ระบบการศึกษา
โรงเรียน
ในปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนนักศึกษาทั้งหมดประมาณ 12.6 ล้านคน ที่ประเทศ มีครูอาจารย์ทั้งหมดประมาณ 780,000 คน ตามโรงเรียนสถานศึกษากว่า 52,000 แห่งในเยอรมัน
การศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 6-18 ปี รวมการศึกษา ภาคบังคับทั้งหมด 12 ปี ซึ่งนักเรียนจำเป็นต้อง เรียนหลักสูตรภาคบังคับแบบเต็มเวลานี้ อย่างน้อย 9 ปี (ในบางรัฐ 10 ปี) หลังจากนั้นนักเรียนสามารถเลือกเรียน หลักสูตรสายอาชีพ หรือฝึกงานซึ่งเป็นการเรียนแบบไม่เต็มเวลาได้ โรงเรียนเอกชนในเยอรมนี ไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยนักสอนศาสนา
โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนรัฐบาล เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน หนังสือและตำราเรียน มักมีให้นักเรียนยืมไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าจำเป็นต้องให้เป็นของส่วนตัว ก็จะให้ผู้ปกครองบริจาคเงินตาม กำลังทรัพย์ที่มี เมื่อนักเรียนอายุ 6 ปี จะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาเป็นเวลา 4 ปี หลักจากจบประถมศึกษา แล้วจึงศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษา แบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน
Secondary General School (Hauptschule)
เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ให้การศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไป วิชาที่สอบได้แก่ ภาษาเยอรมัน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ สังคมวิทยา ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และวิชาแนะนำวิชาชีพ เวลาเรียน 6 ปี หลังจบนักเรียนจะได้รับใบประกาศนียบัตร เพื่อเป็นประตูสู่การศึกษา สายวิชาชีพ
Intermediate School (Realschule)
เป็นโรงเรียนที่อยู่ระหว่างโรงเรียนมัธยมศึกษา ที่ให้การศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไป (Secondary General School) กับโรงเรียนมัธยมศึกษาที่เน้นวิชาการ (Grammar School) หลักสูตรส่วนใหญ่จะเน้นวิชาพื้นฐานทั่วไป หลังจบหลักสูตร 6 ปีแล้ว จะได้ประกาศนียบัตรเพื่อศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น เช่น โรงเรียนอาชีวะที่ต้องเรียนเต็มเวลา ประมาณ 40% ของผู้จบโรงเรียน มัธยมจะได้ประกาศนียบัตรแบบนี้
Grammar School (Gymnasium)
เป็นการศึกษาระดับมัธยมศึกษา 9 ปี เป็นการเรียนการสอนที่เน้นวิชาการ และเมื่อเรียนในระดับ เกรด 11-13 วิธีการเรียน จะแบ่งเป็นการเลือกกลุ่มวิชา (Course) ที่ถนัด เพื่อเน้นบางสาขาวิชาโดยเฉพาะ เพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากจบเกรด 13 แล้ว
Comprehensive School (Gesamtschule)
เป็นการผสมผสานการเรียน การสอนของโรงเรียนมัธยมทั้ง 3 ประเภท เข้า ด้วยกันภายใต้การบริหารหนึ่งเดียว นักเรียนเริ่มเรียนตั้งแต่เกรด 5 ถึงเกรด 10 และจะเริ่มเรียนวิชาเฉพาะทางในระดับเกรด 7 บางกลุ่มวิชา จะมีการแบ่งการเรียนออกเป็นกว่า 11 ระดับ แล้วแต่ความยากง่าย
ข้อมูลทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับการศึกษาระดับสูง
Germany Educationวิทยาศาสตร์ การวิจัยค้นคว้า และการศึกษา ในเยอรมัน มีการสืบทอด ต่อเนื่องกันมายาวนาน สถานศึกษาหลายแห่งในเยอรมัน มีประวัติศาสตร์ ย้อนหลังไปกว่า หลายศตวรรษ มหาวิทยาลัย ที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมัน อยู่ที่เมืองไฮเดนแบร์ก (Heidelberg) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1386 ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง
มหาวิทยาลัยในเยอรมันเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์ และมนุษย์ศาสตร์ หลังสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมัน หันมาพัฒนาการศึกษา และการวิจัยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรวมประเทศ มีมหาวิทยาลัยเกือบ 120 แห่ง และสถาบันเทียบเท่า มหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเทคนิค มากกว่า 200 แห่งกระจายทั่วประเทศ นอกจากนั้นยังมีสถาบันการศึกษาชั้นสูง เช่น มหาวิทยาลัยเน้นภาคปฏิบัติ (Fachhochschule) มหาวิทยาลัยศิลปะการดนตรีและภาพยนตร์ เป็นต้น
สถาบันการศึกษาระดับสูงส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาล มีไม่กี่แห่งที่ ดำเนินการโดยนักสอนศาสนาคริสต์ และกองทุนเอกชน ซึ่งเป็นสถานบันที่สอน ด้านเทคโนโลยีกฎหมาย และบริหารธุรกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐบาลเปิดรับนักศึกษาทุกเชื้อชาติเรียนฟรี ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียน แม้กระทั่งนักศึกษานานาชาติ ก็ได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียน โดยรัฐบาลเยอรมันจากจำนวนนักศึกษา ทั้งหมดเกือบ 2 ล้านคน
ในสถาบันอุดมศึกษาในเยอรมัน มีนักศึกษาประมาณ 140,000 คน ที่มาจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก นักศึกษาต่างชาติประมาณ 9,400 กว่าคนกำลังศึกษาในระดับปริญญาสาขาต่าง ๆ ประมาณ 1,600 คน ศึกษาในหลักสูตรพิเศษเฉพาะทาง และในระดับปริญญาเอกมีประมาณ 2,700 คน
สำหรับหลักสูตรนานาชาติ ที่นักศึกษาสนใจเรียนเป็น พิเศษมีมากกว่า 200 หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือสอนเป็นภาษาอังกฤษ ตลอดทั้งหลักสูตร และมีโครงสร้างตามระบบการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยอังกฤษ - อเมริกัน
ประเภทของสถาบันศึกษา
มหาวิทยาลัย
ผู้ที่บทบาทสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ก็คือ Willhelm von Humboldt (มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1767 - 1835) เขาได้เน้นความสำคัญของหลักการศึกษาที่สำคัญคือ "การแยกกันไม่ออกระหว่างการสอนและการวิจัย" ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยของเยอรมันก็ได้ยึดถือหลักการนี้ไว้ตลอด ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงไม่ใช้สถาบันเพื่อการศึกษาและฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังเป็นสถาบันที่ทำการวิจัยค้นคว้า ทั้งในลักษณะที่เป็นการวิจัยประยุกต์ และงานด้านวิชาการล้วน ๆ มหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตร ทั้งระดับปริญญาโท (Diplom หรือ Magiste Artium) และระดับปริญญาเอก และยังการับรองความสามารถในการสอน (Habilitation) ของผู้ขอตำแหน่งศาสตราจารย์ ซึ่งต้องผ่านการเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยมาแล้ว และการเสนอผลงานทางวิชาการก่อนจะมีการสอบทักษะต่าง ๆ อย่างเข้มงวดเพื่อแต่งตั้งเป็นศาสตร์จารย์ระยะหลังนี้ ได้มีหลายมหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตร ซึ่งเทียบเท่ากับปริญญาตรี และโทแบบสากลทั่ว ๆ ไป ซึ่งเปิดโอกาสให้จบการศึกษา ปริญญาตรีและโทง่ายขึ้น แขนงวิชาที่สอนในมหาวิทยาลัยที่สำคัญคือ แพทย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และวนศาสตร์ ในแต่ละสาขาวิชา ยังแบ่งสาขาย่อยออกไป หลากหลาย เพื่อเน้นความชำนาญเฉพาะทาง
มหาวิทยาลัยเทคนิค (Technical Universities)
เดิมนั้นสถาบันการศึกษาที่เรียกว่า มหาวิทยาลัยเทคนิค ให้การศึกษาเฉพาะด้านวิศวกรรม แต่ต่อมาได้วิวัฒนาการแขนงวิชา ที่สอนไปยังด้านอื่น ๆ เช่น มนุษย์ศาสตร์ อย่างไรก็ดีก
ระบบการศึกษาโรงเรียนในปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนนักศึกษาทั้งหมดประมาณ 12.6 ล้านคนที่ประเทศมีครูอาจารย์ทั้งหมดประมาณ 780,000 คนตามโรงเรียนสถานศึกษากว่า 52,000 แห่งในเยอรมันการศึกษาภาคบังคับเริ่มตั้งแต่อายุ 6-18 ปีรวมการศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 12 ปีซึ่งนักเรียนจำเป็นต้องเรียนหลักสูตรภาคบังคับแบบเต็มเวลานี้อย่างน้อย 9 ปี (ในบางรัฐ 10 ปี) หลังจากนั้นนักเรียนสามารถเลือกเรียนหลักสูตรสายอาชีพหรือฝึกงานซึ่งเป็นการเรียนแบบไม่เต็มเวลาได้โรงเรียนเอกชนในเยอรมนีไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยนักสอนศาสนาโรงเรียนส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนรัฐบาลเรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนหนังสือและตำราเรียนมักมีให้นักเรียนยืมไม่ต้องซื้อแต่ถ้าจำเป็นต้องให้เป็นของส่วนตัวก็จะให้ผู้ปกครองบริจาคเงินตามกำลังทรัพย์ที่มีเมื่อนักเรียนอายุ 6 ปีจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษาเป็นเวลา 4 ปีหลักจากจบประถมศึกษาแล้วจึงศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกันโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป (Hauptschule)เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ให้การศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไปวิชาที่สอบได้แก่ภาษาเยอรมันคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติสังคมวิทยาภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และวิชาแนะนำวิชาชีพเวลาเรียน 6 ปีหลังจบนักเรียนจะได้รับใบประกาศนียบัตรเพื่อเป็นประตูสู่การศึกษาสายวิชาชีพกลางโรงเรียน (Realschule)เป็นโรงเรียนที่อยู่ระหว่างโรงเรียนมัธยมศึกษาที่ให้การศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไป (โรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป) กับโรงเรียนมัธยมศึกษาที่เน้นวิชาการ (โรงเรียนไวยากรณ์) หลักสูตรส่วนใหญ่จะเน้นวิชาพื้นฐานทั่วไปหลังจบหลักสูตร 6 ปีแล้วจะได้ประกาศนียบัตรเพื่อศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นเช่นโรงเรียนอาชีวะที่ต้องเรียนเต็มเวลาประมาณ 40% ของผู้จบโรงเรียนมัธยมจะได้ประกาศนียบัตรแบบนี้โรงเรียนไวยากรณ์ (โรงยิม)เป็นการศึกษาระดับมัธยมศึกษา 9 ปีเป็นการเรียนการสอนที่เน้นวิชาการและเมื่อเรียนในระดับเกรด 11-13 วิธีการเรียนจะแบ่งเป็นการเลือกกลุ่มวิชา (หลักสูตร) ที่ถนัดเพื่อเน้นบางสาขาวิชาโดยเฉพาะเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนมหาวิทยาลัยหลังจากจบเกรด 13 แล้วครอบคลุมโรงเรียน (Gesamtschule)เป็นการผสมผสานการเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมทั้ง 3 ประเภทเข้าด้วยกันภายใต้การบริหารหนึ่งเดียวนักเรียนเริ่มเรียนตั้งแต่เกรด 5 ถึงเกรด 10 และจะเริ่มเรียนวิชาเฉพาะทางในระดับเกรด 7 บางกลุ่มวิชาจะมีการแบ่งการเรียนออกเป็นกว่า 11 ระดับแล้วแต่ความยากง่ายข้อมูลทั่วๆ ไปเกี่ยวกับการศึกษาระดับสูงประเทศเยอรมนี Educationวิทยาศาสตร์ การวิจัยค้นคว้าและการศึกษาในเยอรมันมีการสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานสถานศึกษาหลายแห่งในเยอรมันมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่าหลายศตวรรษมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมันอยู่ที่เมืองไฮเดนแบร์ก (ไฮเดลเบิร์ก) ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. เมืองไฮเดลแบรกก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง มหาวิทยาลัยในเยอรมันเป็นผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และมนุษย์ศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมันหันมาพัฒนาการศึกษาและการวิจัยมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรวมประเทศมีมหาวิทยาลัยเกือบ 120 แห่งและสถาบันเทียบเท่ามหาวิทยาลัยเช่นมหาวิทยาลัยเทคนิคมากกว่า 200 แห่งกระจายทั่วประเทศนอกจากนั้นยังมีสถาบันการศึกษาชั้นสูงเช่นมหาวิทยาลัยเน้นภาคปฏิบัติ (Fachhochschule) มหาวิทยาลัยศิลปะการดนตรีและภาพยนตร์เป็นต้นสถาบันการศึกษาระดับสูงส่วนใหญ่เป็นของรัฐบาลมีไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยนักสอนศาสนาคริสต์และกองทุนเอกชนซึ่งเป็นสถานบันที่สอนด้านเทคโนโลยีกฎหมายและบริหารธุรกิจสถาบันการศึกษาของรัฐบาลเปิดรับนักศึกษาทุกเชื้อชาติเรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแม้กระทั่งนักศึกษานานาชาติก็ได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนโดยรัฐบาลเยอรมันจากจำนวนนักศึกษาทั้งหมดเกือบ 2 ล้านคนในสถาบันอุดมศึกษาในเยอรมัน มีนักศึกษาประมาณ 140,000 คน ที่มาจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก นักศึกษาต่างชาติประมาณ 9,400 กว่าคนกำลังศึกษาในระดับปริญญาสาขาต่าง ๆ ประมาณ 1,600 คน ศึกษาในหลักสูตรพิเศษเฉพาะทาง และในระดับปริญญาเอกมีประมาณ 2,700 คนสำหรับหลักสูตรนานาชาติ ที่นักศึกษาสนใจเรียนเป็น พิเศษมีมากกว่า 200 หลักสูตรที่สอนเป็นภาษาอังกฤษบางส่วน หรือสอนเป็นภาษาอังกฤษ ตลอดทั้งหลักสูตร และมีโครงสร้างตามระบบการเรียนการสอน ของมหาวิทยาลัยอังกฤษ - อเมริกันประเภทของสถาบันศึกษามหาวิทยาลัยผู้ที่บทบาทสำคัญต่อการปฏิรูปการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย ก็คือ Willhelm von Humboldt (มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1767 - 1835) เขาได้เน้นความสำคัญของหลักการศึกษาที่สำคัญคือ "การแยกกันไม่ออกระหว่างการสอนและการวิจัย" ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน มหาวิทยาลัยของเยอรมันก็ได้ยึดถือหลักการนี้ไว้ตลอด ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงไม่ใช้สถาบันเพื่อการศึกษาและฝึกอบรมเท่านั้น แต่ยังเป็นสถาบันที่ทำการวิจัยค้นคว้า ทั้งในลักษณะที่เป็นการวิจัยประยุกต์ และงานด้านวิชาการล้วน ๆ มหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตร ทั้งระดับปริญญาโท (Diplom หรือ Magiste Artium) และระดับปริญญาเอก และยังการับรองความสามารถในการสอน (Habilitation) ของผู้ขอตำแหน่งศาสตราจารย์ ซึ่งต้องผ่านการเป็นอาจารย์ของมหาวิทยาลัยมาแล้ว และการเสนอผลงานทางวิชาการก่อนจะมีการสอบทักษะต่าง ๆ อย่างเข้มงวดเพื่อแต่งตั้งเป็นศาสตร์จารย์ระยะหลังนี้ ได้มีหลายมหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตร ซึ่งเทียบเท่ากับปริญญาตรี และโทแบบสากลทั่ว ๆ ไป ซึ่งเปิดโอกาสให้จบการศึกษา ปริญญาตรีและโทง่ายขึ้น แขนงวิชาที่สอนในมหาวิทยาลัยที่สำคัญคือ แพทย์ศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ ศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ และวนศาสตร์ ในแต่ละสาขาวิชา ยังแบ่งสาขาย่อยออกไป หลากหลาย เพื่อเน้นความชำนาญเฉพาะทางมหาวิทยาลัยเทคนิค (Technical Universities)เดิมนั้นสถาบันการศึกษาที่เรียกว่า มหาวิทยาลัยเทคนิค ให้การศึกษาเฉพาะด้านวิศวกรรม แต่ต่อมาได้วิวัฒนาการแขนงวิชา ที่สอนไปยังด้านอื่น ๆ เช่น มนุษย์ศาสตร์ อย่างไรก็ดีก
การแปล กรุณารอสักครู่..

12.6 ล้านคนที่ประเทศมีครูอาจารย์ทั้งหมดประมาณ 780,000 คนตามโรงเรียนสถานศึกษากว่า 52,000 6-18 ปีรวมการศึกษาภาคบังคับทั้งหมด 12 ปีซึ่งนักเรียนจำเป็นต้อง อย่างน้อย 9 ปี (ในบางรัฐ 10 ปี) หลักสูตรสายอาชีพ โรงเรียนเอกชนในเยอรมนี เรียนฟรีไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนหนังสือและตำราเรียนมักมีให้นักเรียนยืมไม่ต้องซื้อ แต่ถ้าจำเป็นต้องให้เป็นของส่วนตัวก็จะให้ผู้ปกครองบริจาคเงินตามกำลังทรัพย์ที่มีเมื่อนักเรียนอายุ 6 ปีจะเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา เป็นเวลา 4 ปีหลักจากจบประถมศึกษาแล้วจึงศึกษาต่อในระดับมัธยมศึกษาแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกันโรงเรียนมัธยมศึกษาทั่วไป วิชาที่สอบ ได้แก่ ภาษาเยอรมันคณิตศาสตร์วิทยาศาสตร์ธรรมชาติสังคมวิทยาภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) และวิชาแนะนำวิชาชีพเวลาเรียน 6 ปี เพื่อเป็นประตูสู่การศึกษาสายวิชาชีพกลางโรงเรียน ที่ให้การศึกษาวิชาพื้นฐานทั่วไป (โรงเรียนมัธยมทั่วไป) (โรงเรียนสอนไวยกรณ์) หลังจบหลักสูตร 6 ปีแล้ว เช่น ประมาณ 40% ของผู้จบโรงเรียนมัธยมจะได้ประกาศนียบัตรแบบนี้โรงเรียนมัธยม(โรงยิม) เป็นการศึกษาระดับมัธยมศึกษา 9 ปีเป็นการเรียนการสอนที่เน้นวิชาการและเมื่อเรียนในระดับเกรด 11-13 วิธีการเรียนจะแบ่งเป็นการเลือกกลุ่มวิชา ( หลักสูตร) ที่ถนัดเพื่อเน้นบางสาขาวิชาโดยเฉพาะ 13 แล้วครอบคลุมโรงเรียน(Gesamtschule) เป็นการผสมผสานการเรียนการสอนของโรงเรียนมัธยมทั้ง 3 ประเภทเข้าด้วยกันภายใต้การบริหารหนึ่งเดียวนักเรียนเริ่มเรียนตั้งแต่เกรด 5 ถึงเกรด 10 7 บางกลุ่มวิชาจะมีการแบ่งการเรียนออกเป็นกว่า 11 ระดับแล้วแต่ความยากง่ายThailand ข้อมูลทั่ว ๆ ไปเกี่ยวกับหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นระดับสูงเยอรมนีศึกษาวิทยาศาสตร์การวิจัยค้นคว้าและการศึกษาในเยอรมันมีการสืบทอดต่อเนื่องกันมายาวนานสถานศึกษาหลายแห่งในเยอรมันมีประวัติศาสตร์ย้อนหลังไปกว่าหลายศตวรรษมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในเยอรมันอยู่ที่เมืองไฮเดนแบร์ก (ไฮเดลเบิร์ก) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1386 และมนุษย์ศาสตร์หลังสงครามโลกครั้งที่สองเยอรมันหันมาพัฒนาการศึกษาและการวิจัยมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการรวมประเทศมีมหาวิทยาลัยเกือบ 120 แห่งและสถาบันเทียบเท่ามหาวิทยาลัยเช่นมหาวิทยาลัยเทคนิคมากกว่า 200 แห่งกระจายทั่วประเทศ เช่นมหาวิทยาลัยเน้นภาคปฏิบัติ (Fachhochschule) มีไม่กี่แห่งที่ดำเนินการโดยนักสอนศาสนาคริสต์และกองทุนเอกชนซึ่งเป็นสถานบันที่สอนด้านเทคโนโลยีกฎหมายและบริหารธุรกิจ ไม่ต้องเสียค่าเล่าเรียนแม้กระทั่งนักศึกษานานาชาติก็ได้รับการยกเว้นค่าเล่าเรียนโดยรัฐบาลเยอรมันจากจำนวนนักศึกษาทั้งหมดเกือบ 2 คนล้านในสถาบันอุดมศึกษาในเยอรมันมีนักศึกษาเป็นประมาณ140,000 คนที่มาจากประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกนักศึกษาต่างชาติประมาณ 9,400 ๆ ประมาณ 1,600 คนศึกษาในหลักสูตรพิเศษเฉพาะทางและในระดับปริญญาเอกมีประมาณ 2,700 คนสำหรับหลักสูตรนานาชาติที่นักศึกษาเป็นสนใจเรียนเป็นพิเศษมีมากกว่า200 หรือสอนเป็นภาษาอังกฤษตลอดทั้งหลักสูตร ของมหาวิทยาลัยอังกฤษ - ก็คือ Willhelm ฟอนฮัม (มีชีวิตอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1767-1835) ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน และงานด้านวิชาการล้วน ๆ มหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตรทั้งระดับปริญญาโท (Diplom หรือ Magiste Artium) และระดับปริญญาเอกและยังการับรองความสามารถในการสอน (บิลิเทชั่) ของผู้ขอตำแหน่งศาสตราจารย์ ๆ ได้มีหลายมหาวิทยาลัยมอบปริญญาบัตรซึ่งเทียบเท่ากับปริญญาตรีและโทแบบสากลทั่ว ๆ ไปซึ่งเปิดโอกาสให้จบการศึกษาปริญญาตรีและโทง่ายขึ้น แพทย์ศาสตร์วิทยาศาสตร์วิศวกรรมศาสตร์ศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์เกษตรศาสตร์และวนศาสตร์ในแต่ละสาขาวิชายังแบ่งสาขาย่อยออกไปหลากหลาย (เทคนิค มหาวิทยาลัยเทคนิคให้การศึกษาเฉพาะด้านวิศวกรรม แต่ต่อมาได้วิวัฒนาการแขนงวิชาที่สอนไปยังด้านอื่น ๆ เช่นมนุษย์ศาสตร์อย่างไรก็ดีก
การแปล กรุณารอสักครู่..
