cents after an HBM based educationa

cents after an HBM based educational intervention in 2011, also revealed the positive change in practice among
the subjects [17].
Shakerinejad et al. evaluated the impact of an HBM based education on KAP variables in adolescent girls
about dietary calcium in 2011. They also observed statistically significant improvements in the scores of these
variables [18]. In another study investigating the effect of an HBM based educational program about gastric
cancer on knowledge, attitude and practice of housewives in 2012 by Alidosti et al. the results showed patterns
of improved KAP variables in subjects compatible with our results [19].
Effects of an HBM based education program on screening behavior in high risk women for breast cancer were
assessed in a study conducted by Hajian et al. in 2011. After the educational sessions they found elevated rates
of breast self examination and clinical examination due to increased scores of knowledge, attitude and practice
of the patients [20].
Mahmoodi et al. also verified these findings by inspecting the changes in KAP scores after an HBM based
educational program regarding osteoporosis prevention in women with low socioeconomic status in 2011 [21].
Knowledge, attitude and practice of the pharmaceutical industry employees in Tehran concerning breast cancer
and the benefits of mammography were found to be improving after an educational program based on health belief
model in a study conducted by Hatefnia et al. in 2010 [22].
In another survey, Goodarzi et al. assessed the impact of distance education via mobile phone text messaging
on knowledge, attitude, practice and self efficacy of patients with type 2 diabetes mellitus in Iran. Their results
also showed improvements in these variables confirming the effect of education via any means on improving
knowledge, attitudes and practice of the patients [23]. As can be seen, all of the studies conducted to investigate
the effects of education programs based on health belief model on knowledge, attitude and practice of the subjects,
yield similar results, showing improvements in these variables after educating the patients. As discussed
before, many studies have evaluated the effects of educational programs on promoting self care behaviors, but
no similar study have investigated this effect in PV patients, so we used a unique study population for our survey.
Regarding the low prevalence of PV in Iran, finding these many patients was a great challenge for our survey,
so selecting Razi hospital as our research department was one of the strengths of this study, since it is a
dermatology referral center. Applying more interactive educational methods such as group discussion and problem
solving that are believed to be more effective than lecturing method, was another positive aspect in our survey.
Not being able to directly observe the changes in the behaviors of our patients can be mentioned as an important
limitation in our study, since our data are basically subjective and given to us by the subjects, so they
might differ from the reality.
5. Conclusion
This study shows the effectiveness of an HBM based educational program on the patients’ knowledge, attitudes
and practice regarding their disease. This improvement can lead to adoption of self care behaviors and help them
achieve self efficacy in controlling their disease and assisting their treatment process, counting as a tertiary preventive
measure. As stated above according to inadequate preventive measures for chronic diseases such as PV
in routine clinical practice, self-care behaviour programs are viable substitute choices for helping these patients.
The management of chronic conditions is generally based on the patient adopting self care behaviors and based
on the late onset of PV in the fourth decade of life and concurrence of other chronic diseases during this period,
the necessity of self-care behavior is more eminent. So as shown in this article, educational interventions can be
utilized to enhance the knowledge of these patients as well as their attitudes and their practice.
Acknowledgements
The authors appreciatively thank all the personnel of Pemphigus Research Unit of Razi hospital, since this study
could not have been carried out without their cooperation. Tehran University of Medical Sciences supported this
survey as a part of MSPH thesis.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เซนต์ หลังจากเป็น HBM ตามแทรกแซงศึกษา 2011 ยังเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติระหว่างเรื่อง [17]Shakerinejad et al. ประเมินผลกระทบของการศึกษาตาม HBM บนกาบตัวแปรในเด็กหญิงเกี่ยวกับแคลเซียมอาหารในปี 2554 พวกเขายังสังเกตปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในคะแนนเหล่านี้ตัวแปร [18] ในการศึกษาอื่น ตรวจสอบผลของการ HBM ตามโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับในกระเพาะอาหารมะเร็งความรู้ ทัศนคติ และปฏิบัติของ housewives ใน 2012 โดย Alidosti et al. ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่ารูปแบบตัวแปรกาบที่ปรับปรุงในเรื่องเข้ากันได้กับผลของเรา [19]ผลของโปรแกรมการศึกษาตาม HBM การคัดกรองพฤติกรรมในผู้หญิงสูงความเสี่ยงสำหรับโรคมะเร็งเต้านมได้ประเมินในการศึกษาที่ดำเนินการโดย Hajian et al. 2554 หลังจากเซสชันการศึกษา พวกเขาพบราคาสูงของเต้านมการตรวจสอบตนเองและตรวจสอบทางคลินิกเนื่องจากคะแนนที่เพิ่มขึ้นของความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของผู้ป่วย [20]Mahmoodi et al. ตรวจสอบเหล่านี้ค้นพบ โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในกาบคะแนนหลังจากตาม HBM ยังโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคกระดูกพรุนในสตรีมีสถานะต่ำประชากรใน 2011 [21]ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพนักงานอุตสาหกรรมยาในเตหะรานเกี่ยวกับมะเร็งเต้านมและประโยชน์ของ mammography พบจะถูกปรับปรุงหลังจากโปรแกรมการศึกษาตามความเชื่อสุขภาพแบบจำลองในการศึกษาที่ดำเนินการโดย Hatefnia et al. ในปี 2010 [22]การสำรวจอื่น Goodarzi et al. ประเมินผลกระทบของการศึกษาทางไกลผ่านโทรศัพท์ข้อความข้อความความรู้ ทัศนคติ ปฏิบัติ และประสิทธิภาพตนเองของผู้ป่วยชนิดที่ 2 เบาหวานในอิหร่าน ผลของพวกเขานอกจากนี้ยัง พบการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้ยืนยันผลการศึกษาผ่านวิธีการใด ๆ ในการปรับปรุงความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของผู้ป่วย [23] สามารถมองเห็น การศึกษาทั้งหมดดำเนินการตรวจสอบผลของโปรแกรมการศึกษาตามรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพความรู้ ทัศนคติ และแบบฝึกหัดเรื่องผลผลิตผลลัพธ์คล้ายกัน การแสดงการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้หลังจากให้ผู้ป่วย ดังที่กล่าวไว้ก่อน ในการศึกษาได้ประเมินผลของโปรแกรมการศึกษาการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเอง แต่ศึกษาไม่คล้ายได้สืบสวนในผู้ป่วย PV แนะนำการศึกษาเฉพาะประชากรในแบบสำรวจของเราเกี่ยวกับความชุกที่ต่ำของ PV ในอิหร่าน ค้นหาเหล่านี้ผู้ป่วยเป็นสิ่งที่ท้าทายมากสำหรับแบบสำรวจของเราดังนั้น เลือกโรงพยาบาล Razi ฝ่ายวิจัยของเราเป็นหนึ่งในจุดแข็งของการศึกษานี้ เนื่องจากเป็นการแนะนำศูนย์ผิวหนัง ใช้เพิ่มเติมวิธีการศึกษาแบบโต้ตอบเช่นกลุ่มสนทนาและปัญหาแก้ที่จะเชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพกว่าวิธี ปาฐกถาเป็นด้านบวกในแบบสำรวจของเราไม่สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยตรงสามารถดังกล่าวเป็นสำคัญข้อจำกัดในการศึกษาของเรา เนื่องจากข้อมูลตามอัตวิสัยโดยทั่วไป และให้เราตามเรื่อง เพื่อให้พวกเขาอาจแตกต่างจากความเป็นจริง5. บทสรุปการศึกษานี้แสดงประสิทธิภาพของการ HBM ตามโปรแกรมการศึกษาความรู้ของผู้ป่วย ทัศนคติและการปฏิบัติเกี่ยวกับโรคนั้น ๆ ปรับปรุงนี้สามารถนำไปสู่การยอมรับของพฤติกรรมการดูแลตนเอง และช่วยเหลือบรรลุประสิทธิภาพตนเองในการควบคุมโรคของพวกเขา และช่วยกระบวนการรักษา นับเป็นตติยการป้องกันวัด ตามที่ระบุไว้ข้างต้นตามมาตรการการป้องกันไม่เพียงพอสำหรับโรคเรื้อรังเช่น PVในการปฏิบัติงานประจำคลินิก โปรแกรมพฤติกรรมสุขภาพเป็นทางเลือกทดแทนได้ช่วยผู้ป่วยเหล่านี้การจัดการโรคเรื้อรังโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับผู้ป่วยที่ใช้พฤติกรรมการดูแลตนเอง และใช้บนเริ่มปลายของ PV ในสี่ทศวรรษที่ผ่านมาของชีวิตและ concurrence โรคเรื้อรังอื่น ๆ ในช่วงเวลานี้ความจำเป็นของพฤติกรรมสุขภาพมีมากขึ้นอีก ดังแสดงในบทความนี้ งานวิจัยทางการศึกษาสามารถใช้เพื่อเพิ่มความรู้ของผู้ป่วยเหล่านี้ตลอดจนทัศนคติของตน และปฏิบัติตนถาม-ตอบผู้เขียนขอขอบคุณบุคลากรทั้งหมดของโรงพยาบาลหน่วย Razi วิจัย Pemphigus, appreciatively เนื่องจากการศึกษานี้อาจไม่มีการดำเนินการ โดยความร่วมมือของพวกเขา เตหรานมหาวิทยาลัยของวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับการสนับสนุนนี้สำรวจเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ MSPH

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เซ็นต์หลังจากการแทรกแซงการศึกษา HBM อยู่ใน 2011, ยังเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในการปฏิบัติใน
วิชา [17]
Shakerinejad และคณะ การประเมินผลกระทบของการศึกษาตาม HBM ตัวแปรกาพย์ในเด็กวัยรุ่นหญิง
เกี่ยวกับแคลเซียมในปี 2011 พวกเขายังสังเกตเห็นการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในคะแนนของเหล่านี้
ตัวแปร [18] ในการศึกษาการตรวจสอบผลกระทบของ HBM อื่นตามโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
มะเร็งในความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของแม่บ้านในปี 2012 โดย Alidosti และคณะ ผลการศึกษาพบรูปแบบ
ที่ดีขึ้นของตัวแปรกาพย์ในวิชาเข้ากันได้กับผลของเรา [19]
ผลของโปรแกรมการศึกษา HBM ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการตรวจคัดกรองในสตรีที่มีความเสี่ยงสูงสำหรับโรคมะเร็งเต้านมที่ได้รับการ
ประเมินในการศึกษาที่จัดทำโดย Hajian และคณะ ในปี 2011 หลังจากที่ประชุมให้ความรู้พวกเขาพบว่าอัตราการเพิ่มขึ้น
ของการตรวจเต้านมด้วยตนเองและการตรวจทางคลินิกเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของคะแนนความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติ
ของผู้ป่วย [20]
Mahmoodi และคณะ นอกจากนี้ยังมีการยืนยันผลการวิจัยเหล่านี้โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในคะแนนกาพย์หลังจาก HBM ตาม
โปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้หญิงที่มีสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมต่ำในปี 2011 [21]
ความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของพนักงานอุตสาหกรรมยาในกรุงเตหะรานเกี่ยวกับโรคมะเร็งเต้านม
และผลประโยชน์ การตรวจเต้านมพบว่ามีการปรับปรุงหลังจากที่โปรแกรมการศึกษาบนพื้นฐานของความเชื่อด้านสุขภาพ
รูปแบบในการศึกษาที่จัดทำโดย Hatefnia และคณะ ในปี 2010 [22]
ในการสำรวจอีก Goodarzi และคณะ การประเมินผลกระทบของการศึกษาทางไกลผ่านการส่งข้อความทางโทรศัพท์มือถือ
ในความรู้ทัศนคติการปฏิบัติและการรับรู้ความสามารถของตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในอิหร่าน ผลของพวกเขา
ยังแสดงให้เห็นการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้ยืนยันผลของการศึกษาผ่านทางวิธีใด ๆ ในการปรับปรุง
ความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของผู้ป่วย [23] ที่สามารถมองเห็นทั้งหมดของการศึกษาการดำเนินการในการตรวจสอบ
ผลกระทบของโปรแกรมการศึกษาตามรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพเกี่ยวกับความรู้ทัศนคติและการปฏิบัติของอาสาสมัครที่
ให้ผลลัพธ์ที่คล้ายกันแสดงให้เห็นการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้หลังจากที่ให้ความรู้แก่ผู้ป่วย ตามที่กล่าวไว้
ก่อนหน้านี้การศึกษาจำนวนมากมีการประเมินผลกระทบของโปรแกรมการศึกษาในการส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเอง แต่
ไม่มีการศึกษาที่คล้ายกันได้ศึกษาผลในผู้ป่วยที่ PV นี้เพื่อให้เราใช้ในการศึกษาประชากรที่ไม่ซ้ำกันสำหรับการสำรวจของเรา
เกี่ยวกับความชุกต่ำของ PV ในอิหร่าน พบผู้ป่วยจำนวนมากเหล่านี้เป็นความท้าทายที่ดีสำหรับการสำรวจของเรา
เพื่อการเลือกโรงพยาบาล Razi เป็นแผนกวิจัยของเราเป็นหนึ่งในจุดแข็งของการศึกษานี้เพราะมันเป็น
ศูนย์อ้างอิงโรคผิวหนัง ใช้วิธีการศึกษาเชิงโต้ตอบมากขึ้นเช่นการสนทนากลุ่มและปัญหา
การแก้ที่เชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการบรรยายเป็นอีกแง่มุมในเชิงบวกในการสำรวจของเรา
ไม่สามารถจะโดยตรงสังเกตการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้ป่วยของเราสามารถที่จะกล่าวถึงในฐานะ ที่สำคัญ
มีข้อ จำกัด ในการศึกษาของเราเนื่องจากข้อมูลของเรามีพื้นอัตนัยและมอบให้กับเราโดยวิชาดังนั้นพวกเขาจึง
อาจแตกต่างจากความเป็นจริง
5 สรุป
การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ HBM ตามโปรแกรมการศึกษาในผู้ป่วยที่มีความรู้ทัศนคติ
และการปฏิบัติเกี่ยวกับโรคของพวกเขา การปรับปรุงนี้สามารถนำไปสู่การยอมรับพฤติกรรมการดูแลตนเองและช่วยให้พวกเขา
ประสบความสำเร็จในการรับรู้ความสามารถของตนเองในการควบคุมโรคของพวกเขาและให้ความช่วยเหลือการรักษาของพวกเขานับเป็นป้องกันตติย
วัด ตามที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นไปตามมาตรการป้องกันไม่เพียงพอสำหรับโรคเรื้อรังเช่น PV
ในการปฏิบัติทางคลินิกประจำโปรแกรมพฤติกรรมการดูแลตนเองเป็นทางเลือกแทนทำงานได้สำหรับการให้ความช่วยเหลือผู้ป่วยเหล่านี้
การจัดการโรคเรื้อรังซึ่งโดยทั่วไปในผู้ป่วยที่ใช้พฤติกรรมการดูแลตนเองและผู้ตาม
ที่เริ่มมีอาการปลาย PV ในทศวรรษที่สี่ของชีวิตและความเห็นชอบจากโรคเรื้อรังอื่น ๆ ในช่วงเวลานี้
ความจำเป็นของพฤติกรรมการดูแลตนเองเป็นที่ประสบความสำเร็จมากขึ้น เพื่อที่จะแสดงให้เห็นในบทความนี้การแทรกแซงการศึกษาสามารถ
นำมาใช้เพื่อเสริมสร้างความรู้ของผู้ป่วยเหล่านี้เช่นเดียวกับทัศนคติของพวกเขาและการปฏิบัติของพวกเขา
กิตติกรรมประกาศ
ผู้เขียนชื่นชมขอขอบคุณพนักงานทุกคนของ Pemphigus หน่วยวิจัยของโรงพยาบาล Razi เนื่องจากการศึกษาครั้งนี้
ไม่สามารถมี ได้รับการดำเนินการโดยความร่วมมือของพวกเขา มหาวิทยาลัยเตหะรานวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้รับการสนับสนุนนี้
การสำรวจเป็นส่วนหนึ่งของวิทยานิพนธ์ MSPH

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เซนต์หลังห์จากการศึกษาการแทรกแซงใน 2011 , ยังเผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในการปฏิบัติของวิชา [ 17 ]
.
shakerinejad et al . ประเมินผลกระทบของการใช้ตัวแปรในการศึกษาห์คับ
สาววัยรุ่นเกี่ยวกับอาหารเสริมแคลเซียมใน 2011 ส่วนการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญในคะแนนของตัวแปรเหล่านี้
[ 18 ]ในอีกการศึกษาผลของการใช้โปรแกรมการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคมะเร็งกระเพาะอาหารห์
ต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของแม่บ้านใน 2012 โดย alidosti et al . พบรูปแบบ
ปรับปรุงตัวแปรคับคนเข้ากันได้กับผลของเรา [ 19 ] .
ผลของการใช้โปรแกรมการคัดกรองห์การศึกษาพฤติกรรมในผู้หญิงมีความเสี่ยงสูงสำหรับมะเร็งเต้านมมี
ประเมินในการศึกษาโดย hajian et al . ใน 2011 หลังจากการประชุมการศึกษาที่พวกเขาพบสูงอัตรา
ของเต้านมด้วยตนเองตรวจสอบและตรวจรักษาเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของคะแนนความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตนของผู้ป่วย
[ 20 ] .
mahmoodi et al . ยังยืนยันการค้นพบเหล่านี้โดยการตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงในคะแนนหลังการใช้
ห์คับโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันภาวะกระดูกพรุนในผู้หญิงที่มีระดับสถานภาพทางสังคมและเศรษฐกิจต่ำในปี 2011 [ 21 ] .
ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของพนักงานอุตสาหกรรมเภสัชกรรมในเตหะรานเกี่ยวกับมะเร็งเต้านม
และประโยชน์ของประเทศออสเตรเลีย พบว่ามีการพัฒนาตามหลักสูตรการศึกษาตามรูปแบบความเชื่อ
สุขภาพในการศึกษาโดย hatefnia et al . ในปี 2010
[ 22 ]ในการสำรวจอื่น goodarzi et al . ประเมิน ผลกระทบของการศึกษาทางไกลผ่านโทรศัพท์มือถือส่งข้อความ
ต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติตนเองของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ในอิหร่าน ผลของพวกเขา
ยังมีการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้ยืนยันผลการศึกษาผ่านวิธีการใด ๆในการปรับปรุง
ความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของผู้ป่วย [ 23 ]ทั้งนี้ ในการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของโปรแกรมการศึกษา
ตามแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพต่อความรู้ ทัศนคติ และการปฏิบัติของวิชา
ให้ผลที่คล้ายกันแสดงการปรับปรุงในตัวแปรเหล่านี้หลังจากการให้ความรู้ผู้ป่วย เมื่อกล่าวถึง
มาก่อน มีการศึกษาวิจัยประเมิน ผลของโปรแกรมการศึกษาเพื่อส่งเสริมพฤติกรรมการดูแลตนเอง , แต่
ไม่คล้ายศึกษาได้ศึกษาผลในผู้ป่วย PV ดังนั้นเราจะใช้ประชากรที่ไม่ซ้ำกันสำหรับการสำรวจของเรา .
เกี่ยวกับความชุกของ PV ต่ำในอิหร่าน พบผู้ป่วยจำนวนมากเหล่านี้เป็นความท้าทายที่ดีสำหรับการสำรวจของเรา
ดังนั้นเลือกโรงพยาบาลราซี เป็นแผนกวิจัยของเราเป็นหนึ่งในจุดแข็งของการศึกษาตั้งแต่ เป็น
โรคผิวหนังแนะนำศูนย์ใช้วิธีการศึกษาแบบโต้ตอบมากขึ้น เช่น การอภิปรายกลุ่มและการแก้ไขปัญหา
ที่เชื่อว่าเป็นประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าวิธีสอนแบบบรรยาย เป็นอีกมุมบวกในการสำรวจของเรา
ไม่สามารถโดยตรง สังเกตการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้ป่วยของเราสามารถกล่าวเป็นข้อ จำกัด ที่สำคัญ
ในการศึกษาของเราเนื่องจากข้อมูลของเราโดยทั่วไปเป็นอัตนัย และให้กับเรา โดยกลุ่มตัวอย่าง ดังนั้นพวกเขาอาจจะแตกต่างจากความเป็นจริง
.
5 สรุป
การศึกษานี้แสดงผลของโปรแกรมการศึกษาห์ตามความรู้ของผู้ป่วย , ทัศนคติ
และการปฏิบัติเกี่ยวกับโรคของพวกเขา . การปรับปรุงนี้สามารถนำไปสู่การยอมรับพฤติกรรมการดูแลตนเองและช่วยให้พวกเขา
บรรลุความสามารถตนเองในการควบคุมโรคของตนเอง และช่วยกระบวนการบำบัดของพวกเขา นับเป็นระบบการป้องกัน
วัด ตามที่ระบุไว้ข้างต้นตามมาตรการป้องกันไม่เพียงพอสำหรับโรคเรื้อรังเช่น PV
ในเวชปฏิบัติพฤติกรรมการดูแลตนเอง , โปรแกรมตัวเลือกแทนได้ เพื่อให้ผู้ป่วยเหล่านี้ .
การจัดการของภาวะเรื้อรังโดยทั่วไปขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการดูแลตนเองของผู้ป่วยและการใช้
บนสายการโจมตีของ PV ในทศวรรษที่สี่ของชีวิตและความสอดคล้องของโรคเรื้อรังอื่น ๆในระหว่างช่วงเวลานี้
ความจำเป็นของตนเองเป็นเลิศมากขึ้น ดังนั้นดังแสดงในบทความนี้ การแทรกแซงการศึกษาสามารถ
ใช้เพื่อเพิ่มความรู้ของผู้ป่วยเหล่านี้ ตลอดจนทัศนคติและการปฏิบัติของพวกเขา ขอบคุณ

เขียน appreciatively ขอบคุณบุคลากรของหน่วยวิจัยความดำของโรงพยาบาลราซี เนื่องจากการศึกษานี้
อาจไม่ได้ดำเนินการโดยความร่วมมือของพวกเขา เตหะรานมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์ สนับสนุนการสำรวจนี้
เป็นส่วนหนึ่งของ msph วิทยานิพนธ์