คืนวันนั้น ฉันกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต >>>>>วัยเพียง 12 ปี ทำให้ฉันนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน สักพัก >>>>>ฉันก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน >>>>> >>>>>ยายคว้ามือฉันไว้ มือเหยี่วย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก >>>>>สายตายายดุดันแต่เหม่อลอย มองหน้าฉันเหมือนไม่ได้มอง >>>>>ฉันนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา แล้วฟังเรื่องเล่าจากปาก >>>>> >>>>>ยายเล่าว่า สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว >>>>>ฝรั่ง มะม่วงในสวนมาบนเจ้าที่ ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็ก ๆ ในบ้าน >>>>>ไปอยู่ด้วย >>>>> >>>>>ยายถามฉันว่าถ้ายายตายไปแล้ว กลับมารับฉันให้ไปอยู่ในโลกอีกโลก >>>>>ด้วยฉันจะไปกับแกไหม? ฉันหัวเราะในความงมงาย คนแก่ก็อย่างนี้ >>>>>พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ แล้วฉันก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน >>>>> >>>>>ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง... >>>>> >>>>>อีก 7 วันต่อมาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด กลางดึกคืนสุดท้าย ยายลุก >>>>>พรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน ปากตะโกนเสียงแหบว่า ไม่เอา >>>>>ฉันไม่ไป >>>>>ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป แล้วหวีดร้องเหมือนปีศาจ >>>>>ทำให้พ่อกับแม่ >>>>>ของฉันตกใจต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่ >>>>> >>>>>บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ >>>>>และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง >>>>> >>>>>ห่มผ้าให้ยายแล้วฉันก็นอนอยู่ข้าง ๆ ตัวแกสั่นกุกกัก ลองหันไปดู >>>>>ตาแกลืมโพลง >>>>>น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน ตัวเย็นชืด ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ >>>>>ยายก็ไม่ตอบสนอง >>>>> >>>>>ทุกคนรีบมาดูอาการ แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว >>>>> >>>>>หลังคืนสวดศพ 3 วัน ฉันนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน >>>>>ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้านเย็นสบาย >>>>>กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ >>>>>แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน >>>>>น้ำหนักมือ กดลงบนหน้าอกฉันขณะนอนหงาย เสียงแหบแห้งของยายถามฉันช้า >>>>>ๆ >>>>> >>>>>"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..." ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก >>>>> >>>>>"ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..." เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง >>>>> >>>>>น้ำตาไหลอาบแก้ม ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ >>>>>กระท่อนกระแท่นเต็มที >>>>>เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง >>>>>น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ >>>>> >>>>>น้ำหนักยายคงไม่เกิน 45 กิโล แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้ >>>>>ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว >>>>>กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว >>>>>ฉันขอร้องยายว่าอย่าเอาฉันไปเลย >>>>>ให้เวลาอีกนิด >>>>>รอให้ฉันสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ >>>>> >>>>>เสียงยายหัวเราะข้างหู ฉันขนลุกซู่ทั่วตัว >>>>>กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง >>>>>แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย >>>>>ยายหัวเราะหมายถึงว่าตกลง... >>>>> >>>>>เวลาผ่านไปสองปี การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง >>>>>หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อ >>>>>พัฒนาผลการเรียน ฉันลืมเรื่องยายไปเสียสนิท >>>>>มาเมื่อคืนวานฉันปิดไฟนอน >>>>>หลับตาสวดมนต์สามคาบ แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พอลืมตามองเพดาน >>>>>ในห้องมืด หางตาฉันก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้าง ๆ >>>>> >>>>>ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..." เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต >>>>> >>>>>ฉันแทบเป็นบ้า ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง >>>>>ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง >>>>>น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ เปรอะที่นอนเต็มไปหมด กลิ่นเหม็น >>>>>ของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง คราวนี้ยายเอาจริงแน่ >>>>> >>>>>"หนูไม่ไปกับยายหรอก" ฉันส่ายหัว มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ >>>>>ยายนั่งนิ่ง ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองฉันอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ >>>>> >>>>>ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก >>>>>เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกฉันบนเตียง >>>>>มือเหยี่วงุ้มบีบคอและพยายามล้วงเข้าไปในปากฉันเรี่ยวแรงเหมือนผีสิง >>>>>ฉันแทบสู้แกไม่ไหว >>>>> >>>>>"ยาย เอาคนอื่นไปแทนหนูได้ไหม? เอาเพื่อนหนูไปแทนได้ไหมจ๊ะ?" >>>>>ฉันเอ่ยถามทางดวงจิต >>>>>"....................." แกนิ่งเงียบ >>>>>"ยายเอาตัวเพื่อนหนูที่อ่านเมลล์นี้ไปนะ >>>>>ถ้าอ่านเมลล์นี้แล้วไม่ส่งไปให้เพื่อนคนอื่นๆต่อน่ะ >>>>>ตอนกลางคืน เค้านอนหลับ ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน >>>>>กินวิญญาณเค้าเลยนะจ๊ะ ยายจ๋า..." >>>>> >>>>>เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูฉัน... ยาวและนานเหมือนกับว่าสะใจ >>>>>ในข้อเสนอก่อนจะหายตัวไป...