For Cement industry can use RDF as

For Cement industry can use RDF as 40% of its fuels, which is equivalent to approximately 2.7 tons of coals/year. The energy consumption in the manufacturing sector is larger than 12.2 tons/year, But Thailand has a potential to produce RDF of 2.46 tons/year which can be used in cement industry.


In terms of production, the RDF have an average LHV of 19.6 mj/kg, 12% humidity, 0.6% chlorine and 0.2% sulfur compound, respectively. Moreover, levels of heavy metals such as cadmium, chromium, mercury, and lead do not exceed the EU standard. Commonly (Jidapa Nithikul,2007).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สำหรับปูนซีเมนต์ อุตสาหกรรมสามารถใช้ RDF เป็น 40% ของเชื้อเพลิง ซึ่งจะเท่ากับประมาณ 2.7 ตันถ่านหินปีนี้ การใช้พลังงานในภาคการผลิตมีขนาดใหญ่กว่า 12.2 ตัน/ปี แต่ไทยมีศักยภาพในการผลิต RDF 2.46 ตัน/ปีซึ่งสามารถใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ในแง่ของการผลิต RDF มี LHV เฉลี่ย 19.6 mj/kg ความชื้น 12% คลอรีน 0.6% และ 0.2% กำมะถันสาร ตามลำดับ นอกจากนี้ ระดับของโลหะหนัก เช่นแคดเมียม โครเมียม สารปรอท ตะกั่วเกินมาตรฐาน EU โดยทั่วไป (จิดาภา Nithikul, 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สำหรับอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์สามารถใช้ RDF ถึง 40% ของเชื้อเพลิงซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 2.7 ตันของถ่านหิน / ปี การใช้พลังงานในภาคการผลิตมีขนาดใหญ่กว่า 12.2 ตัน / ปี, แต่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิต RDF 2.46 ตัน / ปีซึ่งสามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรมซีเมนต์


ในแง่ของการผลิตที่ RDF มีค่าเฉลี่ย LHV 19.6 MJ / kg ความชื้น 12%, คลอรีน 0.6% และสารประกอบกำมะถัน 0.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ระดับของโลหะหนักเช่นแคดเมียมโครเมียมปรอทและตะกั่วไม่เกินมาตรฐานของสหภาพยุโรป ทั่วไป (จิดาภา Nithikul 2007)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์สามารถใช้ RDF เป็น 40% ของเชื้อเพลิง ซึ่งเทียบเท่ากับประมาณ 2.7 ล้านตันของถ่านหิน / ปี การใช้พลังงานในภาคการผลิตมีขนาดใหญ่กว่า 12.2 ตัน / ปี แต่ไทยมีศักยภาพที่จะผลิต RDF 2.46 ตัน / ปี ซึ่งสามารถใช้ในอุตสาหกรรมซีเมนต์ในแง่ของการผลิต , RDF มี lhv เฉลี่ย 19.6 MJ / kg , ความชื้นร้อยละ 12 , คลอรีนสารประกอบซัลเฟอร์ 0.6% และ 0.2% ตามลำดับ นอกจากนี้ระดับของโลหะหนัก เช่น แคดเมียม โครเมียม ปรอท และตะกั่วไม่เกินมาตรฐาน EU โดยทั่วไป ( จิดาภา nithikul , 2007 )