THE BANK OF THAILAND could turn on

THE BANK OF THAILAND could turn on the stimulus tap, as risks are rising that the economy might not reach 1.5-per-cent growth this year, and that exports might even contract.

"We are watching closely. If economic growth continues at a low level, it may be necessary for additional monetary policy," BOT Governor Prasarn Trairatvorakul said yesterday.

In its most recent meeting, the central bank's Monetary Policy Committee (MPC) expressed concern over economic expansion, which remained weaker than expected. It decided to leave the policy interest rate at 2 per cent.

Easing monetary measures remain appropriate for the economy if it continues decelerating, and it is possible for the central bank to unleash additional monetary stimulus to prop up the economy, Prasarn said.

Fiscal policy is the key issue the BOT has been considering in deciding whether to adjust monetary policy and, recently, state budget disbursement has been slower than expected.

In late October, after fiscal 2015 began, the government planned to accelerate short-term disbursement. If the fiscal measures could not stimulate the economy, monetary stimulus might need to step in, Prasarn said.

However, he noted, monetary measures were not a magic pill for all problems, so it was more proper to employ fiscal stimulus.

In the past three to four years, although Thailand has confronted political problems or external impacts, it was a proper direction for increasing monetary accommodation, as that helped absorb shocks from external factors.

Since the second quarter of last year, the MPC has slashed the policy rate three times, from 2.75 per cent to 2.00 per cent.

In its surveys of business operators, the central bank has rarely heard about impacts from the rate cuts, which generally benefited business operators. Only the labour shortage and state assistance problems have been reported.

The economy, in the past three to four years, has faced uncertainties in growth, from both internal and external factors. In the first half of this year, Thailand saw political impacts drag its economy into negative-growth territory. The economy started recovering in the second quarter.

The central bank forecasts the economy expanding in the second half of this year, but it is expected to remain at risk of missing the 2014 growth target of 1.5 per cent.

Exports have also been picking up more slowly than expected mainly because of drops in the prices of rubber and rice, and structural problems involving electronics goods. This year may see exports shrink.

With Europe's economic slowdown and political conflicts with Russia, foreign-tourist arrivals are expected to come in at 25 million this year, against the target of 27 million.

This will leave Thailand dependent on domestic drivers, including investment and consumption, for growth.

However, the government is trying to accelerate investment this fiscal year and rush spending of the carry-over budget. It is also speeding up approval by the Board of Investment of projects to help boost the economy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถเปิดประปากระตุ้นเศรษฐกิจที่เป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจอาจจะไม่ถึงการเจริญเติบโต 1.5 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้และว่าการส่งออกอาจสัญญาแม้. "เรากำลังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด. หากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องที่ต่ำ ระดับมันอาจจะเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการดำเนินนโยบายการเงินเพิ่มเติม "ผู้ว่าการ ธ ปทประสารไตรรัตน์วรกุลกล่าวเมื่อวานนี้. ในการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง) แสดงความกังวลเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจซึ่งยังคงปรับตัวลดลงกว่าที่คาดไว้ มันตัดสินใจที่จะออกจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 2. มาตรการผ่อนคลายทางการเงินยังคงอยู่ที่เหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจถ้ามันยังคงชะลอตัวลงและมันเป็นไปได้สำหรับธนาคารกลางที่จะปล่อยการกระตุ้นทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจประสารกล่าว. นโยบายการคลัง เป็นปัญหาที่สำคัญของ ธ ปทได้รับการพิจารณาในการตัดสินใจว่าจะปรับนโยบายการเงินและเมื่อเร็ว ๆ นี้การเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐที่ได้รับช้ากว่าที่คาด. ในปลายเดือนตุลาคมหลังจากปีงบประมาณ 2015 เริ่มรัฐบาลวางแผนที่จะเร่งการเบิกจ่ายในระยะสั้น หากมาตรการการคลังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ, การกระตุ้นทางการเงินอาจจำเป็นที่จะก้าวเข้า, ประสารกล่าว. แต่เขาสังเกตมาตรการทางการเงินที่ไม่ได้เป็นยาวิเศษสำหรับปัญหาทั้งหมดจึงเป็นที่เหมาะสมมากขึ้นเพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ. ในอดีตที่ผ่านมา 3-4 ปีที่ผ่านมาถึงแม้ว่าประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาทางการเมืองหรือผลกระทบภายนอกมันเป็นทิศทางที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มขึ้นในเงินเป็นที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากปัจจัยภายนอก. ตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีที่ผ่านมาคณะกรรมการฯ ได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสาม ครั้งจากร้อยละ 2.75 เป็น 2.00 ร้อยละ. ในการสำรวจความคิดเห็นของผู้ประกอบการธุรกิจที่ธนาคารกลางได้ไม่ค่อยได้ยินเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยซึ่งได้รับประโยชน์โดยทั่วไปผู้ประกอบการธุรกิจ เฉพาะการขาดแคลนแรงงานและปัญหาการช่วยเหลือของรัฐได้รับรายงาน. เศรษฐกิจในอดีต 3-4 ปีที่ผ่านมาต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนในการเจริญเติบโตทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอก ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ประเทศไทยได้เห็นผลกระทบทางการเมืองเศรษฐกิจลากเข้าไปในแดนลบการเจริญเติบโต เศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวในไตรมาสที่สอง. ธนาคารกลางคาดการณ์เศรษฐกิจขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ แต่คาดว่าจะยังคงอยู่ในความเสี่ยงของการขาดหายไปเป้าหมายการเติบโต 2014 ร้อยละ 1.5. การส่งออกยังได้รับการยกขึ้นมากขึ้น ช้ากว่าที่คาดไว้เพราะส่วนใหญ่ของหยดของราคายางพาราและข้าวและปัญหาเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ในปีนี้อาจจะเห็นการส่งออกหดตัวลง. กับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของยุโรปและความขัดแย้งทางการเมืองกับรัสเซียนักท่องเที่ยวต่างประเทศท่องเที่ยวที่คาดว่าจะมาในที่ 25 ล้านในปีนี้เมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ 27 ล้าน. นี้จะทำให้ประเทศไทยขึ้นอยู่กับคนขับรถในประเทศรวมถึงการลงทุน และการบริโภคสำหรับการเจริญเติบโต. อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็พยายามที่จะเร่งการลงทุนปีนี้และเร่งการใช้จ่ายของงบประมาณดำเนินการเกิน นอกจากนี้ยังเร่งขึ้นได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนของโครงการที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ธนาคารแห่งประเทศไทยจะเปิดกระตุ้นแตะที่เป็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นว่าเศรษฐกิจอาจไม่เข้าถึงการเติบโตในปีนี้ 1.5-per-cent และการส่งออกอาจจะสัญญา

" เรากำลังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด หากการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในระดับต่ำ อาจเป็นนโยบายการเงินเพิ่มเติม " ธนาคารแห่งประเทศไทยประสารไตรรัตน์วรกุลผู้ว่าราชการกล่าวเมื่อวานนี้

ในนัดล่าสุดของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ( MPC ) แสดงความกังวลเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ มันตัดสินใจที่จะปล่อยให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 2 .

มาตรการการผ่อนคลายนโยบายการเงินยังคงเหมาะสมสำหรับเศรษฐกิจถ้ามันยังคงชะลอลง และเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางต้องใช้มาตรการกระตุ้นการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจประสาร กล่าวว่า นโยบายการคลัง

ปัญหาสําคัญที่ ธปท. ได้พิจารณาในการตัดสินใจว่าจะปรับนโยบายการเงิน และการเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐเมื่อเร็ว ๆนี้ได้รับช้ากว่าที่คาดไว้

ในปลายเดือนตุลาคม หลังจากที่ปีงบประมาณ 2015 เริ่ม รัฐบาลวางแผนที่จะเร่งเบิกจ่ายระยะสั้น ถ้ามาตรการการคลังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ กระตุ้นเศรษฐกิจการเงินอาจจะต้องมีขั้นตอนในประสารบอกว่า

แต่เขากล่าว มาตรการทางการเงินไม่ได้เป็นยาวิเศษสำหรับทุกปัญหา ดังนั้นมันเป็นมากกว่าที่เหมาะสมที่จะใช้มาตรการกระตุ้นการคลัง

ในช่วงสามถึงสี่ปี แต่ประเทศไทยมีปัญหาการเมือง หรือผลกระทบจากภายนอก มันเป็นทิศทางที่เหมาะสมเพื่อเพิ่มการเงิน ที่พัก ที่ช่วย ดูดซับแรงกระแทก จากปัจจัยภายนอก

ตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว คณะกรรมการฯ ได้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้ง จาก 2.75 ร้อยละ 2.00 per cent .

ในการสำรวจของผู้ประกอบการ , ธนาคารกลางไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับลดอัตรา ซึ่งโดยทั่วไปประโยชน์ผู้ประกอบการธุรกิจ เฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานและปัญหาการให้ความช่วยเหลือของรัฐได้รับการรายงาน

เศรษฐกิจ