Assessment of clinical skills or co

Assessment of clinical skills or competence is a challenge by any means,
but certainly some skills can be better assessed using CAI than they can by
written examination, particularly skills that are taught using CAI. Maleck
et al. (2001) showed that students perform better when the method of
assessment most closely matches the type of learning. An objective structured
clinical exam (OSCE) can be developed in a computerized format to assess
communication skills (Hulsman, Mollema, Hoos, de Haes, & DonnisonSpeijer, 2004), physical exam skills (Karnath, Thornton, & Frye, 2002),
evidence-based medicine skills (Fliegel, Frohna, & Mangrulkar, 2006), or
even clinical reasoning (Fischer, Kopp, Holzer, Ruderich, & Junger, 2005).
Individualized learning plans are currently a requirement in graduate medical
education, but the same idea can be useful for students, particularly marginal
students or students in need of remediation. The ‘‘programmed learning’’
that can be created with CAI is particularly valuable for this purpose.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การประเมินทักษะทางคลินิกหรือความสามารถเป็นความท้าทายก็แต่ทักษะบางอย่างแน่นอนสามารถมีดีกว่าประเมินโดยใช้ CAI กว่าที่ทำได้โดยสอบข้อเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่ได้รับการสอนโดยใช้ CAI Malecket al. (2001) พบว่า นักเรียนทำดียิ่งขึ้นเมื่อวิธีการประเมินตรงกับชนิดของการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ของการจัดโครงสร้างสอบทางคลินิก (OSCE) สามารถที่จะพัฒนาในรูปแบบระบบการประเมินทักษะการสื่อสาร (Hulsman, Mollema, Hoos, de Haes, & DonnisonSpeijer, 2004), ทักษะการตรวจร่างกาย (Karnath, Thornton, & ฟราย 2002),ตามหลักฐานแพทย์ทักษะ (Fliegel, Frohna, & Mangrulkar, 2006), หรือเหตุผลทางคลินิกแม้ (Fischer, Kopp, Holzer, Ruderich, & Junger, 2005)แผนการเรียนรู้เป็นรายบุคคลอยู่ในขณะนี้ความต้องการในระดับบัณฑิตศึกษาทางการแพทย์การศึกษา แต่ความคิดเดียวกันจะมีประโยชน์สำหรับนักเรียน ร่อแร่โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนหรือนักศึกษาความต้องการด้าน การ ''โปรแกรมการเรียนรู้ ''ที่สามารถสร้างด้วย CAI เป็นสำหรับวัตถุประสงค์นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประเมินทักษะทางคลินิกหรือความสามารถเป็นสิ่งที่ท้าทายโดยวิธีการใด ๆ
แต่แน่นอนทักษะบางอย่างสามารถประเมินได้ดีกว่าการใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกว่าที่พวกเขาสามารถโดยการ
สอบข้อเขียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่ได้รับการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน Maleck
et al, (2001) แสดงให้เห็นว่านักเรียนทำงานได้ดีขึ้นเมื่อวิธีการ
ประเมินผลอย่างใกล้ชิดที่สุดตรงกับประเภทของการเรียนรู้ วัตถุประสงค์โครงสร้าง
สอบทางคลินิก (OSCE) สามารถที่จะพัฒนาในรูปแบบคอมพิวเตอร์เพื่อประเมิน
ทักษะการสื่อสาร (Hulsman, Mollema, Hoos เด Haes และ DonnisonSpeijer, 2004), ทักษะการสอบทางกายภาพ (Karnath, ทอร์นตันและฟราย, 2002),
หลักฐาน ทักษะชั่นยา (Fliegel, Frohna และ Mangrulkar 2006) หรือ
แม้กระทั่งเหตุผลทางคลินิก (ฟิชเชอร์คอพพ์ Holzer, Ruderich และ Junger, 2005).
แผนการเรียนรู้รายบุคคลมีอยู่ในปัจจุบันความต้องการทางการแพทย์ในระดับบัณฑิตศึกษา
การศึกษา แต่ความคิดเดียวกัน จะมีประโยชน์สำหรับนักเรียนโดยเฉพาะอย่างยิ่งร่อแร่
นักเรียนหรือนักศึกษาในความต้องการของการฟื้นฟู 'การเรียนรู้โปรแกรม' '
ที่สามารถสร้างขึ้นด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่มีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับวัตถุประสงค์นี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประเมินทักษะทางคลินิกและความสามารถเป็นท้าทายโดยวิธีใดแต่ก็มีทักษะที่สามารถประเมินโดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ดีขึ้นกว่าที่พวกเขาสามารถโดยสอบข้อเขียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะที่ได้รับการสอนโดยใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน malecket al . ( 2001 ) พบว่า นักเรียนแสดงขึ้นเมื่อวิธีการประเมินส่วนใหญ่ตรงกับประเภทของการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ โครงสร้างการสอบทางคลินิก ( การประชุม ) สามารถพัฒนาในรูปแบบคอมพิวเตอร์เพื่อประเมินทักษะการสื่อสาร ( hulsman mollema ว ฮูว เดอ ฮึส , , , และ donnisonspeijer , 2004 ) , ทักษะการตรวจร่างกาย ( karnath ธอร์นตัน และ ฟราย , 2002 )หลักฐานที่ใช้ทักษะการแพทย์ ( fliegel frohna , และ mangrulkar , 2006 ) หรือแม้การใช้เหตุผลทางคลินิก ( ฟิชเชอร์ คอปป์โฮลเซอร์ ruderich , , , และ จังเกอร์ , 2005 )แผนการเรียนรู้รายบุคคล ปัจจุบันมีความต้องการในการศึกษาทางการแพทย์การศึกษา แต่ความคิดที่เหมือนกันสามารถเป็นประโยชน์สำหรับนักเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่อแร่นักเรียนหรือนักศึกษาที่ต้องการความช่วยเหลือ " "programmed เรียน " "ที่สามารถสร้างขึ้นด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีคุณค่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับวัตถุประสงค์นี้