A body of rights, obligations, and

A body of rights, obligations, and remedies that is applied by courts in civil proceedings to provide relief for persons who have suffered harm from the wrongful acts of others. The person who sustains injury or suffers pecuniary damage as the result of tortious conduct is known as the plaintiff, and the person who is responsible for inflicting the injury and incurs liability for the damage is known as the defendant or tortfeasor.
Three elements must be established in every tort action. First, the plaintiff must establish that the defendant was under a legal duty to act in a particular fashion. Second, the plaintiff must demonstrate that the defendant breached this duty by failing to conform his or her behavior accordingly. Third, the plaintiff must prove that he suffered injury or loss as a direct result of the defendant's breach.
The law of torts is derived from a combination of common-law principles and legislative enactments. Unlike actions for breach of contract, tort actions are not dependent upon an agreement between the parties to a lawsuit. Unlike criminal prosecutions, which are brought by the government, tort actions are brought by private citizens. Remedies for tortious acts include money damages and injunctions (court orders compelling or forbidding particular conduct). Tortfeasors are subject to neither fine nor incarceration in civil court.
The word tort comes from the Latin term torquere, which means "twisted or wrong." The English Common Law recognized no separate legal action in tort. Instead, the British legal system afforded litigants two central avenues of redress: Trespass for direct injuries, and actions "on the case" for indirect injuries. Gradually, the common law recognized other civil actions, including Defamation, libel, and slander. Most of the American colonies adopted the English common law in the eighteenth century. During the nineteenth century, the first U.S. legal treatises were published in which a portion of the common law was synthesized under the heading of torts.
Over the last century, tort law has touched on nearly every aspect of life in the United States. In economic affairs, tort law provides remedies for businesses that are harmed by the unfair and deceptive trade practices of a competitor. In the workplace, tort law protects employees from the intentional or negligent infliction of emotional distress. Tort law also helps regulate the environment, providing remedies against both individuals and businesses that pollute the air, land, and water to such an extent that it amounts to a Nuisance.
Sometimes tort law governs life's most intimate relations, as when individuals are held liable for knowingly transmitting communicable diseases to their sexual partners. When a loved one is killed by a tortious act, surviving family members may bring a Wrongful Death action to recover pecuniary loss. Tort law also governs a wide array of behavior in less intimate settings, including the operation of motor vehicles on public roadways.
The law of torts serves four objectives. First, it seeks to compensate victims for injuries suffered by the culpable action or inaction of others. Second, it seeks to shift the cost of such injuries to the person or persons who are legally responsible for inflicting them. Third, it seeks to discourage injurious, careless, and risky behavior in the future. Fourth, it seeks to vindicate legal rights and interests that have been compromised, diminished, or emasculated. In theory these objectives are served when tort liability is imposed on tortfeasors for intentional wrongdoing, Negligence, and ultrahazardous activities.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่างกายสิทธิ หน้าที่ และการเยียวยาที่ใช้ โดยศาลในคดีแพ่งให้บรรเทาผู้ประสบอันตรายจากการกระทำทุจริตของคนอื่น ผู้ค้ำจุนบาดเจ็บ หรือป่วยเสียเงินผลการดำเนินการ tortious เป็นที่รู้จักเป็นโจทก์ และบุคคลที่รับผิดชอบทำการบาดเจ็บ และมีความรับผิดสำหรับความเสียหายที่ เรียกว่าจำเลยหรือ tortfeasorสามองค์ประกอบต้องมีสร้างในทุกการกระทำละเมิด ครั้งแรก โจทก์ต้องสร้างจำเลยถูกภายใต้หน้าที่ตามกฎหมายให้ดำเนินการในรูปแบบเฉพาะ ที่สอง โจทก์ต้องแสดงให้เห็นว่า จำเลยละเมิดภาษีนี้โดยสอดคล้องกับลักษณะการทำงานของเขา หรือเธอให้เหมาะสม ที่สาม โจทก์ต้องพิสูจน์ว่า เขาได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียเป็นผลโดยตรงของการละเมิดของจำเลยกฎหมายละเมิดจากมาจากการรวมกันของหลักการ common-law และจงปฏิบัติ ซึ่งแตกต่างจากการดำเนินการสำหรับการละเมิดสัญญา ละเมิดการกระทำไม่ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างการคดี ซึ่งแตกต่างจากอาชญากรรมสมานฉันท์ ซึ่งจะนำ โดยรัฐบาล การกระทำละเมิดจะส่งมาจากประชาชน เยียวยาการกระทำ tortious รวมเงินค่าเสียหายและ injunctions (ศาลสั่งที่น่าสนใจ หรือห้ามปรามทำพฤติกรรมใด) Tortfeasors อยู่ไม่ปรับหรือลงโทษในศาลแพ่งละเมิดคำที่มาจากการ torquere คำละติน ซึ่งหมายความว่า "บิด หรือไม่ถูกต้อง" กฎหมายทั่วไปภาษาอังกฤษรู้จักไม่ดำเนินการตามกฎหมายแยกต่างหากในสิทธิ แทน ระบบกฎหมายอังกฤษ afforded litigants สองลู่ทางศูนย์กลางของการดำเนิน: รุกรานการบาดเจ็บโดยตรง การดำเนินการ "ในกรณี" การบาดเจ็บทางอ้อม ค่อย ๆ กฎหมายทั่วไปรับรู้การดำเนินการทางแพ่งอื่น ๆ หมิ่นประมาท หมิ่น และป้ายสี ส่วนใหญ่ของอาณานิคมอเมริกันนำกฎหมายทั่วไปอังกฤษในศตวรรษที่สิบแปด ในช่วงศตวรรษที่สิบเก้า treatises กฎหมายสหรัฐฯ แรกถูกประกาศในส่วนของกฎหมายทั่วไปถูกสังเคราะห์ในหัวข้อของการละเมิดจากกว่าศตวรรษที่ผ่านมา ละเมิดกฎหมายได้สัมผัสในเกือบทุกด้านของชีวิตในสหรัฐอเมริกา ในเรื่องเศรษฐกิจ กฎหมายละเมิดให้เยียวยาธุรกิจที่อันตราย โดยการปฏิบัติธรรม และหลอกลวงของคู่แข่ง ในที่ทำงาน พนักงานช่วยปกป้องละเมิดกฎหมายจาก infliction ตั้งใจ หรือมรณกรรมของความทุกข์ทางอารมณ์ ละเมิดกฎหมายช่วยควบคุมสภาพแวดล้อม ให้เยียวยากับทั้งบุคคลและธุรกิจที่ก่อให้เกิดมลพิษอากาศ ที่ดิน และน้ำถึงขนาด ว่า มันจำนวนความรำคาญบางครั้งละเมิดกฎหมายควบคุมความสัมพันธ์ใกล้ชิดที่สุดของชีวิต เป็นเมื่อบุคคลมีผิดเจตนาส่งโรคเพื่อพันธมิตรทางเพศ เมื่อรักหนึ่งถูกฆ่าตาย โดยการกระทำ tortious รอดตายสมาชิกในครอบครัวอาจนำการตายผิดศีลธรรมดำเนินการกู้คืนขาดทุนเงิน ละเมิดกฎหมายยังควบคุมลักษณะการทำงานในการตั้งค่าใกล้ชิดน้อยลง รวมทั้งการดำเนินงานของยานพาหนะบนภูเขาสาธารณะมากมายกฎหมายละเมิดจากมีวัตถุประสงค์ 4 ครั้งแรก มันพยายามชดเชยเหยื่อการบาดเจ็บที่ได้รับโดยการกระทำที่น่าตำหนิหรือมาของผู้อื่น ที่สอง มันพยายามที่จะเปลี่ยนต้นทุนของการบาดเจ็บดังกล่าวไปยังบุคคลหรือบุคคลที่รับผิดชอบตามกฎหมายที่ทำให้ ที่สาม มันพยายามกีดกันลักษณะการทำงานอันตราย ประมาท และมีความเสี่ยงในอนาคต สี่ มันพยายามพิสูจน์ตนสิทธิทางกฎหมายและผลประโยชน์ที่ถูกโจมตี ลดลง หรือ emasculated ในทฤษฎี วัตถุประสงค์เหล่านี้มีบริการเมื่อความรับผิดละเมิดจะเก็บ tortfeasors สำหรับผลการสอบสวนโดยเจตนา ประมาท และกิจกรรม ultrahazardous

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่างกายของสิทธิภาระหน้าที่และการเยียวยาที่ถูกนำไปใช้โดยศาลในการดำเนินคดีทางแพ่งเพื่อให้บรรเทาสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอันตรายจากการกระทำที่ผิดพลาดของคนอื่น ๆ คนที่รับบาดเจ็บหรือได้รับความทุกข์ความเสียหายทางการเงินเป็นผลมาจากการดำเนินการทางแพ่งที่เป็นที่รู้จักกันเป็นโจทก์และบุคคลที่มีหน้าที่ในการก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเกิดความรับผิดสำหรับความเสียหายที่เป็นที่รู้จักกันเป็นจำเลยหรือ tortfeasor.
สามองค์ประกอบจะต้องจัดตั้งขึ้น ในการกระทำละเมิดทุก ครั้งแรกที่โจทก์จะต้องสร้างที่จำเลยอยู่ภายใต้หน้าที่ตามกฎหมายที่จะทำหน้าที่ในแฟชั่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประการที่สองโจทก์จะต้องแสดงให้เห็นว่าจำเลยละเมิดหน้าที่นี้โดยไม่เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของเขาหรือเธอตาม ประการที่สามโจทก์จะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือสูญเสียเป็นผลโดยตรงของการละเมิดของจำเลย.
กฎหมายของวินาศภัยที่ได้มาจากการรวมกันของหลักการทั่วไปของกฎหมายและจงนิติบัญญัติ ซึ่งแตกต่างจากการกระทำละเมิดสัญญาการกระทำละเมิดไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายที่จะฟ้อง ซึ่งแตกต่างจากการฟ้องร้องทางอาญาซึ่งจะถูกนำโดยรัฐบาลดำเนินการละเมิดจะถูกนำโดยประชาชนภาคเอกชน การเยียวยาทางแพ่งสำหรับการกระทำรวมถึงความเสียหายเงินและคำสอน (คำสั่งศาลที่น่าสนใจหรือห้ามการดำเนินการโดยเฉพาะ) Tortfeasors อาจมีการปรับค่ามิได้ถูกตัดสินจำคุกในศาลพลเรือน.
ละเมิดคำที่มาจากภาษาละติน torquere ซึ่งหมายความว่า "บิดหรือผิด." กฎหมายภาษาอังกฤษได้รับการยอมรับไม่ดำเนินการตามกฎหมายที่แยกต่างหากในการละเมิด แต่ระบบกฎหมายอังกฤษอึดคู่สองลู่ทางกลางของการแก้ไข: Trespass สำหรับการบาดเจ็บโดยตรงและการกระทำ "ในกรณี" สำหรับการบาดเจ็บทางอ้อม ค่อยๆกฎหมายได้รับการยอมรับการกระทำของพลเรือนอื่น ๆ รวมทั้งใส่ร้ายหมิ่นประมาทและใส่ร้าย ส่วนใหญ่ของอาณานิคมอเมริกันนำกฎหมายอังกฤษในศตวรรษที่สิบแปด ในช่วงศตวรรษที่สิบเก้าแรกบทความทางกฎหมายของสหรัฐถูกตีพิมพ์ในซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายถูกสังเคราะห์ภายใต้หัวข้อวินาศภัยได้.
กว่าศตวรรษที่ผ่านมาละเมิดกฎหมายได้สัมผัสในเกือบทุกแง่มุมของชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ในกิจการทางเศรษฐกิจละเมิดกฎหมายให้การเยียวยาสำหรับธุรกิจที่จะได้รับอันตรายจากการปฏิบัติที่เป็นธรรมทางการค้าและหลอกลวงของคู่แข่ง ในสถานที่ทำงานละเมิดกฎหมายปกป้องพนักงานจากจงใจสร้างความเสียหายหรือประมาทของความทุกข์ทางอารมณ์ ละเมิดกฎหมายนอกจากนี้ยังช่วยควบคุมสภาพแวดล้อมให้การเยียวยากับบุคคลและธุรกิจที่ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ, ที่ดิน, และน้ำดังกล่าวเท่าที่มันจะมีจำนวนรำคาญ.
บางครั้งการละเมิดกฎหมายควบคุมความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดที่สุดของชีวิตเช่นเมื่อบุคคลที่รับผิดชอบ รู้เท่าทันโรคติดต่อส่งไปยังคู่ค้าทางเพศ เมื่อคนที่คุณรักถูกฆ่าตายโดยการกระทำละเมิดหญิงสมาชิกในครอบครัวอาจนำมาซึ่งการกระทำตายผิดศีลธรรมในการกู้คืนการสูญเสียทางการเงิน ละเมิดกฎหมายควบคุมการที่หลากหลายของพฤติกรรมในการตั้งค่าที่ใกล้ชิดน้อยรวมทั้งการดำเนินงานของยานพาหนะบนถนนสาธารณะ.
กฎหมายของวินาศภัยทำหน้าที่เป็นสี่วัตถุประสงค์ ครั้งแรกก็พยายามที่จะชดเชยเหยื่อได้รับบาดเจ็บได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำที่น่าตำหนิหรือเพิกเฉยของคนอื่น ๆ ประการที่สองมันพยายามที่จะเปลี่ยนค่าใช้จ่ายของการบาดเจ็บดังกล่าวไปยังบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีความถูกต้องตามกฎหมายที่รับผิดชอบในการก่อให้เกิดพวกเขา ประการที่สามมันพยายามที่จะกีดกันอันตรายประมาทและมีความเสี่ยงพฤติกรรมในอนาคต ประการที่สี่มันพยายามที่จะแสดงให้เห็นถึงสิทธิตามกฎหมายและผลประโยชน์ที่ได้รับการโจมตีลดลงหรือ emasculated ในทางทฤษฎีวัตถุประสงค์เหล่านี้จะได้รับเมื่อความรับผิดละเมิดจะถูกกำหนดไว้สำหรับการกระทำผิดกฎหมาย tortfeasors จงใจประมาทและกิจกรรม ultrahazardous