The objective of this study was to

The objective of this study was to investigate parenteral
vitamin E for the prevention of peripartum disease
in dairy cows. A randomized clinical trial was
conducted in 21 commercial dairy herds. Cows (n =
1142) were randomly assigned to receive either a single
subcutaneous injection of 3000 IU of vitamin E,
or placebo, 1 wk before expected calving. Serum α-
tocopherol was significantly increased in treated cows
at 7 and 14 d, but not at 21 d after injection. Overall,
there were no significant differences between treatment
groups in the incidence of retained placenta, clinical
mastitis, metritis, endometritis, ketosis, displaced
abomasum, or lameness. However, there was a conditional
benefit of treatment for reduction of the incidence
of retained placenta. Cows with marginal pretreatment
vitamin E status (serum α-tocopherol to
cholesterol mass ratio < 2.5 × 10-3) that received an
injection of vitamin E tended to have reduced risk of
retained placenta. However, in cows with adequate
serum vitamin E, there was no reduction in the incidence
of any disease. For clinical application, primiparous
animals were most likely to benefit from prepartum
injection of vitamin E.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้ได้ตรวจสอบ parenteralวิตามินอีป้องกันโรค peripartumนม มีการทดลองทางคลินิก randomizedดำเนินในฝูงโคนมพาณิชย์ 21 วัว (n =1142) ถูกสุ่มให้ได้รับอย่างใดอย่างหนึ่งเดียวฉีดใต้ 3000 IU ของวิตามินอีหรือยา หลอก 1 wk ก่อนคาด calving เซรั่มด้วยกองทัพ -tocopherol เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวัวบำบัดที่ 7 และ 14 d แต่ ที่ d 21 หลังฉีดไม่ โดยรวมมีไม่แตกต่างกันระหว่างการรักษากลุ่มในการเกิดเป็นพิษสะสม คลินิกmastitis แบคทีเรีย endometritis สใน พลัดถิ่นอะโบมาซัม หรือความอ่อนแอ อย่างไรก็ตาม มีแบบมีเงื่อนไขประโยชน์ของการรักษาสำหรับการลดอุบัติการณ์ของสะสมเป็นพิษ วัวกับ pretreatment ร่อแร่วิตามินอีสถานะ (เซรั่มด้วยกองทัพ-tocopherol เพื่อไขมันโดยรวมอัตรา < 2.5 × 10-3) ที่รับการการฉีดวิตามินอีที่มีแนวโน้มที่จะ ได้ลดความเสี่ยงของเก็บไว้รก อย่างไรก็ตาม ในวัวมีเพียงพอเซรั่มวิตามิน E มีไม่ลดอุบัติการณ์ของโรค สำหรับโปรแกรมประยุกต์ทางคลินิก primiparousสัตว์มักจะได้รับประโยชน์จาก prepartumฉีดวิตามินอี

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้คือการตรวจสอบหลอดเลือดวิตามินอีในการป้องกันการเกิดโรค Peripartum ในโคนม การทดลองทางคลินิกแบบสุ่มได้ดำเนินการใน 21 ฝูงโคนมในเชิงพาณิชย์ วัว (n = 1142) ได้รับการสุ่มให้ได้รับอย่างใดอย่างหนึ่งเดียวฉีดใต้ผิวหนัง3000 IU ของวิตามินอีหรือยาหลอก, 1 สัปดาห์ก่อนที่จะหลุดคาดว่า เซรั่มα-โทโคฟีรอเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในวัวได้รับการรักษาที่7 และ 14 วัน แต่ไม่ได้อยู่ที่ 21 วันหลังการฉีด โดยรวมแล้วไม่มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการรักษากลุ่มอุบัติการณ์ของรกไว้ที่คลินิกเต้านมอักเสบmetritis, มดลูกอักเสบ, คีโตซีส, ย้ายอะโบมาซัมหรืออ่อนแอ แต่มีเงื่อนไขผลประโยชน์ของการรักษาลดอุบัติการณ์ของรกเก็บไว้ วัวที่มีการปรับสภาพร่อแร่สถานะวิตามินอี(ซีรั่มαโทโคฟีรอที่จะอัตราส่วนมวลคอเลสเตอรอล<2.5 × 10-3) ที่ได้รับการฉีดวิตามินอีมีแนวโน้มที่จะมีการลดความเสี่ยงของรกเก็บไว้ อย่างไรก็ตามในวัวที่มีเพียงพอวิตามินซีรั่มอีมีการลดลงของอัตราการเกิดไม่มีโรคใดๆ สำหรับการประยุกต์ใช้ทางคลินิกคลอดบุตรคนแรกสัตว์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จาก prepartum ฉีดวิตามินอี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาทางหลอดเลือดดำวิตามินอีกับการป้องกันโรค peripartumในโคนม การศึกษาทดลองทางคลินิก คือดำเนินการใน 21 วัวนมเชิงพาณิชย์ วัว ( n =786 ) มีวัตถุประสงค์เพื่อรับทั้งเดี่ยวฉีดใต้ผิวหนังของ 3000 IU ของวิตามินอีหรือยาหลอก , 1 สัปดาห์ก่อน คาดมี . ซีรั่มแอลฟาโทโคเฟอรอลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในการรักษาวัวที่ 7 และ 14 วัน แต่ไม่ได้อยู่ที่ 21 D หลังฉีด โดยรวมไม่มีความแตกต่างที่สำคัญระหว่างการรักษากลุ่มในการเกิดรกค้าง ทางคลินิกmetritis งูเห่าหม้อ , , เต้านมอักเสบ , คีโตซิส พลัดอะโบมาซัม หรือพิการ . อย่างไรก็ตาม มีเงื่อนไขประโยชน์ของการรักษาเพื่อลดอุบัติการณ์ของเก็บไว้รก วัวกับขอบขั้นต้นวิตามินอี ( ซีรั่มแอลฟาโทโคเฟอรอล กับสถานะคอเลสเตอรอลอัตราส่วนมวล < 2.5 × 10-3 ) ที่ได้รับการฉีดวิตามิน อี มีแนวโน้มที่จะมีการลดความเสี่ยงของเก็บไว้รก อย่างไรก็ตาม ในตัวเพียงพอเซรั่มวิตามินอี ไม่มีการลดอุบัติการณ์ของโรคใด ๆ สำหรับการประยุกต์ทางคลินิกในระยะสัตว์มีแนวโน้มมากที่สุดที่จะได้รับประโยชน์จาก prepartumฉีดวิตามิน E