ในงานวิจัยนี้ได้ใช้เหล็กกล้าไรสนิมเกรด AISI 440 C มาทำกระบวนการปรับปุงพื้นผิวด้วยแรงทางกล (Mechanical Surface Treatment) ด้วยกระบวนการรีดผิวเรียบ (Deep Rolling) ที่อุณภูมิห้อง (โดยใช้แรงกดทั้งหมด 4 แรง คือ 0.25 0.5 0.75 และ 1 กิโลนิวตัน (kN), ความเร็วรอบอยู่ที่ 85 รอบต่อนาที (Round Per Minute, rpm))เป็นกระบวนการที่สามารถเพิ่มความเค้นตกค้างแบบกดให้ที่ผิวของชิ้นงาน หลังจากนั้นนำชิ้นงานทั้ง 4 ชิ้น มาวัดค่าความเค้นตกค้างที่ผิวของชิ้นงานโดยใช้เครื่อง X-ray diffraction แล้วก็นำชิ้นงานมาวัดค่าสัญญาณบาร์กเฮาเซนจากเครื่องสัญญาณบาร์กเฮาเซนและจะวัดค่าสัญญาณนั้นที่อุณภูมิห้อง โดยการวัดสัญญาณบาร์กเฮาเซนนั้นจะมาการหาค่าการเปลี่ยนแปลงของความถี่และค่าความต่างศักย์ที่เหมาะสมก่อนที่จะทำการวัด ค่าความต่างศักย์ที่นำมาใข้ในการวัดนั้นจะใช้อยู่ที่ 16 v และค่าความที่นั้นจะใช้อยู่ที่ 360 Hz หลังจากการวัดค่าสัญญาณบาร์กเฮาเซนออกมาแล้วนั้น จึงได้เปรียบเทียบค่าสัญญาณบาร์กเฮาเซนกับค่าความเค้นตกค้างที่วัดได้นั้นมีความสัมพัธ์กันอย่างไร
จากการศึกษาพบว่าในแต่ละจุดที่ทำการรีดผิวเรียบของเหล็กกล้าไร้สนิม AISI 440 C นั้นหลังจากการวัดค่าความเค้นตกค้างจากเครื่อง X-ray diffraction จะมีค่าความเค้นตกค้างที่ผิวที่มากขึ้นตามแรงกดที่กระทำลงไปในตอนกระบวนการรีดผิวเรียบ ค่าความต่างศักย์และค่าความถี่ที่เลือกใช้นั้นเป็นค่าที่เหมาะที่สุดเนื่องจากเป็นค่าที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กที่พอกันรวมถึงสัญญาณบาร์กเฮาเซนที่ได้วัดมานั้นมีความสัมพันธ์ที่ไปในแนวโน้มทางเดียวกันกับค่าของความเค้นตกค้างอีกด้วย ซึ่งค่าสัญญาณที่ได้ออกมานั้นยิ่งบริเวณที่มีค่าความเค้นตกค้างสูงนั้นก็จะมีค่าสัญญาณบาร์กเฮาเซนที่ต่ำกว่า แต่ในบริเวณที่มีค่าความเค้นตกค้างต่ำนั้นจะมีค่าสัญญาณบาร์กเฮาเซนที่สูงขึ้น