กระรอก (อังกฤษ: Squirrel) เป็นสัตว์

กระรอก (อังกฤษ: Squirrel) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดลำตัวเล็ก ขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย นัยน์ตากลมดำ หางเป็นพวงฟู จัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะ ในวงศ์ Sciuridae
กระรอกอาจแบ่งได้เป็น 3 พวกใหญ่ ๆ ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน และ กระรอกบิน
วงศ์กระรอกมี วงศ์ย่อย 2 วงศ์ คือ Pteromyinae ได้แก่ กระรอกบิน และวงศ์ Sciurinae ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน, ชิพมังค์ [2] ในขณะที่บางข้อมูลแบ่งเป็น 5 (ดูในตาราง)[1]
กระรอกต้นไม้ เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดี มีหางยาวเป็นพวงสวยงาม มีกรงเล็บแหลมคม และมีใบหูใหญ่ บางชนิดมีปอยขนที่หู ส่วนกระรอกบินนั้น จะมีพังผืดข้างลำตัว สำหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง มักเป็นหากินในตอนกลางคืน มีตาสะท้อนแสงไฟ กระรอกดิน มักจะมีรูปร่างสั้น และล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้ มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดิน หางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของกระรอกต้นไม้ และไม่ฟูเป็นพวงนัก และเช่นเดียวกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่น ๆ กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้ว และ นิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ตรงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้งจะกลายเป็นปุ่มนูน ๆ ซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับจับอาหารมาแทะ
กระรอกมีขนาดใหญ่เล็กต่าง ๆ กันไปตามสายพันธุ์ และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่ม คือ ขนาดใหญ่ เช่น พญากระรอก ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยพบอยู่เพียง 2 ชนิด คือ พญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) และพญากระรอกเหลือง (R. affinis) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ขนาดกลาง เช่น กระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni) กระจ้อน (Menetes berdmorei) และ ขนาดเล็ก เช่น กระเล็น (กระถิก) (Tamiops spp.) ซึ่งเป็นกระรอกที่เล็กที่สุดที่พบในประเทศไทย

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

กระรอก (อังกฤษ: กระรอก) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีขนาดลำตัวเล็กขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกายนัยน์ตากลมดำหางเป็นพวงฟูจัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะในวงศ์ Sciuridaeกระรอกอาจแบ่งได้เป็น 3 พวกใหญ่ๆ ได้แก่กระรอกต้นไม้ กระรอกดินและกระรอกบินวงศ์กระรอกมีวงศ์ย่อย 2 วงศ์คือ Pteromyinae ได้แก่กระรอกบินและวงศ์ Sciurinae ได้แก่กระรอกต้นไม้ กระรอกดิน ชิพมังค์ [2] ในขณะที่บางข้อมูลแบ่งเป็น 5 (ดูในตาราง) [1]กระรอกต้นไม้เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดีมีหางยาวเป็นพวงสวยงามมีกรงเล็บแหลมคมและมีใบหูใหญ่บางชนิดมีปอยขนที่หูส่วนกระรอกบินนั้นจะมีพังผืดข้างลำตัวสำหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งมักเป็นหากินในตอนกลางคืนมีตาสะท้อนแสงไฟกระรอกดินมักจะมีรูปร่างสั้นและล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดินหางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของกระรอกต้นไม้และไม่ฟูเป็นพวงนักและเช่นเดียวกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่นๆ กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้วและนิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้วตรงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้งจะกลายเป็นปุ่มนูนๆ ซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับจับอาหารมาแทะกระรอกมีขนาดใหญ่เล็กต่างๆ กันไปตามสายพันธุ์และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่มคือขนาดใหญ่เช่นพญากระรอกซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยพบอยู่เพียง 2 สิ่งคือพญากระรอกดำ (Ratufa bicolor) และพญากระรอกเหลือง (R. affinis) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองขนาดกลางเช่นกระรอกหลากสี (ลิเคิลสติมู finlaysoni) กระจ้อน (Menetes berdmorei) และขนาดเล็กเช่นกระเล็น (กระถิก) (Tamiops โอ) ซึ่งเป็นกระรอกที่เล็กที่สุดที่พบในประเทศไทย

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

กระรอก (อังกฤษ: กระรอก)
เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีขนาดลำตัวเล็กขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกายนัยน์ตากลมดำหางเป็นพวงฟูจัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะในวงศ์แดกระรอกอาจแบ่งได้เป็น3 พวกใหญ่ ๆ ได้แก่ กระรอกต้นไม้,
กระรอกดินและกระรอกบินวงศ์กระรอกมีวงศ์ย่อย2 วงศ์คือ Pteromyinae ได้แก่ กระรอกบินและวงศ์ Sciurinae ได้แก่ กระรอกต้นไม้, กระรอกดิน, ชิพมังค์ [2] ในขณะที่บางข้อมูลแบ่งเป็น 5 (ดูในตาราง) [1]
กระรอกต้นไม้ มีหางยาวเป็นพวงสวยงามมีกรงเล็บแหลมคมและมีใบหูใหญ่บางชนิดมีปอยขนที่หูส่วนกระรอกบินนั้นจะมีพังผืดข้างลำตัว มักเป็นหากินในตอนกลางคืนมีตาสะท้อนแสงไฟกระรอกดินมักจะมีรูปร่างสั้นและล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดิน และไม่ฟูเป็นพวงนัก ๆ กระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้วและนิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้ว ๆ
ๆ กันไปตามสายพันธุ์และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่มคือขนาดใหญ่เช่นพญากระรอก 2 ชนิดคือพญากระรอกดำ (Ratufa สี) และพญากระรอกเหลือง (อาร์ affinis) ขนาดกลางเช่นกระรอกหลากสี (Callosciurus finlaysoni) กระจ้อน (Menetes berdmorei) และขนาดเล็กเช่นกระเล็น (กระถิก) (Tamiops spp.)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

กระรอก ( อังกฤษ : กระรอก ) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมมีขนาดลำตัวเล็กขนปุยปกคลุมทั่วทั้งร่างกายนัยน์ตากลมดำหางเป็นพวงฟูจัดอยู่ในประเภทสัตว์ฟันแทะในวงศ์ Sciuridaeกระรอกอาจแบ่งได้เป็น 3 พวกใหญ่จะได้แก่กระรอกต้นไม้กระรอกดินและกระรอกบิน ,วงศ์กระรอกมีวงศ์ย่อย 2 วงศ์ความ pteromyinae ได้แก่กระรอกบินและวงศ์ sciurinae ได้แก่กระรอกต้นไม้กระรอกดินชิพมังค์ , , [ 2 ] ในขณะที่บางข้อมูลแบ่งเป็น 5 ( ดูในตาราง ) [ 1 ]กระรอกต้นไม้เป็นกระรอกที่มักพบเห็นได้บ่อยและคุ้นเคยกันดีมีหางยาวเป็นพวงสวยงามมีกรงเล็บแหลมคมและมีใบหูใหญ่บางชนิดมีปอยขนที่หูส่วนกระรอกบินนั้นจะมีพังผืดข้างลำตัวสำหรับกางเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งมักเป็นหากินในตอนกลางคืนมีตาสะท้อนแสงไฟกร ะรอกดินมักจะมีรูปร่างสั้นและล่ำสันกว่ากระรอกต้นไม้มีขาหน้าแข็งแรงใช้สำหรับการขุดดินหางของกระรอกดินนั้นจะสั้นกว่าหางของกระรอกต้นไม้และไม่ฟูเป็นพวงนักและเช่นเดียวกับสัตว์ฟันกัดแทะชนิดอื่นจะกระรอกจะมีนิ้วเท้าหลังข้างละ 5 นิ้วและนิ้วเท้าหน้าข้างละ 4 นิ้วต รงส่วนที่น่าจะเป็นนิ้วโป้งจะกลายเป็นปุ่มนูนจะซึ่งถูกพัฒนาให้เหมาะสำหรับจับอาหารมาแทะกระรอกมีขนาดใหญ่เล็กต่างจะกันไปตามสายพันธุ์และสามารถแบ่งตามขนาดได้ 3 กลุ่มความขนาดใหญ่เช่นพญากระรอกซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยพบอยู่เพียง 2 ชนิดความพญากระรอกดำ ( สกุลปลากระทิง bicolor ) และพญากระรอกเหลือง ( R . affinis ) ซึ่งได้ถูกขึ้นบัญชีเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองขนาดกลางเช่นกระรอกหลาก สี ( callosciurus finlaysoni ) กระจ้อน ( menetes ลายเสือสาละวิน ) และขนาดเล็กเช่นกระเล็น ( กระถิก ) ( tamiops spp . ) ซึ่งเป็นกระรอกที่เล็กที่สุดที่พบในประเทศไทย