The state of Thailand can be sued o

The state of Thailand can be sued only through its agencies, however, not because of the principle of state immunity but because of the principle of the “juristic person.” Under Thai law, only a person, whether natural or juristic, can sue or can be sued in court. In the case of a juristic person, an entity will be granted legal personality only by virtue of the Civil and Commercial Code or other laws. Except in international law, there is not any domestic law conferring legal personality to the state. That is why, since 1947, the Supreme Court of Justice in Thailand has consistently held that the government cannot be sued in court. In practice, the state can be sued through government agencies such as ministries, departments, provinces, and state enterprises, which act for the state and have been given legal personality by law. In this case, the contract of maintenance must be concluded between FIXIT and the government agency concerned to be effective. We can surmise that this contract will be entered into by FIXIT and Thailand’s Ministry of Defense and, in case of breach of contract by the Ministry, the action may be brought against the Ministry of Defense, but not against the state itself.

Since Thai Courts are divided into four separate systems, FIXIT should first determine whether this contract is administrative or not, in order to determine the court in which FIXIT could bring a legal suit. The answer to this question is important because it will determine the law applicable to the contract, both substantive and procedural, including the competent court and its procedure. According to the Act on Establishment of Administrative Courts and Administrative Court Procedure,3 this contract shall arguably be classified as an administrative contract because it fulfills the two *698 following conditions: (1) it is concluded by Ministry of Defense, which is an administrative agency or person acting on behalf of the state, and (2) it falls into a category of contracts provided in section 3 of Administrative Courts Act, i.e. a contract to provide public service.4

Therefore, if FIXIT thinks that Thailand is in breach of the contract, FIXIT can bring a lawsuit against Thailand in Administrative Court. According to the principle of exhaustion of administrative remedies, however, as provided in section 42, paragraph 2 of the Administrative Courts Act, as a prerequisite the plaintiff should have exhausted administrative remedies, such as appeal against the administrative order.5 Under Thai law, this rule is basically applied to administrative orders or to the request of additional compensation in a matter of expropriation. Its application is not mandated with respect to the challenge to specific regulations or disputes involving state contracts. In Thailand, there is no equivalent of the U.S. Contract Disputes Act that requires all claims related to the contract disputes first be submitted to the contracting officer. In practice, however, to maintain good relationship with the administration, the plaintiff usually undertakes an informal procedure before bringing a lawsuit to court--sending a notice or letter to the government agencies concerned to request they take or refrain from certain administrative action. In this case, FIXIT is therefore entitled to sue Thailand in the Administrative Court of First Instance without giving any prior notice, although sending a prior notice or an informal request for relief is advisable.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รัฐไทยสามารถจะ sued เท่านั้นผ่านตัวแทน อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เป็น เพราะหลักการของภูมิคุ้มกันของรัฐ แต่เนื่อง จากหลักการของ "นิติบุคคลนั้น" ภายใต้กฎหมายไทย เฉพาะบุคคล ธรรมชาติ หรือนิติบุคคล สามารถฟ้อง หรือสามารถ sued ในศาล ในกรณีของนิติบุคคล ทิจะได้การรับอนุญาตกฎหมายบุคลิกภาพเฉพาะอาศัยการโยธา และพาณิชย์ หรือกฎหมายอื่น ยกเว้นในกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีกฎหมายภายในประเทศ conferring บุคลิกภาพทางรัฐ ที่เป็นเหตุ ตั้งแต่ 1947 ฎีกาศาลยุติธรรมในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องจัดว่า ไม่ sued รัฐบาลในศาล รัฐสามารถ sued โดยหน่วยงานราชการ เช่นทบวงกรม หน่วยงาน จังหวัด รัฐ วิสาหกิจ ที่ดำเนินการสำหรับรัฐ และได้รับบุคลิกภาพตามกฎหมาย โดยกฎหมาย ในทางปฏิบัติ ในกรณีนี้ ต้องสรุปสัญญาบำรุงรักษาเครื่องและหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพ เราสามารถคาดการณ์ว่า จะถูกป้อนลงในสัญญานี้ โดยเครื่องและของไทยกระทรวงกลาโหม และ ในกรณีละเมิดสัญญาโดยกระทรวง การดำเนินการนี้อาจสามารถนำ กับกระทรวงกลาโหม แต่ไม่ กับสถานะตัวเอง เนื่องจากศาลไทยจะแบ่งออกเป็นสี่แยก เครื่องควรแรกกำหนดว่า สัญญานี้เป็นผู้ดูแล หรือ ไม่ เพื่อตรวจสอบเครื่องสามารถนำกรณีศาล ตอบคำถามนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันจะกำหนดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสัญญา ขั้น ตอน รวมทั้งอำนาจศาลและกระบวนการ และเรา ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและผู้ดูแลศาลขั้นตอน 3 สัญญานี้จะว่าจัดประเภทเป็นสัญญาการจัดการเนื่องจากมันตอบสนองสอง * 698 เงื่อนไขต่อไปนี้: (1) มันจะสรุป โดยกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ดูแลหรือผู้ที่ทำหน้าที่ในนามของรัฐ และ (2) จะตกอยู่ในประเภทของสัญญาในส่วนที่ 3 ของพระราชบัญญัติศาลปกครอง เช่นสัญญาให้สาธารณะ service.4 ดังนั้น ถ้าเครื่องคิดว่า ประเทศไทยเป็นการละเมิดสัญญา เครื่องสามารถนำคดีกับไทยในศาล ตามหลักการของจุดประสงค์ของการเยียวยาดูแล แต่ จัดไว้ในส่วน 42 ย่อหน้า 2 พระราชบัญญัติศาลปกครอง เป็นข้อกำหนดเบื้องต้นโจทก์ควรได้หมดดูแลเยียวยา เช่นอุทธรณ์กับ order.5 จัดการภายใต้ไทยกฎหมาย กฎนี้โดยทั่วไปจะใช้ การจัดการใบสั่ง หรือร้องขอค่าตอบแทนเพิ่มเติมในเรื่องของ expropriation ไม่ได้บังคับเกี่ยวกับความท้าทายโปรแกรมประยุกต์ของข้อกำหนดเฉพาะหรือข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับสถานะสัญญา ในประเทศไทย มีไม่เทียบเท่ากับพระราชบัญญัติข้อพิพาทสัญญาสหรัฐฯ ที่ต้องการเรียกร้องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทสัญญาก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่ทำสัญญา ในทางปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับการจัดการ โจทก์มักจะรับตอนอย่างไม่เป็นทางการก่อนนำคดีสู่ศาลส่งประกาศหรือจดหมายไปยังหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้เขาทำ หรือละเว้นการดำเนินการจัดการบาง ในกรณีนี้ จึงรับเครื่องฟ้องไทยดูแลศาลของตัวโดยไม่ให้การใด ๆ ล่วงหน้า แม้ว่าการส่งให้ทราบล่วงหน้า หรือคำลงท้ายสำหรับบรรเทาเป็นแนะนำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รัฐไทยสามารถฟ้องเพียงผ่านหน่วยงานของ แต่ไม่ได้เพราะหลักการของการสร้างภูมิคุ้มกันของรัฐ แต่เป็นเพราะหลักการของ "นิติบุคคล." ภายใต้กฎหมายไทยเพียงคนไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติหรือนิติบุคคลสามารถฟ้องหรือ สามารถฟ้องในศาล ในกรณีที่เป็นนิติบุคคลที่เป็นนิติบุคคลจะได้รับบุคลิกกฎหมายเท่านั้นโดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์หรือกฎหมายอื่น ๆ ยกเว้นในกฎหมายต่างประเทศมีไม่ใด ๆ กฎหมายภายในประเทศหารือบุคลิกกฎหมายให้กับรัฐ นั่นคือเหตุผลที่ตั้งแต่ปี 1947 ศาลฎีกายุติธรรมในประเทศไทยที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ว่ารัฐบาลไม่สามารถฟ้องในศาล ในทางปฏิบัติของรัฐสามารถฟ้องผ่านหน่วยงานภาครัฐเช่นกระทรวงกรมจังหวัดและรัฐวิสาหกิจซึ่งทำหน้าที่ของรัฐและได้รับนิติบุคคลตามกฎหมาย ในกรณีนี้สัญญาการบำรุงรักษาจะต้องมีการสรุประหว่าง Fixit และหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องที่จะเป็นที่มีประสิทธิภาพ เราสามารถคาดการณ์ว่าสัญญานี้จะถูกป้อนเข้าสู่โดย Fixit และกระทรวงของไทยกลาโหมและในกรณีที่มีการผิดสัญญาโดยกระทรวงการดำเนินการอาจจะนำกับกระทรวงกลาโหม แต่ไม่ได้กับรัฐเอง. the ตั้งแต่ศาลไทย จะแบ่งออกเป็นสี่ระบบแยก Fixit ควรตรวจสอบว่าสัญญานี้คือการบริหารหรือไม่เพื่อที่จะตรวจสอบศาลในการที่ Fixit สามารถนำชุดทางกฎหมาย คำตอบสำหรับคำถามนี้เป็นสิ่งสำคัญเพราะมันจะเป็นตัวกำหนดกฎหมายที่ใช้บังคับกับสัญญาทั้งเนื้อหาสาระและขั้นตอนรวมทั้งศาลมีอำนาจและขั้นตอนของมัน ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและศาลปกครองขั้นตอนที่ 3 สัญญานี้เนื้อหาจะถูกจัดเป็นสัญญาทางปกครองเพราะมันตอบสนองทั้งสอง * 698 ต่อไปนี้เงื่อนไข (1) จะได้ข้อสรุปโดยกระทรวงกลาโหมซึ่งเป็นผู้ดูแลระบบ หน่วยงานหรือบุคคลที่ทำหน้าที่ในนามของรัฐและ (2) มันตกอยู่ในประเภทของสัญญาที่ระบุไว้ในมาตรา 3 ของพระราชบัญญัติศาลปกครองคือสัญญาที่จะให้ service.4 ประชาชนดังนั้นถ้าfixit คิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ละเมิด สัญญา Fixit สามารถนำฟ้องศาลในประเทศไทยผู้ดูแล ตามหลักการของความอ่อนล้าของการเยียวยาในการบริหาร แต่เป็นในส่วน 42 วรรค 2 ของศาลปกครองพระราชบัญญัติเป็นสิ่งที่จำเป็นโจทก์ควรจะมีการเยียวยาการบริหารหมดเช่นอุทธรณ์ order.5 การบริหารภายใต้กฎหมายไทย กฎนี้ถูกนำไปใช้โดยทั่วไปคำสั่งฝ่ายปกครองหรือการร้องขอของค่าตอบแทนเพิ่มเติมในเรื่องของการเวนคืน การประยุกต์ใช้ไม่ได้รับคำสั่งที่เกี่ยวกับความท้าทายในการกฎระเบียบที่เฉพาะเจาะจงหรือข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญารัฐ ในประเทศไทยมีเทียบเท่าของสัญญาสหรัฐไม่มีข้อพิพาทพระราชบัญญัติที่ต้องมีการเรียกร้องทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาทสัญญาครั้งแรกที่ถูกส่งไปยังเจ้าหน้าที่ที่ทำสัญญา ในทางปฏิบัติอย่างไรเพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับการบริหารงานที่โจทก์มักจะดำเนินขั้นตอนทางการก่อนที่จะนำคดีไปยังศาล - ส่งแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือจดหมายถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อขอให้พวกเขาใช้เวลาหรือละเว้นจากการกระทำบางอย่างในการบริหาร ในกรณีนี้ Fixit จึงมีสิทธิที่จะฟ้องประเทศไทยในศาลปกครองศาลชั้นต้นโดยไม่ต้องให้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าแม้ว่าการส่งแจ้งให้ทราบล่วงหน้าหรือการร้องขอเป็นทางการสำหรับการบรรเทาแนะนำ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รัฐไทยสามารถฟ้องเฉพาะทางหน่วยงานของตน แต่ไม่ใช่เพราะหลักการของรัฐ ยกเว้นแต่ เพราะหลักการของ " นิติบุคคล " ภายใต้กฎหมายไทย เฉพาะบุคคล หรือ นิติบุคคล ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ สามารถฟ้องหรือถูกฟ้องในศาล ในกรณีของนิติบุคคลan entity will : granted เขตพื้นที่ legal เลย by virtue ของ the civil ( commercial code or laws 12 . ยกเว้นในกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่มีประเทศกฎหมายปรึกษากฎหมายบุคลิกภาพให้กับรัฐ นั่นคือเหตุผลว่าทำไม ตั้งแต่ พ.ศ. 2490 ฎีกาศาลยุติธรรมในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ถือว่ารัฐบาลไม่สามารถฟ้องร้องในศาล ในการปฏิบัติรัฐสามารถฟ้องผ่านหน่วยงานของรัฐบาล เช่น กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด และองค์กรของรัฐ ซึ่งการกระทำของรัฐและได้รับสถานะบุคคลตามกฎหมายโดยกฎหมาย ในกรณีนี้ , สัญญาบำรุงรักษาจะต้องสรุประหว่าง fixit และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีประสิทธิภาพWe can surmise that this contract will be entered into by FIXIT and Thailand’s Ministry of Defense and, in case of breach of contract by the Ministry, the action may be brought against the Ministry of Defense, but not against the state itself.

Since Thai Courts are divided into four separate systems, FIXIT should first determine whether this contract is administrative or not,