A dramatic population bottleneck is

A dramatic population bottleneck is theorized for the period around 70,000 BC (see Toba catastrophe theory). After this time, and until the development of agriculture, it is estimated that the world population stabilized at about one million people whose subsistence entailed hunting and foraging, a lifestyle that by its nature ensured a low population density. The total world population probably never exceeded 15 million inhabitants before the invention of agriculture. By contrast, it is estimated that more than 55 million people lived in the combined eastern and western Roman Empire (AD 300–400). The Plague of Justinian caused Europe's population to drop by around 50% between 541 and the 8th century. The population of Europe was more than 70 million in 1340. The Black Death pandemic in the 14th century may have reduced the world's population from an estimated 450 million to between 350 and 375 million in 1400. It took roughly 200 years for Europe's population to regain its 1340 level.
At the founding of the Ming Dynasty in 1368, China's population was reported to be close to 60 million, and toward the end of the dynasty in 1644 it might have approached 150 million. England's population reached an estimated 5.6 million in 1650, up from an estimated 2.6 million in 1500. New crops that had come to Asia and Europe from the Americas via the Spanish colonizers in the 16th century contributed to the population growth. Since being introduced by Portuguese traders in the 16th century, maize and manioc have replaced traditional African crops as the continent’s most important staple food crops. Alfred W. Crosby speculated that increased production of maize, manioc, and other American crops "...enabled the slave traders [who] drew many, perhaps most, of their cargoes from the rain forest areas, precisely those areas where American crops enabled heavier settlement than before."

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คอละครประชากรเป็น theorized สำหรับรอบระยะเวลาประมาณ 70000 BC (ดูทฤษฎีส่งแผ่นดินไหว) หลัง จากเวลานี้ และจน ถึงการพัฒนาของเกษตร มันคือประมาณว่า ประชากรโลกเสถียรที่ประมาณหนึ่งล้านคนที่ชีพ entailed ล่าสัตว์และพวก ชีวิตที่ โดยธรรมชาติของความหนาแน่นประชากรต่ำที่มั่นใจ ประชากรโลกทั้งหมดไม่เกิน 15 ล้านคนประดิษฐ์เกษตร โดยคมชัด มันคือประมาณว่า กว่า 55 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในรวมตะวันออก และตะวันตกจักรวรรดิโรมัน (AD 300–400) กาฬโรค Justinian เกิดประชากรของยุโรปจะลดลงประมาณ 50% ระหว่างศตวรรษที่ 8 และ 541 ประชากรของยุโรปได้กว่า 70 ล้านใน 1340 ระบาดตายดำในศตวรรษที่ 14 อาจลดลงประชากรโลกจากการประมาณ 450 ล้านระหว่าง 350 และ 1400 ใน 375 ล้าน ใช้เวลาประมาณ 200 ปีประชากรของยุโรปเพื่อให้ระดับ 1340 ของ.
ที่ก่อตั้งราชวงศ์หมิงในสมัย รายงานประชากรของจีนจะใกล้กับ 60 ล้าน และไปสิ้นสุดราชวงศ์ใน 1644 มันอาจมีเวลา 150 ล้านบาท ประชากรของประเทศอังกฤษถึงล้าน 5.6 การประเมิน 1650 ค่าจากล้าน 2.6 การประมาณ 1500 พืชใหม่ที่มีมาในเอเชียและยุโรปจากทวีปอเมริกาผ่าน colonizers ภาษาสเปนในศตวรรษ 16 ส่วนการเจริญเติบโตของประชากร ตั้งแต่การประมวลโดยการค้าในศตวรรษที่ 16 ข้าวโพดและ manioc มีแทนพืชดั้งเดิมแอฟริกาเป็นพืชอาหารหลักที่สำคัญที่สุดของทวีป อัลเฟรด W. Crosby คาดว่า ผลิตเพิ่มข้าวโพด manioc และอื่น ๆ สหรัฐอเมริกาขยาย "... ผู้ค้าทาส [ที่] วาดมาก บางทีสุด ของการ cargoes จากฝน ป่าพื้นที่ ตรงพื้นที่ที่สหรัฐอเมริกาขยาย.enabled ใช้จ่ายหนักกว่าเดิม"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คอขวดประชากรมากเป็นมหาเศรษฐีเป็นระยะเวลาประมาณ 70,000 BC (ดูทฤษฎีภัยพิบัติบะ) หลังจากที่เวลานี้และจนกว่าการพัฒนาการเกษตรที่คาดว่ามีประชากรโลกทรงตัวอยู่ที่ประมาณหนึ่งล้านคนที่มีการดำรงชีวิตยกให้การล่าสัตว์และหาอาหารการดำเนินชีวิตว่าโดยธรรมชาติของมันมั่นใจความหนาแน่นของประชากรต่ำ ประชากรโลกโดยรวมอาจจะไม่เคยเกิน 15 ล้านคนที่อาศัยอยู่ก่อนการประดิษฐ์ของการเกษตร ในทางตรงกันข้ามมันเป็นที่คาดว่ามากกว่า 55 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในทิศตะวันออกและตะวันตกจักรวรรดิโรมันรวม (AD 300-400) โรคระบาดจัสติเนียนเกิดของประชากรของยุโรปจะลดลงประมาณ 50% ระหว่าง 541 และศตวรรษที่ 8 ประชากรของยุโรปเป็นกว่า 70 ล้านบาทในปี 1340 กาฬโรคระบาดในศตวรรษที่ 14 อาจจะมีการลดจำนวนประชากรของโลกจาก 450 ล้านบาทคาดว่าจะอยู่ระหว่าง 350 และ 375000000 ใน 1400 มันต้องใช้เวลาประมาณ 200 ปีสำหรับประชากรของยุโรปที่จะฟื้นระดับ 1,340
ในการก่อตั้งของราชวงศ์หมิงใน 1368 ประชากรของจีนมีรายงานว่าจะได้อยู่ใกล้ชิดถึง 60 ล้านบาทและในช่วงปลายของราชวงศ์ใน 1644 มันอาจจะเดินเข้ามาใกล้ 150 ล้าน . ประชากรของอังกฤษถึงประมาณ 5.6 ล้านบาทในปี 1650 เพิ่มขึ้นจากประมาณ 1500 2.6 ล้าน พืชใหม่ที่ได้มาไปยังเอเชียและยุโรปจากอเมริกาผ่านทาง colonizers สเปนในศตวรรษที่ 16 ส่งผลให้การเติบโตของประชากร ตั้งแต่ได้รับการแนะนำโดยผู้ค้าโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16, ข้าวโพดและมันสำปะหลังได้เปลี่ยนพืชแอฟริกันแบบดั้งเดิมเป็นส่วนสำคัญที่สุดพืชอาหารหลักของทวีป อัลเฟรดดับบลิวครอสบีคาดการณ์ว่าการผลิตที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพดมันสำปะหลังและพืชอื่น ๆ อเมริกัน "... เปิดใช้งานพ่อค้าทาส [ใคร] ดึงจำนวนมากอาจจะมากที่สุดของสินค้าของพวกเขาจากพื้นที่ป่าฝนอย่างแม่นยำพื้นที่เหล่านั้นที่พืชอเมริกันเปิดการใช้งาน การตั้งถิ่นฐานที่หนักกว่าก่อน. "

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คอขวดประชากรอย่างมากคือ theorized สำหรับช่วงรอบ 70 , 000 ก่อนคริสต์ศักราช ( ดูทฤษฎีมหันตภัยโตบา ) หลังจากเวลานี้ จนกว่าการพัฒนาการเกษตร มันคือประมาณว่าประชากรโลกมีประมาณหนึ่งล้านคน ที่มีความเป็นอยู่ที่ entailed ล่าสัตว์และหาอาหาร วิถีชีวิตโดยธรรมชาติของมันว่ามีความหนาแน่นของประชากรต่ำจำนวนประชากรของโลกอาจไม่เคยเกิน 15 ล้านคนก่อนที่การประดิษฐ์ของเกษตร ในทางตรงกันข้าม มันคือประมาณว่ามากกว่า 55 ล้านคนอาศัยอยู่ในรวมตะวันออกและจักรวรรดิโรมันตะวันตก ( ค.ศ. 300 – 400 ) โรคระบาดจัสติเนียน ทำให้ประชากรของยุโรปจะลดลงประมาณ 50 % ระหว่างเธอและศตวรรษที่ 8ประชากรของยุโรปมากกว่า 70 ล้านบาทใน 1 . ระบาดดำในศตวรรษที่ 14 อาจจะได้ลดประชากรของโลกประมาณ 450 ล้านบาท ระหว่าง 350 และ 375 ล้านใน 1400 มันใช้เวลาประมาณ 200 ปี ของยุโรป ประชากรที่จะฟื้นระดับ 1340 .
ที่ก่อตั้งราชวงศ์หมิงใน 1368 , ประชากรของจีนมีรายงานจะใกล้ 60 ล้านบาทและไปสิ้นสุดของราชวงศ์ใน 1644 อาจเข้าหา 150 ล้าน ประชากรของประเทศอังกฤษ ถึงประมาณ 5.6 ล้านใน 1650 , เพิ่มขึ้นจากประมาณ 2.6 ล้านใน 1 , 500 พืชใหม่ที่เข้ามาในเอเชียและยุโรป จากอเมริกาผ่าน colonizers สเปนในศตวรรษที่ 16 ส่วนเพื่อการเติบโตของประชากร . เนื่องจากได้รับการแนะนำโดยผู้ค้าโปรตุเกสในศตวรรษที่ 16ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ได้แทนที่พืชแอฟริกันดั้งเดิมเป็นทวีปที่สำคัญที่สุดของอาหารหลักของพืช ลเฟรด ดับบลิว ครอสบี้ คาดการณ์ว่า การผลิตที่เพิ่มขึ้นของข้าวโพด มันสำปะหลัง และพืชอื่น ๆอเมริกัน " . . . . . . . เปิดใช้งานการค้าทาส [ ที่ ] วาดมาก บางทีส่วนใหญ่ของสินค้าของพวกเขาจากฝน พื้นที่ป่าไม้ ให้พื้นที่เหล่านั้นที่ใช้พืชอเมริกันที่หนักกว่าก่อน "