---อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อย่ การแปล - ---อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อย่ ไทย วิธีการพูด

---อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใ

---อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อย่างน้อยก็สมัยอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำสินธุ ซึ่งได้ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ ๒๕๐๐ ปีก่อนพุทธกาล


---เมื่อปี พ.ศ.๒๑๗ อเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้ามายึดครองอินเดีย ทำให้อินเดียได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกรีก ต่อมาเมื่อพุทธศตวรรษที่ ๙ พระเจ้าจันทร์คุปต์ที่ ๒ สามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอินเดียตอนเหนือ



---ในปี พ.ศ.๒๑๔๓ ชาวอังกฤษได้เริ่มเข้ามาค้าขายในอินเดีย พระราชินีเอลิซาเบธ แห่งอังกฤษ ได้มอบสิทธิบัตรให้กับบริษัทอินเดียตะวันออก โดยได้ตั้งศูนย์การค้าใหญ่ที่เมืองบอมเบย์ กัลกัตตา และมัทราส


---ในปี พ.ศ.๒๔๐๑ รัฐบาลอังกฤษได้ยุบบริษัทอินเดียตะวันออก และเข้าปกครองอินเดียโดยตรง


---ในปี พ.ศ.๒๔๖๓ โบฮันธาส การามจันท์ คานธี ผู้นำอินเดียได้ใช้วิธีอหิงสา และสามารถทำให้อินเดียได้รับเอกราชเป็นขั้น ๆ ในเวลาต่อมา


---ในปี พ.ศ.๒๔๙๐ นายกรัฐมนตรีแอตลี ของอังกฤษได้ประกาศเจตนาของรัฐบาลอังกฤษ ที่จะมอบอำนาจปกครองให้อินเดีย เนื่องจากมีความแตกแยกกัน ระหว่างฝ่ายมุสลิมกับฮินดู เกิดเป็นการจลาจลที่รุนแรง และแผ่ขยายทั่วประเทศ จึงต้องแบ่งแยกอินเดียออกเป็นสองประเทศคือ อินเดียกับปากีสถาน อินเดียประกาศเอกราชในปีเดียวกันนั้น


---หลังจากได้รับเอกราช สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดแนวทางในการปกครองประเทศไว้ครบทุกด้าน ทั้งระดับชาติ และระดับรัฐ ทำให้รัฐธรรมนูญอินเดียมีความยาวที่สุดในโลก มีบทบัญญัติถึง ๓๙๕ มาตรา ประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่ยังคงยอมรับประมุขของอังกฤษว่า เป็นประมุขของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งอินเดียรวมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย


---โครงสร้างทางการเมือง อินเดียได้นำเอาวิธีการจัดแบ่งอำนาจหน้าที่ทางการเมือง และการปกครองของสถาบันต่าง ๆ มาจากระบบของอังกฤษคือ


*ประธานาธิบดี



---มีฐานะเป็นประมุขของประเทศที่ปกครองในระบบรัฐสภาคือ มีฐานะอยู่เหนือการเมือง และใช้อำนาจหน้าที่ตามพิธีการเท่านั้น ตามปกติประธานาธิบดีจะใช้อำนาจของตนผ่านคณะรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้ประธานาธิบดี ใชัอำนาจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง


---ประธานาธิบดีอินเดียได้รับเลือกตั้งโดยทางอ้อมจากประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีคือ สมาชิกสภาทั้งสองสภาของรัฐบาลกลาง และสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐต่าง ๆ ๒๑ มลรัฐ



*อำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดีอินเดีย แบ่งออกเป็นสามประเภทคือ



---อำนาจบริหาร มีอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ในฐานะประมุขของชาติ และเป็นตัวแทนของประชาชนอินเดียทั้งมวล ซึ่งรวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


---อำนาจนิติบัญญัติ มีอำนาจในการลงนามประกาศใช้ หรือยับยั้งกฎหมายต่าง ๆ ออกกฤษฎีกาต่าง ๆ นอกสมัยประชุมรัฐสภา เป็นต้น


---อำนาจฉุกเฉิน มีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉิน ในกรณีที่ความมั่นคงของชาติถูกคุกคาม กลไกการปกครองตามรัฐธรรมนูญ ในส่วนมลรัฐถูกทำลาย และเมื่อเกิดวิกฤตทางการคลังในประเทศ หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศ


*คณะรัฐมนตรี



---เป็นเพียงที่ปรึกษาแนะนำ และช่วยเหลือประธานาธิบดีในการปฎิบัติหน้าที่ โดยประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ตามคำเสนอของนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดีจะต้องแต่งตั้งหน้าที่พรรคที่มีเสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายก ผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี อาจไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาก็ได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ถ้าผู้ใดจะเป็นรัฐมนตรีเกินกว่า ๖ เดือนได้ จะต้องจัดการให้ผู้นั้น เป็นสมาชิกสภาใดสภาหนึ่ง ภายใน ๖ เดือน


---คณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากตำแหน่ง เมื่อไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทน แต่คณะรัฐมนตรีอาจขอให้ประมุขยุบสภาได้ ซึ่งจะมีผลให้มีการเลือกตั้งใหม่


---สภารัฐมนตรี (Council of Ministers) มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้า รับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีเป็นสื่อติดต่อระหว่างประธานาธิบดี และสภารัฐมนตรีในกิจการทุกอย่าง สภารัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรีสามประเภทคือ ประเภทที่ ๑ รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรี มีสิทธิเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เป็นผู้กำหนดและวางนโยบายของรัฐบาล ประเภทที่ ๒ รัฐมนตรีที่มิได้เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรี ประเภทที่ ๓ รองนายกรัฐมนตรี



*รัฐสภา



---ประกอบด้วยสภาสองสภาคือ


---สภาแห่งรัฐหรือวุฒิสภา (Council of State) อินเดียเรียก ราชยสภา (Rajaya Sabha) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งมาจากสภาต่าง ๆ ของรัฐ ๒๒ รัฐ มีสมาชิกไม่มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎร และต้องไม่มากกว่า ๒๕๐ คน ซึ่งในจำนวนนี้มี ๑๒ คนได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี


---สภาสูงจะถูกยุบไม่ได้ สมาชิกอยู่ในตำแหน่ง ๖ ปี แต่ทุก ๆ ๒ ปีจะต้องออกไป ๑ ใน ๓ สภานี้มีรองประธานาธิบดี เป็นประธานสภาโดยตำแหน่ง


---สภาแห่งรัฐมีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมายเหมือนกับสภาผู้แทนราษฎรทุกอย่าง กฎหมายใดที่ผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่สภาแห่งรัฐไม่อนุมัติ กฎหมายนั้นออกบังคับไม่ได้ มีอำนาจควบคุมการบริหารรัฐการแผ่นดินโดยการตั้งกระทู้ถาม ไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณของรัฐบาล และมีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ


---สภาผู้แทนราษฎร (House of People) อินเดียเรียกว่า โลกสภา (Lok Sabha) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้ง โดยตรงจากประชาชน มีจำนวนไม่เกิน ๕๐๐ คน จากมลรัฐทั้งหมด และไม่เกิน ๒๕ คน จากดินแดนที่อยู่ในปกครองของรัฐบาลกลางที่ไม่มีฐานะเป็นรัฐ นอกจากนี้ ประธานาธิบดียังมีสิทธิแต่งตั้งผู้แทนราษฎร เพื่อเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยไม่เกิน ๒ คน


---การเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขต แต่ละเขตจะเลือกผู้แทนได้คนเดียว สภามีอายุ ๕ ปี ประชาชนอินเดียที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า ๒๑ ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ให้มีคณะกรรมการเลือกตั้งเป็นสถาบันอิสระ มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และควบคุมการเลือกตั้งระดับชาติและระดับรัฐ


---รัฐสภามีหน้าที่สำคัญสองประการเหมือนกับรัฐสภาอังกฤษ คือการออกกฎหมายและการควบคุมการบริหารรัฐการของคณะรัฐมนตรี


*ศาล



---รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีศาลสูงสุด (Supreme Court) หนึ่งศาล ประกอบด้วยประธานศาลสูงสุดและผู้พิพากษาอื่นอีกไม่เกิน ๑๓ คน ศาลสูง (High Court) มีประจำรัฐต่าง ๆ รัฐละ ๑ แห่ง และศาลชั้นต้น (Primar Court) มีประจำในแต่ละเขต ภายในรัฐต่าง ๆ แบ่งเ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
---อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใหม่แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างน้อยก็สมัยอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งได้ตั้งขึ้นเมื่อประมาณปีก่อนพุทธกาล ๒๕๐๐---เมื่อปีพ.ศ.๒๑๗อเล็กซานเดอร์มหาราชได้เข้ามายึดครองอินเดียทำให้อินเดียได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกรีกต่อมาเมื่อพุทธศตวรรษที่ ๙ พระเจ้าจันทร์คุปต์ที่ ๒ สามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของอินเดียตอนเหนือและมัทราส---ในปีพ.ศ.๒๑๔๓ชาวอังกฤษได้เริ่มเข้ามาค้าขายในอินเดียพระราชินีเอลิซาเบธแห่งอังกฤษได้มอบสิทธิบัตรให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกโดยได้ตั้งศูนย์การค้าใหญ่ที่เมืองบอมเบย์กัลกัตตา---ในปีพ.ศ.๒๔๐๑รัฐบาลอังกฤษได้ยุบบริษัทอินเดียตะวันออกและเข้าปกครองอินเดียโดยตรงในเวลาต่อมา---ในปีพ.ศ.๒๔๖๓โบฮันธาสการามจันท์คานธีผู้นำอินเดียได้ใช้วิธีอหิงสาและสามารถทำให้อินเดียได้รับเอกราชเป็นขั้นๆ---ในปีพ.ศ.๒๔๙๐นายกรัฐมนตรีแอตลีของอังกฤษได้ประกาศเจตนาของรัฐบาลอังกฤษที่จะมอบอำนาจปกครองให้อินเดียเนื่องจากมีความแตกแยกกันระหว่างฝ่ายมุสลิมกับฮินดูเกิดเป็นการจลาจลที่รุนแรงและแผ่ขยายทั่วประเทศจึงต้องแบ่งแยกอินเดียออกเป็นสองประเทศคืออินเดียกับปากีสถานอินเดียประกาศเอกราชในปีเดียวกันนั้น---หลังจากได้รับเอกราช สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดแนวทางในการปกครองประเทศไว้ครบทุกด้าน ทั้งระดับชาติ และระดับรัฐ ทำให้รัฐธรรมนูญอินเดียมีความยาวที่สุดในโลก มีบทบัญญัติถึง ๓๙๕ มาตรา ประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๓ ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่ยังคงยอมรับประมุขของอังกฤษว่า เป็นประมุขของเครือจักรภพอังกฤษ ซึ่งอินเดียรวมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย---โครงสร้างทางการเมือง อินเดียได้นำเอาวิธีการจัดแบ่งอำนาจหน้าที่ทางการเมือง และการปกครองของสถาบันต่าง ๆ มาจากระบบของอังกฤษคือ* ประธานาธิบดี ---มีฐานะเป็นประมุขของประเทศที่ปกครองในระบบรัฐสภาคือมีฐานะอยู่เหนือการเมืองและใช้อำนาจหน้าที่ตามพิธีการเท่านั้นตามปกติประธานาธิบดีจะใช้อำนาจของตนผ่านคณะรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้ประธานาธิบดีใชัอำนาจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง---ประธานาธิบดีอินเดียได้รับเลือกตั้งโดยทางอ้อมจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีคือสมาชิกสภาทั้งสองสภาของรัฐบาลกลางและสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐต่างๆ ๒๑ มลรัฐ* อำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดีอินเดียแบ่งออกเป็นสามประเภทคือ---อำนาจบริหารมีอำนาจหน้าที่ต่างๆ ในฐานะประมุขของชาติและเป็นตัวแทนของประชาชนอินเดียทั้งมวลซึ่งรวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ---อำนาจนิติบัญญัติมีอำนาจในการลงนามประกาศใช้หรือยับยั้งกฎหมายต่างๆ ออกกฤษฎีกาต่างๆ นอกสมัยประชุมรัฐสภาเป็นต้น---อำนาจฉุกเฉินมีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินในกรณีที่ความมั่นคงของชาติถูกคุกคามกลไกการปกครองตามรัฐธรรมนูญในส่วนมลรัฐถูกทำลายและเมื่อเกิดวิกฤตทางการคลังในประเทศหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศ* คณะรัฐมนตรี ---เป็นเพียงที่ปรึกษาแนะนำและช่วยเหลือประธานาธิบดีในการปฎิบัติหน้าที่โดยประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามคำเสนอของนายกรัฐมนตรีประธานาธิบดีจะต้องแต่งตั้งหน้าที่พรรคที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีอาจไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาก็ได้แต่มีเงื่อนไขว่าถ้าผู้ใดจะเป็นรัฐมนตรีเกินกว่า ๖ เดือนได้จะต้องจัดการให้ผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาใดสภาหนึ่งภายใน ๖ เดือน---คณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อไม่ได้รับความไว้วางใจจากสภาผู้แทนแต่คณะรัฐมนตรีอาจขอให้ประมุขยุบสภาได้ซึ่งจะมีผลให้มีการเลือกตั้งใหม่---สภารัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎรนายกรัฐมนตรีเป็นสื่อติดต่อระหว่างประธานาธิบดีและสภารัฐมนตรีในกิจการทุกอย่างสภารัฐมนตรีประกอบด้วยรัฐมนตรีสามประเภทคือประเภทที่ ๑ รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีมีสิทธิเข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดและวางนโยบายของรัฐบาลประเภทที่ ๒ รัฐมนตรีที่มิได้เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีประเภทที่ ๓ รองนายกรัฐมนตรี* รัฐสภา ---ประกอบด้วยสภาสองสภาคือ---สภาแห่งรัฐหรือวุฒิสภา (กรรมการกฤษฎีกา) อินเดียเรียกราชยสภา (เอ็มวี Rajaya) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งหรือแต่งตั้งมาจากสภาต่างๆ ของรัฐ ๒๒ รัฐมีสมาชิกไม่มากกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรและต้องไม่มากกว่า ๒๕๐ คนซึ่งในจำนวนนี้มี ๑๒ คนได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี---สภาสูงจะถูกยุบไม่ได้สมาชิกอยู่ในตำแหน่ง ๖ ปีแต่ทุกๆ ๒ ปีจะต้องออกไป ๑ ใน ๓ สภานี้มีรองประธานาธิบดีเป็นประธานสภาโดยตำแหน่ง---สภาแห่งรัฐมีอำนาจหน้าที่ในการออกกฎหมายเหมือนกับสภาผู้แทนราษฎรทุกอย่างกฎหมายใดที่ผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรแล้วแต่สภาแห่งรัฐไม่อนุมัติกฎหมายนั้นออกบังคับไม่ได้มีอำนาจควบคุมการบริหารรัฐการแผ่นดินโดยการตั้งกระทู้ถามไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลและมีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ---สภาผู้แทนราษฎร (บ้านคน) อินเดียเรียกว่าโลกสภา (โลกสภา) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนมีจำนวนไม่เกิน ๕๐๐ คนจากมลรัฐทั้งหมดและไม่เกิน ๒๕ คนจากดินแดนที่อยู่ในปกครองของรัฐบาลกลางที่ไม่มีฐานะเป็นรัฐนอกจากนี้ประธานาธิบดียังมีสิทธิแต่งตั้งผู้แทนราษฎรเพื่อเป็นตัวแทนของชนกลุ่มน้อยไม่เกิน ๒ คน---การเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขต แต่ละเขตจะเลือกผู้แทนได้คนเดียว สภามีอายุ ๕ ปี ประชาชนอินเดียที่มีสิทธิเลือกตั้ง จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า ๒๑ ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้ง ให้มีคณะกรรมการเลือกตั้งเป็นสถาบันอิสระ มีหน้าที่จัดทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และควบคุมการเลือกตั้งระดับชาติและระดับรัฐ---รัฐสภามีหน้าที่สำคัญสองประการเหมือนกับรัฐสภาอังกฤษ คือการออกกฎหมายและการควบคุมการบริหารรัฐการของคณะรัฐมนตรี*ศาล ---รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีศาลสูงสุด (Supreme Court) หนึ่งศาล ประกอบด้วยประธานศาลสูงสุดและผู้พิพากษาอื่นอีกไม่เกิน ๑๓ คน ศาลสูง (High Court) มีประจำรัฐต่าง ๆ รัฐละ ๑ แห่ง และศาลชั้นต้น (Primar Court) มีประจำในแต่ละเขต ภายในรัฐต่าง ๆ แบ่งเ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
--- อินเดียเป็นรัฐเอกราชที่เกิดขึ้นใหม่ แต่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่างน้อยก็สมัยอารยธรรมแห่งลุ่มแม่น้ำสินธุซึ่งได้ตั้งขึ้นเมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อนพุทธกาล


--- เมื่อปี พ.ศ. 217 อเล็กซานเดอ ร์มหาราชได้เข้ามายึดครองอินเดียทำให้ อินเดียได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากกรีกต่อมาเมื่อพุทธศตวรรษที่ 9 พระเจ้าจันทร์คุปต์ที่ 2 สามารถสร้างความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ อินเดียตอนเหนือ



--- ในปี พ.ศ. 2143 ชาว อังกฤษได้เริ่มเข้ามาค้าขายในอินเดีย พระราชินีเอลิซาเบ ธ แห่งอังกฤษได้มอบสิทธิบัตรให้กับ บริษัท อินเดียตะวันออกโดยได้ตั้งศูนย์การค้าใหญ่ที่เมืองบอมเบย์กัลกัตตาและมัทราส


--- ใน ปี พ.ศ. 2401 รัฐบาลอังกฤษได้ยุบ บริษัท อินเดียตะวันออกและ เข้าปกครองอินเดียโดยตรง


--- ในปี พ.ศ. 2463 โบฮันธาสการามจันท์ คานธีผู้นำอินเดียได้ใช้วิธีอหิงสาและสามารถทำให้อินเดียได้รับ เอกราชเป็นขั้น ๆ ในเวลาต่อมา


--- ในปี พ.ศ. 2490 นายกรัฐมนตรีแอตลีของอังกฤษได้ประกาศ เจตนาของรัฐบาลอังกฤษที่จะมอบอำนาจปกครองให้อินเดียเนื่องจากมีความแตกแยกกันระหว่างฝ่ายมุสลิมกับฮินดูเกิดเป็นการจลาจลที่ รุนแรงและแผ่ขยายทั่วประเทศจึงต้อง แบ่งแยกอินเดียออกเป็นสองประเทศคืออินเดียกับปากีสถานอินเดียประกาศเอกราชในปีเดียวกันนั้น


--- หลังจากได้รับเอกราชสภาร่างรัฐธรรมนูญได้ ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดแนวทางในการปกครองประเทศไว้ครบทุกด้านทั้งระดับ ชาติและระดับรัฐทำให้รัฐธรรมนูญอินเดียมี ความยาวที่สุดในโลกมีบทบัญญัติถึง 395 มาตราประกาศใช้เมื่อปี พ.ศ. 2493 ประกาศตนเป็นสาธารณรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่ยังคงยอมรับประมุขของอังกฤษว่าเป็นประมุขของเครือจักรภพอังกฤษซึ่งอินเดีย รวมเป็นสมาชิกอยู่ด้วย


--- โครงสร้างทางการเมืองอินเดียได้นำเอาวิธี การจัดแบ่งอำนาจหน้าที่ทางการเมืองและการปกครองของสถาบันต่าง ๆ มาจากระบบของอังกฤษคือ


* ประธานาธิบดี



--- มีฐานะเป็นประมุขของประเทศที่ปกครอง ใน ระบบรัฐสภาคือมีฐานะอยู่เหนือการเมือง และใช้อำนาจหน้าที่ตามพิธีการเท่านั้นตามปกติประธานาธิบดีจะใช้อำนาจของตนผ่านคณะรัฐมนตรีโดยนายกรัฐมนตรีจะทำหน้าที่เป็นผู้แนะนำให้ประธานาธิบดีใชัอำนาจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง


--- ประธานาธิบดีอินเดียได้รับเลือกตั้ง โดยทางอ้อมจากประชาชนผู้มีสิทธิ เลือกตั้งประธานาธิบดีคือสมาชิกสภาทั้งสองสภาของรัฐบาลกลางและสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐต่าง ๆ 21 มลรัฐ



* อำนาจหน้าที่ของประธานาธิบดีอินเดียแบ่งออกเป็น สามประเภทคือ



--- อำนาจบริหารมีอำนาจหน้าที่ต่าง ๆ ในฐานะประมุขของชาติและเป็น ตัวแทนของประชาชนอินเดียทั้งมวลซึ่งรวมถึงด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ


--- อำนาจนิติบัญญัติมีอำนาจในการลงนาม ประกาศใช้หรือยับยั้งกฎหมายต่าง ๆ ออกกฤษฎีกาต่าง ๆ นอกสมัยประชุมรัฐสภาเป็นต้น


- - อำนาจฉุกเฉินมีอำนาจประกาศภาวะฉุกเฉินในกรณี ที่ความมั่นคงของชาติถูกคุกคามกลไกการปกครองตามรัฐธรรมนูญในส่วนมลรัฐถูกทำลายและเมื่อเกิดวิกฤตทางการคลังในประเทศหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศ


* คณะรัฐมนตรี



--- เป็นเพียงที่ปรึกษา แนะนำและช่วยเหลือประธานาธิบดีในการปฎิ บัติหน้าที่โดยประธานาธิบดีเป็นผู้แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีตามคำเสนอของนายกรัฐมนตรีประธานาธิบดีจะต้องแต่งตั้งหน้าที่พรรคที่มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นนายกผู้ที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรีอาจ ไม่ได้เป็นสมาชิกรัฐสภาก็ได้ แต่มี เงื่อนไขว่าถ้าผู้ใดจะเป็นรัฐมนตรีเกินกว่า 6 เดือนได้จะต้องจัดการให้ผู้นั้น เป็นสมาชิกสภาใดสภาหนึ่งภายใน 6 เดือน


--- คณะรัฐมนตรีจะต้องลาออกจากตำแหน่งเมื่อ ไม่ได้รับ ความไว้วางใจจากสภาผู้แทน แต่ คณะรัฐมนตรีอาจขอให้ประมุขยุบสภาได้ซึ่งจะมีผลให้มีการเลือกตั้งใหม่


--- สภารัฐมนตรี (คณะรัฐมนตรี) มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารับผิดชอบต่อสภาผู้แทนราษฎร นายกรัฐมนตรีเป็นสื่อติดต่อระหว่างประธานาธิบดีและ สภารัฐมนตรีในกิจการทุกอย่างสภารัฐมนตรี ประกอบด้วยรัฐมนตรีสามประเภทคือประเภทที่ 1 รัฐมนตรีที่เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีมีสิทธิ เข้าร่วมประชุมในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดและวางนโยบายของรัฐบาลประเภทที่ 2 รัฐมนตรีที่มิได้เป็นสมาชิกในคณะรัฐมนตรีประเภท ที่ 3 รองนายกรัฐมนตรี



* รัฐสภา



--- ประกอบด้วยสภาสองสภาคือ


--- สภาแห่งรัฐหรือวุฒิสภา (สภาแห่งรัฐ) อินเดียเรียกราชยสภา (Rajaya บา) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับการเลือกตั้งหรือ แต่งตั้งมาจากสภาต่าง ๆ ของรัฐ 22 รัฐมีสมาชิกไม่มากกว่าครึ่งหนึ่งของ จำนวนสมาชิกในสภาผู้แทนราษฎรและต้องไม่มากกว่า 250 คนซึ่งในจำนวนนี้มี 12 คนได้รับแต่งตั้งจากประธานาธิบดี


--- สภาสูงจะถูกยุบไม่ได้สมาชิก อยู่ในตำแหน่ง 6 ปี แต่ทุก ๆ 2 ปีจะต้องออกไป 1 ใน 3 สภานี้มีรองประธานาธิบดีเป็นประธานสภา โดยตำแหน่ง


--- สภาแห่งรัฐมีอำนาจหน้าที่ในการ ออกกฎหมายเหมือนกับสภาผู้แทนราษฎรทุกอย่างกฎหมายใดที่ผ่านจากสภาผู้แทนราษฎรแล้ว แต่สภา แห่งรัฐไม่อนุมัติกฎหมายนั้นออกบังคับ ไม่ได้มีอำนาจควบคุมการบริหารรัฐการแผ่นดินโดยการตั้งกระทู้ถามไม่ผ่านกฎหมายงบประมาณของรัฐบาลและมีอำนาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ


--- สภาผู้แทนราษฎร (บ้านคน) อินเดียเรียกว่าโลกสภา (ล๊อค บา) ประกอบด้วยสมาชิกที่ได้รับเลือกตั้งโดยตรงจาก ประชาชนมีจำนวนไม่เกิน 500 คนจากมลรัฐทั้งหมดและไม่เกิน 25 คนจากดินแดนที่อยู่ในปกครอง ของรัฐบาลกลางที่ไม่มีฐานะเป็นรัฐนอกจากนี้ประธานาธิบดียังมีสิทธิแต่งตั้งผู้แทนราษฎรเพื่อเป็น ตัวแทนของชนกลุ่มน้อยไม่เกิน 2 คน


--- การเลือกตั้งเป็นแบบแบ่งเขตแต่ละเขต จะเลือกผู้แทนได้คนเดียวสภามีอายุ 5 ปีประชาชนอินเดียที่มีสิทธิเลือกตั้งจะ ต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 21 ปีบริบูรณ์ในวันเลือกตั้งให้ มีคณะกรรมการเลือกตั้งเป็นสถาบันอิสระมี หน้าที่จัดทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้งและควบคุมการเลือกตั้งระดับชาติและระดับรัฐ


--- รัฐสภามีหน้าที่สำคัญสองประการเหมือนกับรัฐสภา อังกฤษคือการออกกฎหมายและการควบคุมการบริหารรัฐการของคณะรัฐมนตรี


* ศาล



--- รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีศาลสูงสุด (ศาลฎีกา) หนึ่งศาลประกอบด้วยประธานศาลสูงสุดและผู้พิพากษา อื่นอีกไม่เกิน 13 คนศาลสูง (High Court) มีประจำรัฐต่าง ๆ รัฐละ 1 แห่งและศาลชั้นต้น (Primar ศาล) มีประจำ ในแต่ละเขตภายในรัฐต่าง ๆ แบ่ง เ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: