ชื่อเรื่อง อาหารฟาสฟู๊ดมีแคลอรี่มากกว่าอาหารตามสั่งจริงหรือไม่
ผู้ศึกษา 1. นายณัฐวัฒน์ จิตรจินดามณี ชั้น ม.4/7 เลขที่ 6
2. นายวริทธิ์ธร สุทธิโพธิ์ ชั้น ม.4/7 เลขที่ 15
3. นายสรสิช มูลสุวรรณ ชั้น ม.4/7 เลขที่ 18
4. นางสาวมาลิตา วงศ์หอม ชั้น ม.4/7 เลขที่ 38
5. นางสาวโสจิวรรณ สกุลจันทร์ ชั้น ม.4/7 เลขที่ 40
ครูที่ปรึกษา คุณครู ปิยะพร มะลัยเถาว์
ระดับการศึกษา นักเรียนระดับชั้นมัธยมศักษาปีที่ 4
โรเรียนกาญจนาภิเษกวิทยาลัย นครปฐม (พระตำหรักสวนกุหลายมัธยม)
รายวิชา การสื่อสารและการนำเสนอ (Independent study : IS1)
ปีการศึกษา 2557
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเปรียบเทียบแคลอรี่ของอาหารฟาสฟู๊ดกับอาหารตามสั่งเพื่อศึกษาสัดส่วนของอาหารที่ควรรับประทานในแต่ละวัน เพื่อศึกษาวิธีการควบคุมไขมัน
การศึกษาค้นคว้าเรื่องอาหารฟาสฟู๊ดมีเเคลอรี่มากกว่าอาหารตามสั่งจริงมีขอบเขตการศึกษาคือ 1 เพื่อศึกษาสัดส่วนของอาหารที่ควรรับประทานในแต่ละวัย 2 เพื่อเปรียบเทียบแคลอรี่ของอาหารฟาสฟู๊ดกับอาหารตามสั่ง 3 เพื่อศึกษาการควบคุมไขมันในร่างกายและวิธีเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง
โดยค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตซึ่งคณะ ผู้จัดทำด้ำการศึกษาข้อมูล รวบรวม คัดกรองความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลแล้วนำมาเรียบเรียงซึ่งผลการศึกษาพบว่า
อาหารฟาสฟู๊ดคือ คือ อาหารที่ปรุงเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว หรือทันเวลาพอดีโดยมีแปลงเป็นหลัก อาหารตามสั่งคืออาหารที่ทำโดยทำที่เราสั่งโดยส่วนมากมีข้าวเป็นหลัก ผลเสียจากการรับประทานทำให้เกิดโรคต่างๆๆเช่นโรคกระดูกข้ออักเสบ โรคอ้วน โรคไต เบาหวานเป็นต้น
อาหารในวัยต่างๆ 1. วัยทารก (แรกเกิด- 1 ปี) อาหารหลักคือ น้ำนม นมแม่เป็นอาหารทีดีและเหมาะที่สุดสำหรับทารกนอกจากนมแม่แล้ว ทารกยังจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริม 2.เด็กวัยก่อนเรียน (2 – 5 ปี) เด็กวัยนี้ต้องการอาหารเช่นเดียวกับทารกในระยะ 1 ปีแรก แต่ต้องการปริมาณมากขึ้น เพราะมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต 3. เด็กวัยเรียน (6 – 13 ปี) เป็นวัยที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตช้า ๆ แต่สม่ำเสมอ การที่จะเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ได้เด็กต้องได้อาหารถูกต้อง ตามหลักโภชนาการในปริมาณที่เหมาะสม และเพียงพอกับความต้องการของร่างกาย 4. เด็กวัยรุ่น (13 – 19 ปี) วัยรุ่นควรได้รับสารอาหารครบทุกประเภท คือ กินข้าว เนื้อสัตว์ ถั่ว ไข่ น้ำนม ไขมัน ผักและผลไม้ทุกวัน เนื่องจากเป็นวัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งด้านรูปร่าง หน้าตา จิตใจ อารมณ์ และการร่วมสังคมกับคนอื่นๆ 5. วัยผู้ใหญ่ (20-40 ปี) เป็นวัยที่ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว แต่ร่างกายก็ยังต้องการสารอาหารเพื่อนำไปใช้ในการทำงานของร่างกาย และซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม ผู้ใหญ่ควรกินอาหารให้ครบได้สัดส่วนตามความต้องการของร่างกาย ความต้องการวิตามินยังคงเท่ากับวัยรุ่น สำหรับธาตุเหล็กร่างกายยังต้องการมาก ควรลดปริมาณการกินของหวาน น้ำตาล ไขมันโดยเฉพาะไขมันจากสัตว์เพิ่ม ปริมาณการกินผักและผลไม้มากขึ้น
6. วัยชรา ไม่ต้องการแคลอรีมากเพราะมีการเคลื่อนไหวน้อย จึงต้องการอาหารประเภทไขมัน และคาร์โบไฮเดรตน้อยแต่ต้องการเหล็กและแคลเซี่ยมมากเพื่อความแข็งแรงของกระดูก ควบคุมการทำงานของประสาท กล้ามเนื้อ และการแข็งตัวของโลหิต ส่วนที่เป็นนักกีฬา อาหารของนักกีฬาที่ให้พลังงานอย่างมาก จะต้องมีสัดส่วนดังนี้คือ โปรตีน 12 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 33 เปอร์เซ็นต์ และคาร์โบไฮเดรต 55 เปอร์เซ็นต์ แต่ต้องดื่มน้ำให้เพียงพอต่อการดูดซึมอาหารและทำให้กากอาหารไม่จับตัวแข็งและถ่ายสะดวก ก่อนการแข่งขันนักกีฬาต้องกินอาหารน้อยๆ เพราะถ้ากินมาก เลือดจะถูกดึงจากกล้ามเนื้อไปให้กระเพาะเพื่อย่อยอาหาร ทำให้เล่นกีฬาได้ไม่เต็มความสามารถ ดังนั้นก่อนการแข่งขันควรดื่มน้ำผลไม้เพื่อป้องกันการเสียน้ำมากเกินไปซึ่งทำให้เหนื่อยเร็ว