In pre-industrial society, death ra

In pre-industrial society, death rates and birth rates were both high, and fluctuated rapidly according to natural events, such as drought and disease, to produce a relatively constant and young population. Family planning and contraception were virtually nonexistent; therefore, birth rates were essentially only limited by the ability of women to bear children. Emigration depressed death rates in some special cases (for example, Europe and particularly the Eastern United States during the 19th century), but, overall, death rates tended to match birth rates, often exceeding 40 per 1000 per year. Children contributed to the economy of the household from an early age by carrying water, firewood, and messages, caring for younger siblings, sweeping, washing dishes, preparing food, and working in the fields.[7] Raising a child cost little more than feeding him or her; there were no education or entertainment expenses. Thus, the total cost of raising children barely exceeded their contribution to the household. In addition, as they became adults they become a major input to the family business, mainly farming, and were the primary form of insurance for adults in old age. In India, an adult son was all that prevented a widow from falling into destitution. While death rates remained high there was no question as to the need for children, even if the means to prevent them had existed.[8]

During this stage, the society evolves in accordance with Malthusian paradigm, with population essentially determined by the food supply. Any fluctuations in food supply (either positive, for example, due to technology improvements, or negative, due to droughts and pest invasions) tend to translate directly into population fluctuations. Famines resulting in significant mortality are frequent. Overall, population dynamics during stage one are comparable to those of animals living in the wild.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในสังคมอุตสาหกรรม อัตราตายและอัตราเกิดได้สูง และ fluctuated ตามเหตุการณ์ธรรมชาติ ภัยแล้งและโรค การผลิตประชากรที่ค่อนข้างคง และเยาวชนอย่างรวดเร็ว การวางแผนครอบครัวและคุมกำเนิดได้แทบไม่มีอยู่ ดังนั้น เกิดราคาถูกหลักเท่านั้นจำกัด โดยความสามารถของผู้หญิงต้องแบกเด็ก Emigration หดหู่อัตราตายในบางกรณีพิเศษ (เช่น ยุโรปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษ 19), ได้ รวม อัตราตายมีแนวโน้มให้ ตรงกับอัตราการเกิด มักจะเกิน 40 ต่อ 1000 ต่อปี เด็กส่วนเศรษฐกิจของครัวเรือนจากอายุต้น ทางถือครองน้ำ ฟืน ข้อ ความ สำหรับอายุน้อยกว่าพี่น้อง กวาด ล้างจาน เตรียมอาหาร และการทำงานในฟิลด์ [7] เพิ่มเด็กมีต้นทุนน้อยกว่าให้อาหารเขาหรือเธอ ค่าใช้จ่ายการศึกษาหรือความบันเทิงไม่ได้ ดังนั้น ต้นทุนรวมของการเลี้ยงดูเด็กแทบไม่เกินเงินสมทบของพวกเขาในครัวเรือน นอกจากนี้ เป็นพวกเขาเป็นพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ หลักการป้อนธุรกิจครอบครัว เกษตรส่วนใหญ่ และมีแบบฟอร์มหลักของประกันภัยสำหรับผู้ใหญ่ในวัย ในอินเดีย เป็นบุตรผู้ใหญ่เป็นที่ป้องกันไม่ให้ตกไปอยู่ใน destitution ม่าย ในขณะที่อัตราตายยังคงสูง มีคำถามไม่เป็นจำเป็นสำหรับเด็ก แม้ว่าวิธีการป้องกันไม่ให้มีอยู่ [8]ในระหว่างขั้นตอนนี้ สังคมวิวัฒนาการตามกระบวนทัศน์ Malthusian มีประชากรที่เป็นไปตามฟ้อง ความผันผวนใด ๆ ในฟ้อง (บวก เนื่องจากการปรับปรุงเทคโนโลยีเช่น หรือ ลบ droughts และพืชรุกราน) มักจะ แปลโดยตรงเป็นการเปลี่ยนแปลงประชากร กันดารในการตายที่สำคัญเป็นประจำ โดยรวม พลศาสตร์ประชากรในช่วงระยะหนึ่งจะเปรียบเทียบได้กับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในสังคมยุคก่อนอุตสาหกรรม, อัตราการตายและอัตราการเกิดมีทั้งสูงและผันแปรไปอย่างรวดเร็วตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเช่นภัยแล้งและโรคในการผลิตประชากรที่ค่อนข้างคงที่และหนุ่มสาว การวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดแทบไม่มี; ดังนั้นอัตราการเกิดที่ถูกหลัก จำกัด ด้วยความสามารถของผู้หญิงที่จะมีบุตร อพยพอัตราการตายหดหู่ในบางกรณีพิเศษ (เช่นยุโรปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกของสหรัฐฯในช่วงศตวรรษที่ 19) แต่โดยรวมมีแนวโน้มอัตราการตายเพื่อให้ตรงกับอัตราการเกิดมักจะเกิน 40 ต่อ 1,000 คนต่อปี เด็กมีส่วนทำให้เศรษฐกิจของครัวเรือนจากอายุต้นโดยการแบกน้ำฟืนและข้อความการดูแลน้องกวาดล้างจาน, เตรียมอาหารและการทำงานในทุ่งนา. [7] เพิ่มค่าใช้จ่ายของเด็กน้อยกว่า การให้อาหารเขาหรือเธอ ไม่มีการศึกษาหรือค่าใช้จ่ายความบันเทิง ดังนั้นค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการเลี้ยงดูเด็กแทบจะไม่เกินผลงานของพวกเขาเพื่อใช้ในครัวเรือน นอกจากนี้ยังเป็นพวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่พวกเขากลายเป็นการป้อนข้อมูลที่สำคัญในการธุรกิจของครอบครัวส่วนใหญ่ทำการเกษตรและเป็นรูปแบบหลักของการประกันสำหรับผู้ใหญ่ในวัยชรา ในประเทศอินเดียซึ่งเป็นลูกชายของผู้ใหญ่เป็นสิ่งที่ทำให้ม่ายตกไปอยู่ในความยากจน ในขณะที่อัตราการตายอยู่ในระดับสูงมีคำถามที่เป็นความจำเป็นสำหรับเด็กไม่แม้ว่าวิธีการที่จะป้องกันไม่ให้พวกเขามีอยู่. [8] ในระหว่างขั้นตอนนี้สังคมมีวิวัฒนาการไปตามกระบวนทัศน์มัลธัสมีประชากรกำหนดหลักโดยแหล่งอาหาร . ความผันผวนใด ๆ ในการจัดหาอาหาร (ทั้งในเชิงบวกเช่นเนื่องจากการปรับปรุงเทคโนโลยีหรือเชิงลบเนื่องจากภัยแล้งและการรุกรานของศัตรูพืช) มีแนวโน้มที่จะแปลโดยตรงในความผันผวนของประชากร กิริยาที่เกิดขึ้นในการตายอย่างมีนัยสำคัญเป็นประจำ โดยรวม, การเปลี่ยนแปลงของประชากรในระหว่างขั้นตอนหนึ่งที่มีการเทียบเคียงกับของสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในสังคมอุตสาหกรรมก่อน อัตราตายและอัตราการเกิดได้ทั้งสูงและผันผวนอย่างรวดเร็ว จากเหตุการณ์ธรรมชาติ เช่น ความแห้งแล้งและโรค การผลิตค่อนข้างคงที่ และประชากรเด็ก การวางแผนครอบครัวและการคุมกำเนิดแทบไม่มีเลย ดังนั้น อัตราการเกิดเป็นหลักเท่านั้น จำกัด โดยความสามารถของผู้หญิงต้องแบกเด็กการอพยพหดหู่อัตราการตายในบางกรณีพิเศษ ( เช่นยุโรปและโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 19 ) แต่โดยรวมแล้ว อัตราการเสียชีวิตมีแนวโน้มที่จะตรงกับอัตราการเกิดมักจะเกิน 40 ต่อ 1 , 000 ต่อปี เด็กสนับสนุนเศรษฐกิจของครัวเรือนจากอายุต้น แบกฟืน น้ำ ข้อความ และ ดูแลน้อง กวาดบ้านล้างจาน เตรียมอาหาร และทำงานในเขต [ 7 ] การเลี้ยงเด็กค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการให้เขาหรือเธอ มีรายจ่ายไม่มีการศึกษาหรือความบันเทิง ดังนั้น ต้นทุนการเลี้ยงเด็กแทบจะเกินผลงานของพวกเขาเพื่อใช้ในครัวเรือน นอกจากนี้ พวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่พวกเขาเป็นข้อมูลหลักเพื่อธุรกิจครอบครัวส่วนใหญ่ทำไร่และมีรูปแบบหลักของการประกันสำหรับผู้ใหญ่ในวัยชรา ในอินเดีย , ลูกชายผู้ใหญ่ทั้งหมดที่ป้องกันแม่ม่าย ล้มลงในความแร้นแค้น ในขณะที่อัตราการตายยังคงสูงมีคําถามไม่จําเป็นต้องสำหรับเด็ก แม้ว่าวิธีการป้องกันไม่ให้มีเกิดขึ้น . [ 8 ]

ในเวทีนี้ สังคมวิวัฒนาการตามทฤษฎีที่ว่าประชากรโลกเพิ่มขึ้นรวดเร็วมากกว่าปริมาณอาหารตัวอย่าง ,กับประชากรที่กำหนดเป็นหลักโดยการจัดหาอาหาร ความผันผวนใด ๆ ในการจัดหาอาหาร ( ทั้งบวก ตัวอย่างเช่น เนื่องจากมีการปรับปรุงเทคโนโลยี หรือ ลบ เนื่องจากภัยแล้งและศัตรูพืชที่รุกราน ) มักจะแปลโดยตรงในระดับประชากร ผู้ที่เกิดในความตายอยู่บ่อย ๆ โดยรวมพลวัตประชากรในช่วงระยะหนึ่ง เปรียบเทียบได้กับสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่า