Stroke caregivers and patients are

Stroke caregivers and patients are dropped into the caregiver and recipient roles acutely following the stroke event, unlike other chronic illnesses in which the caregiving role is developed over time. Little attention has been paid to the preparation of minor stroke survivors for the recovery trajectory or the spouse for the caregiving role [5].

It has been shown by other studies that caregivers have conflicts and relationship problems with other family members. These problems arise from the way they understand the disease and set up the strategies to handle the situation [22,23]. The influence of family function could have a varying importance in the care of dependents, not having been studied in primary care [24].

There are other studies describing the prevalence and determinants of dependence associated with informal care over the health services used. However, none of these studies are focused from the perspective of the patient with stroke; all of them were carried out from the perspective of caregivers.

Our research aims to assess the influence of family function in the protection of people with stroke sequelae and need for physiotherapy, in their family environment. On the other hand, it wants to know the perception of the caregivers, their difficulties with work, and the influence of the family function. Furthermore, it aims to record the perception of the patients with stroke sequelae about the care received and whether they feel protected in their family environment.

Using a triangular methodology, we will analyze the hypothesis that “the higher dependence grade and the lower family function, the less “protection” will be observed for both patient and primary caregiver”.

An application of this study is the assessment, through the objectives, of predictive factors in terms of dependence of people affected by stroke to better understand if there is a relationship between the care received and the care provided by caregivers. Therefore, the results of our study should be of great interest for the community of physiotherapists and most relevant for the families affected.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เรื้อรังโรคหลอดเลือดสมองและผู้ป่วยหลุดในบทบาทภูมิปัญญาและผู้รับทั้งต่อเหตุการณ์จังหวะ ซึ่งแตกต่างจากโรคเรื้อรังอื่น ๆ ซึ่งเป็นพัฒนาบทบาท caregiving ช่วงเวลา สนใจเพียงเล็กน้อยได้ถูกชำระเงินเพื่อการเตรียมจังหวะรองผู้รอดชีวิตในวิถีกู้หรือคู่สมรสสำหรับบทบาท caregiving [5]มันได้รับการแสดง โดยการศึกษาอื่น ๆ ที่เรื้อรังมีความขัดแย้งและปัญหาความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัว ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการจะเข้าใจโรค และตั้งกลยุทธ์การจัดการสถานการณ์ [22,23] อิทธิพลของครอบครัวฟังก์ชันอาจมีความสำคัญแตกต่างกันในความดูแลผู้อยู่ในอุปการะ ไม่มีการศึกษาในดูแล [24]ศึกษาอื่นอธิบายชุกและดีเทอร์มิแนนต์ของพึ่งพาเกี่ยวข้องกับดูแลไม่ผ่านใช้บริการสุขภาพได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการศึกษาเหล่านี้มีความสำคัญจากมุมมองของผู้ป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งหมดถูกดำเนินการจากมุมมองของเรื้อรังวิจัยของเรามีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินอิทธิพลของฟังก์ชันครอบครัวในการป้องกันของคน มีจังหวะ sequelae และจำเป็นสำหรับกายภาพ ในสภาพแวดล้อมของครอบครัว บนมืออื่น ๆ มันต้องการทราบว่าการรับรู้เรื้อรัง ความยากลำบากของพวกเขากับการทำงาน และอิทธิพลของการทำงานครอบครัว นอกจากนี้ มันมีบันทึกการรับรู้ของผู้ป่วยที่มี sequelae จังหวะเกี่ยวกับการดูแลที่ได้รับและไม่ว่าพวกเขารู้สึกได้รับการป้องกันในสภาพแวดล้อมของครอบครัวUsing a triangular methodology, we will analyze the hypothesis that “the higher dependence grade and the lower family function, the less “protection” will be observed for both patient and primary caregiver”.An application of this study is the assessment, through the objectives, of predictive factors in terms of dependence of people affected by stroke to better understand if there is a relationship between the care received and the care provided by caregivers. Therefore, the results of our study should be of great interest for the community of physiotherapists and most relevant for the families affected.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ป่วยที่ได้รับการลดลงในการดูแลผู้ป่วยและบทบาทผู้รับอย่างรุนแรงต่อไปนี้เหตุการณ์โรคหลอดเลือดสมองแตกต่างจากโรคเรื้อรังอื่น ๆ ซึ่งในบทบาทการดูแลมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ความสนใจน้อยได้รับการจ่ายเงินให้กับการเตรียมความพร้อมของผู้รอดชีวิตจังหวะเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับวิถีการกู้คืนหรือคู่สมรสสำหรับบทบาทการดูแล [5]. จะได้รับการแสดงโดยการศึกษาอื่น ๆ ที่ผู้ดูแลผู้ป่วยมีความขัดแย้งและปัญหาความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวอื่น ๆ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีที่พวกเขาเข้าใจโรคและการตั้งค่ากลยุทธ์ในการจัดการกับสถานการณ์ [22,23] อิทธิพลของการทำหน้าที่ของครอบครัวอาจมีความสำคัญที่แตกต่างกันในความดูแลของผู้อยู่ในอุปการะที่ไม่ได้รับการศึกษาในระดับปฐมภูมิ [24]. มีการศึกษาอื่น ๆ ที่อธิบายความชุกและปัจจัยของการพึ่งพาอาศัยกันที่เกี่ยวข้องกับการดูแลทางการมากกว่าการให้บริการสุขภาพที่ใช้เป็น แต่ไม่มีการศึกษาเหล่านี้มีความสำคัญจากมุมมองของผู้ป่วยที่มีโรคหลอดเลือดสมอง; ทั้งหมดของพวกเขาได้ดำเนินการจากมุมมองของผู้ดูแลผู้ป่วย. การวิจัยของเรามีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินอิทธิพลของครอบครัวฟังก์ชั่นในการป้องกันผู้ที่มีผลที่จังหวะและความจำเป็นในการกายภาพบำบัดในสภาพแวดล้อมครอบครัวของพวกเขา ในทางกลับกันก็อยากจะรู้ว่าการรับรู้ของผู้ดูแลผู้ป่วยที่ยากลำบากของพวกเขากับการทำงานและมีอิทธิพลต่อการทำงานของคนในครอบครัว นอกจากนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อบันทึกการรับรู้ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองที่มีผลเกี่ยวกับการดูแลที่ได้รับและไม่ว่าพวกเขารู้สึกว่าได้รับการคุ้มครองในสภาพแวดล้อมครอบครัวของพวกเขา. ใช้วิธีการรูปสามเหลี่ยมเราจะวิเคราะห์สมมติฐานที่ว่า "ชั้นประถมศึกษาปีที่สูงขึ้นและการพึ่งพาอาศัยกันทำหน้าที่ของครอบครัวที่ต่ำกว่า น้อย "การป้องกัน" จะสังเกตได้ทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแลหลัก ". การประยุกต์ใช้การศึกษาครั้งนี้คือการประเมินผ่านวัตถุประสงค์ของปัจจัยการคาดการณ์ในแง่ของการพึ่งพาอาศัยกันของคนที่ได้รับผลกระทบจากโรคหลอดเลือดสมองเพื่อทำความเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ระหว่าง ที่ได้รับการดูแลและการดูแลที่มีให้โดยผู้ดูแลผู้ป่วย ดังนั้นผลการศึกษาของเราควรจะเป็นที่น่าสนใจมากสำหรับชุมชนนักกายภาพบำบัดและที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและผู้ป่วยลดลงเป็นผู้ดูแลและผู้รับบทบาทอย่างรุนแรงตามจังหวะเหตุการณ์ ซึ่งแตกต่างจากการเจ็บป่วยเรื้อรังอื่น ๆซึ่งในบทบาทการดูแลพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ความสนใจเล็ก ๆน้อย ๆที่ได้รับการจ่ายเงินเพื่อการเตรียมผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองน้อยสำหรับการกู้คืนวิถีหรือคู่สมรส สำหรับบทบาทการดูแล

[ 5 ]มันได้ถูกแสดง โดยการศึกษาอื่น ๆที่ผู้ดูแลมีความขัดแย้งและปัญหาความสัมพันธ์กับสมาชิกในครอบครัวอื่น ๆ ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีที่พวกเขาเข้าใจโรคและกำหนดกลยุทธ์เพื่อจัดการกับสถานการณ์ [ 22,23 ] อิทธิพลของการทำหน้าที่ของครอบครัวได้ตามความสำคัญในการดูแลอุปการะไม่เคยศึกษาในระดับปฐมภูมิ [ 24 ] .

มีการศึกษาถึงความชุก และปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับการดูแลสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ไปใช้ อย่างไรก็ตามยังไม่มีการศึกษาเหล่านี้จะเน้นจากมุมมองของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง ; ทั้งหมดของพวกเขาถูกนำออกมาจากมุมมองของผู้ดูแล

การวิจัยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาอิทธิพลของการทำหน้าที่ของครอบครัวในการป้องกันของประชาชนกับทางหัวใจจังหวะและต้องทำกายภาพบำบัด ในบรรยากาศของครอบครัว บนมืออื่น ๆที่มันต้องการที่จะรู้ว่าการรับรู้ของผู้ป่วย , ปัญหาของพวกเขากับงาน และอิทธิพลของการทำหน้าที่ของครอบครัว . นอกจากนี้มันมีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกการรับรู้ของผู้ป่วยทางหัวใจเกี่ยวกับการดูแลที่ได้รับและไม่ว่าพวกเขารู้สึกว่าได้รับการปกป้องสิ่งแวดล้อมในครอบครัว

ใช้วิธีสามเหลี่ยม เราจะวิเคราะห์สมมติฐานว่า " สูงกว่าเกรด และลดการพึ่งพาครอบครัว ฟังก์ชันน้อย " ป้องกัน " จะถูกตรวจสอบสำหรับทั้งผู้ป่วยและผู้ดูแล " หลัก

การประยุกต์ใช้การศึกษานี้เป็นการประเมินที่ผ่านวัตถุประสงค์ของปัจจัยที่ในแง่ของการพึ่งพาของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจังหวะที่จะเข้าใจว่ามีความสัมพันธ์ระหว่างการได้รับ และการดูแลโดยผู้ดูแล ดังนั้นผลการศึกษาของเราควรจะน่าสนใจมากสำหรับชุมชนของนักกายภาพบำบัด และที่เกี่ยวข้องมากที่สุดสำหรับครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ