ประวัติของ Albert Einsteinชื่อจริง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (อังกฤษ)อัลแบร์ การแปล - ประวัติของ Albert Einsteinชื่อจริง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (อังกฤษ)อัลแบร์ ไทย วิธีการพูด

ประวัติของ Albert Einsteinชื่อจริง

ประวัติของ Albert Einstein
ชื่อจริง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (อังกฤษ)
อัลแบร์ต ไอน์ชไตน์ (เยอรมัน)
เกิด 14 มีนาคม พ.ศ. 2422
อำเภออูล์ม จังหวัดวืร์ตแตมแบร์ก ประเทศเยอรมนี
เสียชีวิต 18 เมษายน พ.ศ. 2498
เมืองพรินสตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
งาน-อาชีพ นักฟิสิกส์ นักคณิตศาสตร์
สัญชาติ ชาวเยอรมัน (พ.ศ. 2422 - 2439 และ 2457 - 2476)
ชาวสวิส (พ.ศ. 2444 - 2498)
ชาวอเมริกัน (พ.ศ. 2483 - 2498)
เชื้อชาติ ยิว ชาวเยอรมัน
วุฒิสูงสุด ปริญญาดุษฎีบัณฑิต มหาวิทยาลัยซูริก
เกียรติประวัติ รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ประจำปี พ.ศ. 2464

ไอน์สไตน์เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1879 ที่เมืองอูล์ม ประเทศเยอรมนี ไอน์สไตน์เป็นชาวเยอรมันแต่ก็มีเชื้อสายยิวด้วย บิดาของไอน์สไตน์เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องยนต์และสารเคมี ชื่อว่า เฮอร์แมน ไอน์สไตน์ (Herman Einstein) ต่อมาเมื่อ ไอน์สไตน์อายุได้ 1 ขวบ บิดาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมิวนิค ซึ่งคนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นชาวยิวเช่นเดียวกับเขา ทำให้เขาไม่มีปัญหากับ เพื่อนบ้าน ไอน์สไตน์เป็นเด็กที่เงียบขรึม และมักไม่ค่อยชอบออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน จนบิดาเข้าใจว่าเขาเป็นคนโง่ จึงได้จ้างครูมาสอนพิเศษให้กับไอน์สไตน์ที่บ้าน โดยเฉพาะเรื่องการพูด ถึงแม้ว่าการพูดของเขาจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังเงียบขรึม และ ไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเช่นเคย เมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 5 ขวบ บิดาได้ส่งเข้าโรงเรียนที่ยิมเนเซียม (Gymnasium) นักเรียน ในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งหมดเป็นชาวเยอรมัน และนับถือศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก ถึงอย่างนั้นไอน์สไตน์ก็เข้ากับเพื่อนได้ดี แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดในโรงเรียนก็คือการสอนที่น่าเบื่อหน่าย ที่ใช้วิธีการท่องจำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีการที่เขาเกลียดที่สุด ทำให้ไอน์สไตน์ไม่อยากไปโรงเรียน มารดาจึงหาวิธีแก้ปัญหาให้ไอน์สไตน์ โดยการให้เขาเรียนไวโอลินและเปียโนแทน แต่วิชาที่ ไอน์สไตน์ให้ความสนใจมากที่สุดคือ คณิตศาสตร์ โดยเฉพาะวิชาเรขาคณิตเป็นวิชาที่เขาชอบมากที่สุด ทำให้เขาละทิ้งวิชาอื่น ยกเว้นวิชาดนตรี และเรียนวิชาอื่นได้แย่มาก แม้ว่าจะทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีมาก เขาก็มักจะถูกครูตำหนิอยู่เสมอ

ต่อมาไอน์สไตน์อายุ 15 ปี กิจการโรงงานของพ่อเขาแย่ลง เนื่องจากการรวมตัวของบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและเคมีหลายแห่ง ทำให้โรงงานของพ่อเขาไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองมิลาน (Milan) ประเทศอิตาลี (Italy) แต่ไอน์สไตน์ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เพราะยังติดเรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เขาคิดถึงครอบครัวมาก หลังจากนั้นอีก 6 เดือน เขาได้วางแผน ให้แพทย์ออกใบรับรองว่าเขาป่วยเป็นโรคประสาท เพื่อให้เขาได้เดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อิตาลี เมื่อเป็นเช่นนั้นไอน์สไตน์จึงเดินทาง ไปหาครอบครัวที่มิลาน แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทางเขาได้ขอใบรับรองทางการศึกษา เพื่อสะดวกในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนอื่น
ต่อมาไอน์สไตน์ได้สอบเข้าเรียนต่อวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ที่วิทยาลัยโปลีเทคนิค เมืองซูริค (Federal Poleytechnic of Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไอน์สไตน์สอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนดีมาก ส่วนวิชาชีววิทยาและภาษา ได้แย่มาก ทำให้ เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนในวิทยาลัยแห่งนี้ ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ เขาได้รับจดหมายจากครูใหญ่วิทยาลัยโปลีเทคนิค ได้เชิญเขา ไปพบและแนะนำให้เขาไปเรียนต่อ เพื่อให้ได้ประการศนียบัตร ซึ่งสามารถเข้าเรียนต่อวิทยาลัยโปลีเทคนิคได้โดยไม่ต้องสอบ หลัง จากนั้นเขาจึงเข้าเรียนที่วิทยาลัยของสวิตเซอร์แลนด์ ตามหลักสูตร 1 ปี ระหว่างนี้เขาได้พักอาศัยอยู่กับครูผู้หนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียน แห่งนี้ ไอน์สโตน์รู้สึกชอบวิทยาลัยแห่งนี้มาก เพราะการเรียนการสอนเป็นอิสระไม่บังคับ และไม่จำกัดมากจนเกินไป แนวการสอน เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการเรียนยังดีมากดีด้วย เพราะได้มีการจัด ห้องเรียนเฉพาะสำหรับแต่ละวิชา เช่น ห้องเรียนภูมิศาสตร์ก็มีภาพแผนที่ สถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แขวนไว้ โดยรอบห้อง ส่วนห้องเคมีก็มีอุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังมีนักเรียนจำนวนมาก ทำให้ ไอน์สไตน์ไม่รู้สึกว่ามีปมด้อยที่เป็นชาวยิวอีกต่อไป หลังจากที่เขาจบหลักสูตรที่โรงเรียนมัธยม 1 ปี ไอน์สไตน์ได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัย เทคนิคในสาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ตามที่ได้ตั้งใจไว้

หลังจากจบการศึกษาแล้ว ไอน์สไตน์ได้สมัครเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซูริค แต่ได้รับ การปฏิเสธโดยไม่มีเหตุอันเหมาะสม และด้วยความเห็นใจจากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยซูริคได้ออกใบรับรองผลการศึกษาให้เข้า จากนั้นไอน์สไตน์ได้เริ่มออกหางานทำจากประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งมีประกาศรับอาจารย์หลายแห่ง ไอน์สไตน์ได้เข้ารับการ สัมภาษณ์ แต่ปรากฏว่าไม่มีสถาบันแห่งใดรับเขาเข้าทำงานเลยแม้แต่สักที่เดียว ไอน์สไตน์เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นชาวยิว ดังนั้นในปี ค.ศ.1901 ไอน์สไตน์ได้โอนสัญชาติเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาหางานทำได้อยู่ดี ในที่สุดไอน์สไตน์ก็ได้งานทำเป็นครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่ทำอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกไล่ออก จากนั้นไอน์สไตน์จึงรับจ้างเป็น ครูสอนพิเศษตามบ้าน แต่ก็ทำได้ไม่นานก็ถูกพ่อแม่ของเด็กเลิกจ้าง เนื่องจากไอน์สไตน์ได้แสดงความผิดเห็นว่าไม่ควรให้เด็กไปเรียน ที่โรงเรียนอีก เนื่องจากครูที่โรงเรียนสอนคณิตศาสตร์ในแบบผิด ๆ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ไอน์สไตน์สอน แม้ว่าเด็ก ๆ จะรักและชอบ วิธีการสอนของเขาก็ตาม ไอน์สไตน์ก็ยังถุดไล่ออกอยู่ดี
ต่อมาในปี ค.ศ.1902 ไอน์สไตน์ได้เจอกับเพื่อนเก่าคนหนึ่งได้ฝากงานที่สำนักงานจดทะเบียนสิทธิบัตรที่กรุงเบิร์น ถึงแม้ว่า ไอน์สไตน์จะไม่ชอบงานที่นี่มากนัก แต่รายได้ปีละ 250 ปอนด์ ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้น และมีโอกาสได้พบกับสิ่ง ประดิษฐ์ที่แปลกใหม่อีกด้วย ในระหว่างที่ไอน์สไตน์ทำงานอยู่ที่นี่ เขาได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการประดิษฐ์สิ่งของเช่นกัน สิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของไอน์สไตน์คือ เครื่องมือบันทึกการวัดกระแสไฟฟ้า

ในปี ค.ศ.1903 ไอน์สไตน์ได้แต่งงานกับมิเลวา มารี เพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซ
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติของอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ชื่อจริงอัลเบิร์ตไอน์สไตน์ (อังกฤษ)อัลแบร์ตไอน์ชไตน์ (เยอรมัน) เกิด 14 มีนาคมพ.ศ. 2422อำเภออูล์มจังหวัดวืร์ตแตมแบร์กประเทศเยอรมนี เสียชีวิต 18 เมษายนพ.ศ. 2498เมืองพรินสตันรัฐนิวเจอร์ซีย์ประเทศสหรัฐอเมริกา งานอาชีพนักฟิสิกส์นักคณิตศาสตร์ สัญชาติชาวเยอรมัน (พ.ศ. 2422-2439 และ 2457-2476)ชาวสวิส (พ.ศ. 2444-2498)ชาวอเมริกัน (พ.ศ. 2483-2498) เชื้อชาติยิวชาวเยอรมัน วุฒิสูงสุดปริญญาดุษฎีบัณฑิตมหาวิทยาลัยซูริก เกียรติประวัติรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำปีพ.ศ. 2464 ไอน์สไตน์เกิดเมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.1879 ที่เมืองอูล์มประเทศเยอรมนีไอน์สไตน์เป็นชาวเยอรมันแต่ก็มีเชื้อสายยิวด้วยบิดาของไอน์สไตน์เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องยนต์และสารเคมีชื่อว่าเฮอร์แมนไอน์สไตน์ (Herman Einstein) ต่อมาเมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 1 ขวบบิดาได้ย้ายไปอยู่ที่เมืองมิวนิคซึ่งคนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นชาวยิวเช่นเดียวกับเขาทำให้เขาไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้านไอน์สไตน์เป็นเด็กที่เงียบขรึมและมักไม่ค่อยชอบออกไปเล่นกับเพื่อนๆ ในวัยเดียวกันจนบิดาเข้าใจว่าเขาเป็นคนโง่จึงได้จ้างครูมาสอนพิเศษให้กับไอน์สไตน์ที่บ้านโดยเฉพาะเรื่องการพูดถึงแม้ว่าการพูดของเขาจะดีขึ้นแต่เขาก็ยังเงียบขรึมและไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเช่นเคยเมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 5 ขวบบิดาได้ส่งเข้าโรงเรียนที่ยิมเนเซียม (ยิม) นักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งหมดเป็นชาวเยอรมันและนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกถึงอย่างนั้นไอน์สไตน์ก็เข้ากับเพื่อนได้ดีแต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดในโรงเรียนก็คือการสอนที่น่าเบื่อหน่ายที่ใช้วิธีการท่องจำเป็นส่วนใหญ่ซึ่งเป็นวิธีการที่เขาเกลียดที่สุดทำให้ไอน์สไตน์ไม่อยากไปโรงเรียนมารดาจึงหาวิธีแก้ปัญหาให้ไอน์สไตน์โดยการให้เขาเรียนไวโอลินและเปียโนแทนแต่วิชาที่ไอน์สไตน์ให้ความสนใจมากที่สุดคือคณิตศาสตร์โดยเฉพาะวิชาเรขาคณิตเป็นวิชาที่เขาชอบมากที่สุดทำให้เขาละทิ้งวิชาอื่นยกเว้นวิชาดนตรีและเรียนวิชาอื่นได้แย่มากแม้ว่าจะทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีมากเขาก็มักจะถูกครูตำหนิอยู่เสมอ ต่อมาไอน์สไตน์อายุ 15 ปี กิจการโรงงานของพ่อเขาแย่ลง เนื่องจากการรวมตัวของบริษัทผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและเคมีหลายแห่ง ทำให้โรงงานของพ่อเขาไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ ครอบครัวของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองมิลาน (Milan) ประเทศอิตาลี (Italy) แต่ไอน์สไตน์ไม่ได้ย้ายตามไปด้วย เพราะยังติดเรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เขาคิดถึงครอบครัวมาก หลังจากนั้นอีก 6 เดือน เขาได้วางแผน ให้แพทย์ออกใบรับรองว่าเขาป่วยเป็นโรคประสาท เพื่อให้เขาได้เดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อิตาลี เมื่อเป็นเช่นนั้นไอน์สไตน์จึงเดินทาง ไปหาครอบครัวที่มิลาน แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทางเขาได้ขอใบรับรองทางการศึกษา เพื่อสะดวกในการเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนอื่น ต่อมาไอน์สไตน์ได้สอบเข้าเรียนต่อวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ ที่วิทยาลัยโปลีเทคนิค เมืองซูริค (Federal Poleytechnic of Zurich) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไอน์สไตน์สอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนดีมาก ส่วนวิชาชีววิทยาและภาษา ได้แย่มาก ทำให้ เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนในวิทยาลัยแห่งนี้ ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ เขาได้รับจดหมายจากครูใหญ่วิทยาลัยโปลีเทคนิค ได้เชิญเขา ไปพบและแนะนำให้เขาไปเรียนต่อ เพื่อให้ได้ประการศนียบัตร ซึ่งสามารถเข้าเรียนต่อวิทยาลัยโปลีเทคนิคได้โดยไม่ต้องสอบ หลัง จากนั้นเขาจึงเข้าเรียนที่วิทยาลัยของสวิตเซอร์แลนด์ ตามหลักสูตร 1 ปี ระหว่างนี้เขาได้พักอาศัยอยู่กับครูผู้หนึ่งที่สอนอยู่ในโรงเรียน แห่งนี้ ไอน์สโตน์รู้สึกชอบวิทยาลัยแห่งนี้มาก เพราะการเรียนการสอนเป็นอิสระไม่บังคับ และไม่จำกัดมากจนเกินไป แนวการสอน เป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน นอกจากนี้สภาพแวดล้อมในการเรียนยังดีมากดีด้วย เพราะได้มีการจัด ห้องเรียนเฉพาะสำหรับแต่ละวิชา เช่น ห้องเรียนภูมิศาสตร์ก็มีภาพแผนที่ สถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ แขวนไว้ โดยรอบห้อง ส่วนห้องเคมีก็มีอุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย นอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังมีนักเรียนจำนวนมาก ทำให้ ไอน์สไตน์ไม่รู้สึกว่ามีปมด้อยที่เป็นชาวยิวอีกต่อไป หลังจากที่เขาจบหลักสูตรที่โรงเรียนมัธยม 1 ปี ไอน์สไตน์ได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัย เทคนิคในสาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ตามที่ได้ตั้งใจไว้ หลังจากจบการศึกษาแล้ว ไอน์สไตน์ได้สมัครเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซูริค แต่ได้รับ การปฏิเสธโดยไม่มีเหตุอันเหมาะสม และด้วยความเห็นใจจากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยซูริคได้ออกใบรับรองผลการศึกษาให้เข้า จากนั้นไอน์สไตน์ได้เริ่มออกหางานทำจากประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งมีประกาศรับอาจารย์หลายแห่ง ไอน์สไตน์ได้เข้ารับการ สัมภาษณ์ แต่ปรากฏว่าไม่มีสถาบันแห่งใดรับเขาเข้าทำงานเลยแม้แต่สักที่เดียว ไอน์สไตน์เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นชาวยิว ดังนั้นในปี ค.ศ.1901 ไอน์สไตน์ได้โอนสัญชาติเป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาหางานทำได้อยู่ดี ในที่สุดไอน์สไตน์ก็ได้งานทำเป็นครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่ทำอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือนก็ถูกไล่ออก จากนั้นไอน์สไตน์จึงรับจ้างเป็น ครูสอนพิเศษตามบ้าน แต่ก็ทำได้ไม่นานก็ถูกพ่อแม่ของเด็กเลิกจ้าง เนื่องจากไอน์สไตน์ได้แสดงความผิดเห็นว่าไม่ควรให้เด็กไปเรียน ที่โรงเรียนอีก เนื่องจากครูที่โรงเรียนสอนคณิตศาสตร์ในแบบผิด ๆ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ไอน์สไตน์สอน แม้ว่าเด็ก ๆ จะรักและชอบ วิธีการสอนของเขาก็ตาม ไอน์สไตน์ก็ยังถุดไล่ออกอยู่ดี ต่อมาในปี ค.ศ.1902 ไอน์สไตน์ได้เจอกับเพื่อนเก่าคนหนึ่งได้ฝากงานที่สำนักงานจดทะเบียนสิทธิบัตรที่กรุงเบิร์นถึงแม้ว่าไอน์สไตน์จะไม่ชอบงานที่นี่มากนักแต่รายได้ปีละ 250 ปอนด์ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเขาดีขึ้นและมีโอกาสได้พบกับสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่อีกด้วยในระหว่างที่ไอน์สไตน์ทำงานอยู่ที่นี่เขาได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการประดิษฐ์สิ่งของเช่นกันสิ่งประดิษฐ์ชิ้นแรกของไอน์สไตน์คือเครื่องมือบันทึกการวัดกระแสไฟฟ้า ในปี ค.ศ.1903 ไอน์สไตน์ได้แต่งงานกับมิเลวามารีเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซ
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ประวัติของ Albert Einstein
ชื่อจริงอัลเบิร์ตไอ น์สไตน์ (อังกฤษ)
อัลแบร์ตไอน์ชไต น์ (เยอรมัน)
เกิดวันที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2422
อำเภออูล์มจังหวัดอาการวืดร์ตแตมแบร์กออกประเทศเยอรมนี
เสียชีวิต 18 เมษายน พ.ศ. 2498
เมืองพคุณรินสตันรัฐนิวเจอร์ซีย์ออกประเทศสหรัฐอเมริกา
งานเจ้าหน้าที่ฝ่าย - นักฟิสิกส์อาชีพนักคณิตศาสตร์
สัญชาติชาวเยอรมัน (2422 พ.ศ. - 2439 และ 2457-2476)
ชาวสวิส (2444 พ.ศ. - 2498)
ชาวอเมริกัน (พ . ศ 2483 -. 2498)
เชื้อชาติยิวชาวเยอรมัน
วุฒิสูงสุดสูงสุดปริญญาดุษฎีบัณฑิตผู้แต่ง: มหาวิทยาลัยซูริก
เกียรติประวัติรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ประจำความปี พ.ศ. 2464

ไอน์สไตน์เกิดเมื่อวัน ที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1879 ที่เมืองอูล์มประเทศเยอรมนีไอ น์สไตน์เป็นชาวเยอรมัน แต่ก็มีเชื้อสายยิวด้วยบิดาของไอน์สไตน์เป็นเจ้าของร้านจำหน่ายเครื่องยนต์ และสารเคมีชื่อว่าเฮอร์แมนไอ น์สไตน์ (เฮอร์แมนน์สไตน์) ต่อมาเมื่อไอน์สไตน์ อายุได้ 1 ขวบบิดาได้ย้ายไปอยู่ที่เมือง มิวนิคซึ่งคนส่วนใหญ่ในเมืองเป็นชาวยิวเช่นเดียว กับเขาทำให้เขาไม่มีปัญหากับเพื่อนบ้าน ไอน์สไตน์เป็นเด็กที่เงียบขรึมและมักไม่ค่อยชอบออกไปเล่นกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันจนบิดาเข้าใจว่าเขาเป็นคนโง่จึงได้จ้างครูมาสอนพิเศษให้กับไอน์ สไตน์ที่บ้านโดยเฉพาะเรื่อง การพูดถึงแม้ว่าการพูดของเขาจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังเงียบขรึมและไม่ออกไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเช่นเคยเมื่อไอน์สไตน์อายุได้ 5 ขวบบิดาได้ส่งเข้าโรงเรียน ที่ยิมเนเซียม (โรงยิม) นักเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ทั้งหมดเป็นชาว เยอรมันและนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกถึงอย่างนั้นไอน์สไตน์ก็เข้ากับเพื่อนได้ดี แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบมากที่สุดในโรงเรียนก็คือการสอนที่น่า เบื่อหน่ายที่ใช้วิธีการท่องจำเป็น ส่วนใหญ่ซึ่งเป็นวิธีการที่เขาเกลียดที่สุดทำให้ไอน์สไตน์ไม่อยากไปโรงเรียนมารดาจึงหาวิธีแก้ปัญหาให้ไอน์สไตน์โดยการให้เขาเรียนไวโอลินและเปียโนแทน แต่วิชาที่ไอน์สไตน์ ให้ความสนใจมากที่สุดคือคณิตศาสตร์โดยเฉพาะวิชาเรขาคณิตเป็นวิชาที่เขาชอบมากที่สุดทำให้เขาละทิ้งวิชาอื่นยกเว้นวิชาดนตรีและเรียนวิชาอื่นได้แย่มากแม้ว่าจะทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้ดีมาก เขาก็มักจะถูกครูเป็นตำหนิขณะนี้เสมอ

ต่อมาไอน์สไตน์อายุ 15 ปีกิจการโรงงานของพ่อเขาแย่ลง เนื่องจากการรวมตัวของ บริษัท ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าและเคมีหลายแห่งทำให้โรงงานของพ่อเขาไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้ครอบครัว ของเขาต้องย้ายไปอยู่ที่เมือง มิลาน (มิลาน) ประเทศอิตาลี (อิตาลี) แต่ไอน์สไตน์ไม่ได้ ย้ายตามไปด้วยเพราะยังติดเรียนอยู่ แต่ด้วยความที่เขาคิดถึงครอบครัวมากหลังจากนั้นอีก 6 เดือนเขาได้ วางแผนให้แพทย์ออกใบรับรองว่าเขาป่วย เป็นโรคประสาทเพื่อให้เขาได้เดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อิตาลีเมื่อเป็นเช่นนั้นไอน์สไตน์จึงเดินทางไปหาครอบครัวที่มิลาน แต่ก่อนที่เขาจะออกเดินทางเขาได้ขอใบรับรอง ทางการศึกษาเป็นเพื่อสะดวกในห้างหุ้นส่วนจำกัดหัวเรื่อง: การเข้าศึกษาเป็นต่อในห้างหุ้นส่วนจำกัดตำแหน่งที่เคยอื่น
ต่อมาไอน์สไตน์ได้สอบเข้าเรียนต่อวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่วิทยาลัยโปลีเทคนิคเมืองซูริค (สหพันธ์ Poleytechnic ซูริค) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ไอน์ ส ไตน์สอบวิชาคณิตศาสตร์ได้คะแนนดี มากส่วนวิชาชีววิทยาและภาษาได้แย่มากทำให้เขาไม่ได้รับคัดเลือกให้เข้าเรียนในวิทยาลัยแห่งนี้ต่อมาอีก 1 สัปดาห์เขาได้รับจดหมายจากครูใหญ่ วิทยาลัยโปลีเทคนิคได้เชิญเขาไปพบและ แนะนำให้เขาไปเรียนต่อเพื่อให้ ได้ประการศนียบัตรซึ่งสามารถเข้าเรียนต่อวิทยาลัยโปลีเทคนิคได้โดยไม่ต้องสอบหลังจากนั้นเขาจึงเข้าเรียนที่วิทยาลัยของสวิตเซอร์แลนด์ตามหลักสูตร 1 ปีระหว่างนี้เขาได้พัก อาศัยอยู่กับครูผู้หนึ่งที่สอน อยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ไอน์สโตน์รู้สึกชอบวิทยาลัยแห่งนี้มากเพราะการเรียนการสอนเป็นอิสระไม่บังคับและไม่ จำกัด มากจนเกินไปแนวการสอนเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ตาม ความสามารถของตนนอกจากนี้สภาพแวดล้อม ในการเรียนยังดีมากดีด้วยเพราะได้มีการจัดห้องเรียนเฉพาะสำหรับแต่ละวิชาเช่นห้องเรียนภูมิศาสตร์ก็มีภาพแผนที่สถานที่ต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศแขวนไว้โดยรอบห้องส่วนห้อง เคมีก็มีอุปกรณ์ในการทดลองวิทยาศาสตร์ ที่ทันสมัยนอกจากนี้โรงเรียนแห่งนี้ยังมีนักเรียนจำนวนมากทำให้ไอน์สไตน์ไม่รู้สึกว่ามีปมด้อยที่เป็นชาวยิวอีกต่อไปหลังจากที่เขาจบหลักสูตรที่โรงเรียนมัธยม 1 ปีไอน์ สไตน์ได้เข้าเรียนต่อที่วิทยาลัยเทคนิคในห้างหุ้นส่วนจำกัดสาขาวิชาฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ตามที่ได้ตั้งใจไว้

หลังจากจบหัวเรื่อง: การศึกษาเป็นแล้วไอน์สไตน์ได้สมัครงานเข้าทำงานในห้างหุ้นส่วนจำกัดตำแหน่งสมัครคุณผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ผู้แต่ง: มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซูริค แต่ได้รับ การปฏิเสธโดยไม่มีเหตุอันเหมาะสมและ ด้วยความเห็นใจจากศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยซูริคได้ออกใบรับรองผลการศึกษาให้เข้าจากนั้นไอน์สไตน์ได้เริ่มออกหางานทำจากประกาศตามหน้าหนังสือพิมพ์ซึ่งมีประกาศรับอาจารย์หลาย แห่งไอน์สไตน์ได้เข้า รับการสัมภาษณ์ แต่ปรากฏว่าไม่มีสถาบันแห่งใดรับเขาเข้าทำงานเลยแม้แต่สักที่เดียวไอน์สไตน์เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นชาวยิวดังนั้นในปี ค.ศ. 1901 ไอน์สไตน์ได้โอนสัญชาติ เป็นชาวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถทำให้เขาหางานทำได้อยู่ดีในที่สุดไอน์สไตน์ก็ได้งานทำเป็นครูในโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง แต่ทำอยู่ได้เพียงไม่ กี่เดือนก็ถูกไล่ออกจากนั้นไอ น์สไตน์จึงรับจ้างเป็นครูสอนพิเศษตามบ้าน แต่ก็ทำได้ไม่นานก็ถูกพ่อแม่ของเด็กเลิกจ้างเนื่องจากไอน์สไตน์ได้แสดงความผิดเห็นว่าไม่ควรให้เด็กไป เรียนที่โรงเรียนอีกเนื่องจากครูที่โรงเรียน สอนคณิตศาสตร์ในแบบผิด ๆ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่ไอน์สไตน์สอนแม้ว่าเด็ก ๆ จะรักและชอบวิธีการสอนของเขาก็ตามไอน์สไตน์ก็ยังถุดไล่ออกอยู่ดี
ต่อมาในปี ค.ศ. 1902 ไอน์สไตน์ได้เจอกับ เพื่อนเก่าคนหนึ่งได้ฝากงานที่สำนักงานจดทะเบียนสิทธิบัตรที่กรุงเบิร์นถึงแม้ว่าไอน์สไตน์จะไม่ชอบงานที่นี่มากนัก แต่ราย ได้ปีละ 250 ปอนด์ซึ่งทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของ เขาดีขึ้นและมีโอกาสได้พบกับสิ่งประดิษฐ์ที่แปลกใหม่อีกด้วยในระหว่างที่ไอน์สไตน์ทำงานอยู่ที่นี่เขาได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งไปกับการประดิษฐ์ สิ่งของเช่นกันสิ่งประดิษฐ์ที่มีชิ้นแรกของไอน์สไตน์คือเครื่องมือบันทึกหัวเรื่อง: การวัดกระแสคโทรนิค

ในห้างหุ้นส่วนจำกัดปี ค.ศ. 1903 ไอน์สไตน์ได้แต่งงานกับ มิเลวามารีเพื่อนเก่าสมัยเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งเมืองซ
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: