The purpose of this descriptive res

The purpose of this descriptive research was to study relationships among personal factors of
professional nurses, transformational leadership of head nurses and nursing quality assurance performance of
professional nurses in community hospitals, Chaiyaphum province. The sample was 145 professional nurses
who had working experience at least 1 year. The research instrument was a questionnaire consisted of three
parts: personal data of professional nurses, transformational leadership of head nurses and nursing quality
assurance performance of professional nurses. Five experts examined the content validity of the questionnaire.
The reliability coefficients of the parts of transformational leadership of head nurses and nursing quality assurance
of professional nurses were 0.98 and 0.96, estimated by Cronbach’s alpha coefficients. The data were
analyzed by using Chi-Square test, Pearson’s product moment correlation coefficients, and stepwise multiple
regression analysis.
The findings showed that: 1) Education, nursing quality assurance training and work experience did
not have Significant correlations with nursing quality assurance performance of professional nurses. 2) The
transformational leadership of head nurses had a statistically significant moderate positive correlation with the
nursing quality assurance performance of professional nurses (r = .456, p < 0.01). 3) The factors could significantly
predicted and explained for 24.3%(R2 = .243, p < 0.05) of the nursing quality assurance performance of
professional nurses were transformational leadership and work experience.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของ
พยาบาลวิชาชีพภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยและผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการพยาบาลของ
พยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่างเป็น 145 พยาบาลวิชาชีพ
ที่มีประสบการณ์การทำงานอย่างน้อย 1 ปี เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามประกอบด้วยสาม
ส่วนคือข้อมูลส่วนบุคคลของพยาบาลวิชาชีพภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยและพยาบาลที่มีคุณภาพ
ประสิทธิภาพความเชื่อมั่นของพยาบาลวิชาชีพ ห้าผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาของแบบสอบถาม
ค่าสัมประสิทธิ์ความน่าเชื่อถือของบางส่วนของผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยและการประกันคุณภาพการพยาบาล
ของพยาบาลวิชาชีพเป็น 0.98 และ 0.96 โดยประมาณค่าความเชื่อมั่นของค่าสัมประสิทธิ์อัลฟา ข้อมูลที่ได้มา
วิเคราะห์โดยใช้การทดสอบไคสแควร์เพียร์สันค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์และพหุคูณแบบขั้นตอน
การวิเคราะห์การถดถอย
ผลการวิจัยพบว่า 1) การศึกษาการฝึกอบรมการประกันคุณภาพการพยาบาลและประสบการณ์การทำงานไม่
ได้มีความสัมพันธ์ที่สําคัญกับผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการพยาบาลของ พยาบาลวิชาชีพ 2)
ผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยมีความสัมพันธ์ทางบวกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับปานกลางที่มี
ผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ (r = 0.456, p <0.01) 3) ปัจจัยที่มีนัยสำคัญสามารถ
ทำนายและอธิบายสำหรับ 24.3% (R2 = 0.243, p <0.05) ผลการดำเนินงานประกันคุณภาพการพยาบาลของ
พยาบาลวิชาชีพที่มีความเป็นผู้นำและประสบการณ์การทำงานการเปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลของ
พยาบาลวิชาชีพ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยและการแสดง
การประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพในโรงพยาบาลชุมชน จังหวัดชัยภูมิ กลุ่มตัวอย่างเป็นพยาบาลวิชาชีพที่ 145
ประสบการณ์อย่างน้อย 1 ปีเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยเป็นแบบสอบถามที่ประกอบด้วย 3
ส่วน : ข้อมูลส่วนบุคคลของพยาบาลวิชาชีพ ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยและการดำเนินการประกันคุณภาพ
การพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ ห้าผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความตรงเชิงเนื้อหาของแบบสอบถาม
ความเที่ยงของชิ้นส่วนของภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วยกับ
การประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ เท่ากับ 0.98 และ 0.96 , ด้วยวิธีหาค่าสัมประสิทธิ์แอลฟาครอนบาค มีค่า . ข้อมูล
วิเคราะห์โดยใช้ชิสแควร์ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน และการวิเคราะห์ถดถอยพหุคูณ

คน ผลการวิจัยพบว่า 1 ) ระดับการศึกษาการประกันคุณภาพการพยาบาลการฝึกอบรมและประสบการณ์ทำงานทำ
ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างเด่นชัดกับการปฏิบัติการประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพ 2 )
ภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าหอผู้ป่วย มีความสัมพันธ์ทางบวกระดับปานกลางอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติกับ
การประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพในการปฏิบัติงาน ( r = . 456 , p < 0.01 )3 ) ปัจจัยที่สามารถทำนายและอธิบายสำหรับ 24.3 อย่างมีนัยสำคัญ
% ( R2 = . 241 , p < 0.05 ) ของการประกันคุณภาพการพยาบาลของพยาบาลวิชาชีพงาน
มีภาวะผู้นำการเปลี่ยนแปลง และประสบการณ์ทำงาน