1,2-Indanedione1,2-Indanedione (Fig

1,2-Indanedione
1,2-Indanedione (Fig. 4) was proposed as a fingermark
reagent in 1997 by Ramotowski et al. [3] following research
into ninhydrin analogues by Jouille and co-workers, in
conjunction with the US Secret Service. Following this
discovery researchers in Australia [4], Israel [5,6], the USA
[7,8], the United Kingdom [9,10] and Canada [11] have
conducted research into the capabilities of 1,2-indanedione as a
fingermark reagent.
Hauze et al. [7] tested a range of 1,2-indanediones against
amino acid stains in 1998. This early research showed that
several of the 1,2-indanediones tested produced stains of
greater luminescence than DFO, however none gave better
initial colour than ninhydrin. Preliminary experiments performed
in Israel indicated that 1,2-indanedione is in no way
inferior to DFO [5], however one problem was the limited
availability of the compound. This was overcome as 1,2-
indanedione was relatively easy to synthesise [12] and, in 2002,
1,2-indanedione became commercially available through the
Netherlands based company, BVDA International.
In 2000, Roux et al. compared the ability of 1,2-indanedione
and 5,6-dimethoxy-1,2-indanedione to detect latent fingermarks
on paper to that of DFO and ninhydrin [4]. They
concluded that the new reagents developed prints that displayed
superior luminescence to those developed with DFO. Latent
prints developed with ninhydrin were still superior to those
developed with 1,2-indanedione based on initial colour alone.
The same authors also compared the effect of different
carrier solvents (arklone, methanol, petroleum ether, HFE 7100
and HFC 4310mee) on the quality of the fingermarks developed
using 1,2-indanedione. Of the solvents tested, HFE 7100 was
found to produce brighter fingermark luminescence followed
closely by the HFC 4310mee carrier solvent. Solubility
problems were experienced and the formulation recommended
was a 0.3% (w/v) 1,2-indanedione, 1% (v/v) acetic acid, 50%
(v/v) methanol, with the carrier solvent HFE 7100.
Research by Wiesner and co-workers in 2001 led to 1,2-
indanedione being approved for use in casework in Israel [6].
The influence of pH and the two carrier solvents HFE 7100
and HFC 4310mee was evaluated, with best results being
obtained with 0.2% indanedione in HFE 7100 carrier solvent
and 7% ethyl acetate [4]. Acetic acid, as recommended in all
other formulations of 1,2-indanedione, is notably absent, with
the researchers stating that the acid did not improve results and
had a negative effect on the clarity of the fingermarks
developed. This research also compared 1,2-indanedione and
DFO in actual casework with 46% more fingermarks reportedly
developed by 1,2-indanedione.
In 2002, the Federal Bureau of Investigation (FBI) carried
out a validation study on 1,2-indanedione in response to
the Daubert requirement that all scientific processes be
validated and subjected to peer review before being used as
evidence in courts of law [8]. Interestingly, the FBI only
investigated the application of the 1,2-indanedione formulation
proposed by Wiesner et al. [6], and concluded that

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

1,2-Indanedione
1,2-Indanedione (รูปที่. 4) ได้รับการเสนอชื่อเป็น fingermark
น้ำยาในปี 1997 โดย Ramotowski et al, [3]
ต่อไปนี้การวิจัยลงในninhydrin analogues โดย Jouille
และเพื่อนร่วมงานในการร่วมกับหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐ ต่อไปนี้นักวิจัยค้นพบในประเทศออสเตรเลีย [4] อิสราเอล [5,6] สหรัฐอเมริกา [7,8], สหราชอาณาจักร [9,10] และแคนาดา [11] ได้ดำเนินการวิจัยในความสามารถของ1,2-indanedione เป็นสารfingermark. Hauze et al, [7] การทดสอบช่วงของ 1,2-indanediones กับคราบกรดอะมิโนในปี 1998 การวิจัยครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าในช่วงต้นหลาย1,2-indanediones ทดสอบผลิตคราบของเรืองแสงมากกว่าDFO อย่างไรก็ตามไม่มีให้ดีขึ้นสีเริ่มต้นกว่าninhydrin การทดลองเบื้องต้นดำเนินการในอิสราเอลชี้ให้เห็นว่า 1,2-indanedione อยู่ในทางที่ด้อยกว่าDFO [5] แต่ปัญหาหนึ่งที่เป็นที่ จำกัดพร้อมของสารประกอบ นี่คือการเอาชนะเป็น 1,2- indanedione ค่อนข้างง่ายต่อการสังเคราะห์ [12] และในปี 2002, 1,2-indanedione กลายเป็นใช้ได้ในเชิงพาณิชย์ผ่านบริษัท เนเธอร์แลนด์ตาม BVDA นานาชาติ. ในปี 2000 Roux et al, เมื่อเทียบกับความสามารถของ 1,2-indanedione และ 5,6-dimethoxy-1,2-indanedione ในการตรวจสอบ fingermarks แฝงบนกระดาษกับที่ของDFO และ ninhydrin [4] พวกเขาสรุปได้ว่าสารใหม่ที่พัฒนาพิมพ์ที่แสดงเรืองแสงที่เหนือกว่าให้กับผู้ที่ได้รับการพัฒนาด้วยDFO แฝงพิมพ์พัฒนาด้วย ninhydrin ก็ยังคงเหนือกว่าให้กับผู้ที่ได้รับการพัฒนาที่มี1,2-indanedione ขึ้นอยู่กับสีเริ่มต้นเพียงอย่างเดียว. ผู้เขียนเดียวกันเมื่อเทียบกับผลกระทบที่แตกต่างกันของตัวทำละลายที่ผู้ให้บริการ (arklone เมทานอลอีเทอร์ปิโตรเลียม HFE 7100 และ HFC 4310mee) บน คุณภาพของ fingermarks ที่พัฒนาโดยใช้1,2-indanedione ตัวทำละลายที่ผ่านการทดสอบ, HFE 7100 ถูกพบในการผลิตแสงเรืองสว่างfingermark ตามอย่างใกล้ชิดโดยตัวทำละลายHFC ผู้ให้บริการ 4310mee การละลายปัญหามีประสบการณ์และสูตรที่แนะนำเป็น0.3% (w / v) 1,2-indanedione, 1% (v / v) กรดอะซิติก 50% (v / v) เมทานอลที่มีผู้ให้บริการที่เป็นตัวทำละลาย HFE 7100. การวิจัย โดย Wiesner และเพื่อนร่วมงานในปี 2001 นำไปสู่การ 1,2- indanedione ได้รับการอนุมัติสำหรับการใช้งานใน casework ในอิสราเอล [6]. อิทธิพลของพีเอชและทั้งสองตัวทำละลายให้บริการ HFE 7100 และ HFC 4310mee ถูกประเมินด้วยผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่จะถูกได้รับกับ0.2% ใน indanedione HFE 7100 ผู้ให้บริการตัวทำละลายและ7% เอทิลอะซิเต [4] กรดอะซิติกตามคำแนะนำในทุกสูตรอื่น ๆ ของ 1,2-indanedione, ขาดสะดุดตากับนักวิจัยระบุว่ากรดไม่ได้ปรับปรุงผลและมีผลกระทบในทางลบต่อความชัดเจนของfingermarks ที่ได้รับการพัฒนา งานวิจัยนี้ยังเทียบ 1,2-indanedione และDFO ใน casework เกิดขึ้นจริงกับ fingermarks 46% มากขึ้นรายงานการพัฒนาโดย1,2-indanedione. ในปี 2002 ที่สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) ดำเนินการศึกษาการตรวจสอบในวันที่1,2-indanedione ในการตอบสนองความต้องการของเบิร์ทว่ากระบวนการทางวิทยาศาสตร์ทั้งหมดจะถูกตรวจสอบและยัดเยียดให้ทบทวนก่อนที่จะถูกนำมาใช้เป็นหลักฐานในศาลของกฎหมาย[8] ที่น่าสนใจเอฟบีไอเพียงการตรวจสอบการประยุกต์ใช้สูตร 1,2-indanedione เสนอโดย Wiesner et al, [6] และได้ข้อสรุปว่า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1,2-indanedione
1,2-indanedione ( ภาพที่ 4 ) ที่เสนอเป็นรอยนิ้วมือ
3 ในปี 1997 โดย ramotowski et al . [ 3 ] ตามการวิจัย
เป็น ninhydrin analogues โดย jouille และเพื่อนร่วมงานใน
ร่วมกับเราลับบริการ ต่อไปนี้
การค้นพบนี้นักวิจัยในออสเตรเลีย [ 4 ] , อิสราเอล [ 5 , 6 ] , USA
[ 7 , 8 ] , สหราชอาณาจักรและแคนาดา [ 9,10 ] [ 11 ]
ดำเนินการวิจัยในความสามารถของ 1,2-indanedione มีรอยนิ้วมือ 3
.
hauze et al . [ 7 ] ทดสอบช่วง 1,2-indanediones กับ
กรดอะมิโนคราบในปี 1998 งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า
หลายของ 1,2-indanediones ทดสอบผลิตของคราบ
มากขึ้นเรืองแสงกว่า DFO , แต่ไม่มีให้ดีกว่านี้
เริ่มต้นสีมากกว่า ninhydrin . การทดลอง
เบื้องต้นในอิสราเอล พบว่า 1,2-indanedione ไม่มี
ด้อยกว่า DFO [ 5 ] แต่ปัญหาหนึ่งคือความพร้อมจำกัด
ของสารประกอบ นี้คือเอาชนะเป็น 1 , 2 -
indanedione ค่อนข้างง่ายที่จะสังเคราะห์ [ 12 ] และใน 2002 ,
1,2-indanedione กลายอาดผ่าน
เนเธอร์แลนด์ตามบริษัท bvda ระหว่างประเทศ .
ในปี 2000 รู et al . เปรียบเทียบความสามารถของ 1,2-indanedione
5,6-dimethoxy-1,2-indanedione ตรวจจับและแฝง fingermarks
บนกระดาษที่ DFO และ ninhydrin [ 4 ] พวกเขา
สรุปได้ว่าสารเคมีที่พัฒนาใหม่พิมพ์ที่เหนือกว่าการแสดง
กับผู้พัฒนาด้วย DFO . แฝง
พิมพ์พัฒนา ninhydrin ยังเหนือกว่าบรรดา
พัฒนา 1,2-indanedione เบื้องต้น
สีคนเดียวผู้เขียนเดียวกันเปรียบเทียบผลของตัวทำละลายที่ผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน
( arklone เมทานอล ปิโตรเลียมอีเธอร์ และ hfe 7100
โดย 4310mee ) ต่อคุณภาพของ fingermarks พัฒนา
ใช้ 1,2-indanedione . ของสารละลายทดสอบ hfe 7100 เป็น
พบผลิตยิ่งรอยนิ้วมือเรืองแสงตาม
อย่างใกล้ชิด โดย 4310mee ผู้ให้บริการโดยตัวทำละลาย การละลาย
ปัญหาที่พบคือ ประสบการณ์ และการแนะนำ
เป็น 0.3% ( w / v ) 1,2-indanedione 1% ( v / v ) กรด 50 %
( v / v ) กับผู้ให้บริการตัวทำละลายเมทานอล hfe 7100 .
งานวิจัยของ วิสเนอร์และเพื่อนร่วมงานใน 2001 led 1 , 2 -
indanedione ได้รับการอนุมัติเพื่อใช้ ในศึกษาในอิสราเอล [ 6 ] .
อิทธิพลของ pH และสองผู้ให้บริการตัวทำละลาย hfe 7100
เพื่อประเมินและ 4310mee กับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดถูก
ได้กับ indanedione 0.2% ใน hfe 7100 ผู้ให้บริการและเอทิลอะซิเตทตัวทำละลาย
7 [ 4 ] กรดน้ำส้ม , เป็น แนะนำ ในการ 1,2-indanedione
อื่นๆ คือ ขาดเฉพาะ กับ
นักวิจัยระบุว่า กรดไม่ได้ปรับปรุงผลลัพธ์และ
มีผลกระทบเชิงลบที่ชัดเจนของ fingermarks
พัฒนา งานวิจัยนี้เปรียบเทียบและ 1,2-indanedione
DFO ในจริง casework 46 % fingermarks เพิ่มเติมรายงานพัฒนาโดย 1,2-indanedione
.
ในปี 2002 เอฟบีไอ ( FBI ) ดำเนินการศึกษาใน 1,2-indanedione
ออกตรวจสอบในการตอบสนองความต้องการที่กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
เดาเบิร์ตเป็น
ตรวจสอบ และต้องทบทวนก่อนที่จะถูกใช้เป็น
หลักฐานในศาลของกฎหมาย [ 8 ] ทั้งนี้ เอฟบีไอเท่านั้น
ศึกษาการประยุกต์ใช้สูตร
1,2-indanedione เสนอโดยวิสเนอร์ et al . [ 6 ] และสรุปได้ว่า