurodevelopmental เกี่ยวข้อง
เพื่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 2 - ตามจำนวนประชากรขนาดใหญ่การศึกษาที่พิจารณาผลภาษาสัมพันธ์กับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
การผูกขาดโดยทั่วไปมีรายงานเจียมเนื้อเจียมตัว แต่พบความแตกต่างในความโปรดปรานของการดื่มนมแม่เด็ก 3
ศึกษาภาษา มีอย่างต่อเนื่องการรายงานผลการป้องกันของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีขนาดผลใหญ่สังเกต
ในประชากรเหล่านี้ ในที่สุด ในขณะที่การค้นพบทำให้ปรากฏเป็นครั้งคราวในหัวข้อข้อควรระวังใน
เรียกว่าผลการศึกษาของประชากรที่เลี้ยงลูกด้วยนมพิเศษและระยะเวลาน้อย และ / หรือเอกสารไม่ดี
ข้ามทั้งหมดของการศึกษาที่อธิบายที่นี่มีสมาคมที่แข็งแกร่งเพื่อจะสังเกตแนวโน้มในการศึกษากับช่วงกว้าง
ของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ระยะเวลาและระดับที่สูงขึ้นของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การผูกขาด กิ๊บสัน เดวิส และ บรู๊คส์ กันน์ ( 2006 ) ,