Caribbean coral reefs ‘will be lost

Caribbean coral reefs ‘will be lost within 20 years’ without protection
Most Caribbean coral reefs will disappear within the next 20 years unless action is taken to protect them, primarily due to the decline of grazers such as sea urchins and parrotfish, HYPERLINK "http://www.iucn.org/?16050"a new report has warned. A comprehensive analysis by 90 experts of more than 35,000 surveys conducted at nearly 100 Caribbean locations since 1970 shows that the region’s corals have declined by more than 50%.But restoring key fish populations and improving protection from overfishing and pollution could help the reefs recover and make them more resilient to the impacts of climate change, according to the study from the Global Coral Reef Monitoring Network, the International Union for Conservation of Nature and the United Nations Environment Programmed.While climate change and the resulting ocean acidification and coral bleaching does pose a major threat to the region, the report – Status and Trends of Caribbean Coral Reefs: 1970-2012 – found that local pressures such as tourism, overfishing and pollution posed the biggest problems. And these factors have made the loss of the two main grazer species, the parrotfish and sea urchin, the key driver of coral decline in the Caribbean.
Grazers are important fish in the marine ecosystem as they eat the algae that can smother corals. An unidentified disease led to a HYPERLINK "http://www.pnas.org/content/98/9/4822.long"mass mortality of the sea urchin in 1983 and HYPERLINK "http://www.nsf.gov/news/news_summ.jsp?cntn_id=130507"overfishing throughout the 20th century has brought the parrotfish population to the brink of extinction in some regions, according to the report. Reefs where parrotfish are not protected have suffered significant declines, including Jamaica, the entire Florida reef tract from Miami to Key West, and the US Virgin Islands. At the same time, the report showed that some of the healthiest Caribbean coral reefs are those that are home to big populations of grazing parrotfish. These include the US Flower Garden Banks national marine sanctuary in the northern Gulf of Mexico, Bermuda and Bonaire – all of which have restricted or banned fishing practices that harm parrotfish. The Caribbean is home to 9% of the world’s coral reefs, but only HYPERLINK "http://www.theguardian.com/environment/2013/aug/01/caribbean-coral-reef-loss"around one-sixth of the original coral cover remains. The reefs, which span 38 countries, are vital to the region’s economy and support the more than 43 million people, generating more than US$3bn annually from tourism and fisheries and much more in other goods and services. According to the authors, restoring parrotfish populations and improving other management strategies could help the reefs recover. “The rate at which the Caribbean corals have been declining is truly alarming,” said Carl GustafLundin, director of IUCN’s global marine and polar programme. “But this study brings some very encouraging news: the fate of Caribbean corals is not beyond our control and there are some very concrete steps that we can take to help them recover.” Reefs that are protected from overfishing, as well as other threats such as excessive coastal pollution, tourism and coastal development, are more resilient to pressures from climate change, according to the authors. “Even if we could somehow make climate change disappear tomorrow, these reefs would continue their decline,” said Jeremy Jackson, lead author of the report and IUCN’s senior adviser on coral reefs. “We must immediately address the grazing problem for the reefs to stand any chance of surviving future climate shifts.”

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ปะการังแคริบเบียนที่ 'จะหายไปภายใน 20 ปี' โดยไม่ป้องกันสุดแคริบเบียนปะการังจะหายไปภายใน 20 ปีถัดไปเว้นแต่การดำเนินการเพื่อปกป้องพวกเขา เป็นหลักเนื่องจากการลดลงของ grazers urchins ทะเลและปลานกแก้ว ได้เตือนการเชื่อมโยงหลายมิติ "http://www.iucn.org/?16050" รายงานใหม่ การวิเคราะห์ที่ครอบคลุม โดยผู้เชี่ยวชาญที่ 90 ของการสำรวจมากกว่า 35000 ดำเนินในสถานแคริบเบียนเกือบ 100 ตั้งแต่ 1970 แสดงว่า แนวปะการังในภูมิภาคนี้ได้ปฏิเสธ โดยมากกว่า 50%แต่ฟื้นฟูประชากรปลาหลัก และปรับปรุงระบบป้องกันมลพิษและการ overfishing สามารถช่วยกู้คืน และทำให้ความยืดหยุ่นมากขึ้นผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลการวิจัยจากทั่วโลกปะการังตรวจสอบเครือข่าย ยู เนียนอินเตอร์เนชั่นแนลการอนุรักษ์ธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Programmed.While สิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ และยูโอเชี่ยนผลลัพธ์แนวปะการัง และปะการังฟอกสีก่อให้เกิดภัยคุกคามภูมิภาครายงาน – สถานะและแนวโน้มของคาริเบียนปะการัง: 1970-2012 – พบว่า ความดันภายในเช่นท่องเที่ยว overfishing และมลภาวะให้เกิดปัญหาที่ใหญ่ที่สุด และปัจจัยเหล่านี้ทำให้สูญเสียสปีชีส์ grazer หลักสอง ปลานกแก้ว และ ปลิงทะเล ไดรเวอร์หลักของแนวปะการังลดลงในคาริเบียนGrazers เป็นปลาสำคัญในระบบนิเวศทางทะเล ตามที่พวกเขากินสาหร่ายที่สามารถดับแนวปะการัง โรคที่ไม่นำไปสู่การตายโดยรวม "http://www.pnas.org/content/98/9/4822.long" เชื่อมโยงหลายมิติของปลิงทะเลใน 1983 และเชื่อมโยงหลายมิติ "http://www.nsf.gov/news/news_summ.jsp?cntn_id=130507" overfishing ตลอดศตวรรษ 20 ได้นำนกแก้วประชากรต้องสูญพันธุ์ในบางภูมิภาค รายงานการ ปะการังที่นกแก้วไม่มีป้องกันได้รับความเดือดร้อนสำคัญลดอัตรา จาเมกา ทั้งฟลอริด้ารีฟทางเดินจากไมอามี่ไปคีย์เวสต์ และเราหมู่เกาะเวอร์จิน ในเวลาเดียวกัน รายงานแสดงให้เห็นว่า บางหนีจากแคริบเบียนปะการังจะเป็นบ้านขนาดใหญ่ประชากรของนกแก้ว grazing เหล่านี้รวมพันธุ์สัตว์น้ำแห่งชาติธนาคารสวนดอกไม้เราเหนืออ่าวเม็กซิโก เบอร์มิวดา และโบ แนร์ของมีจำกัด หรือห้ามปฏิบัติประมงที่เป็นอันตรายต่อปลานกแก้ว คาริเบียนเป็นบ้าน 9% ของปะการังในโลก แต่เฉพาะยังคงครอบคลุมเชื่อมโยงหลายมิติ "http://www.theguardian.com/environment/2013/aug/01/caribbean-coral-reef-loss" สถานหนึ่งหกของปะการังเดิม แนวปะการัง ซึ่งครอบคลุมประเทศ 38 มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาค และสนับสนุนมากกว่า 43 ล้านคน สร้างมากกว่าสหรัฐอเมริกา $3bn ปีท่องเที่ยวและการประมง และ ในสินค้าและบริการอื่น ๆ อีกมากมาย ตามผู้เขียน ฟื้นฟูประชากรนกแก้ว และปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการอื่น ๆ สามารถช่วยกู้คืนแนวปะการัง "อัตราที่ปะการังแคริบเบียนมีการปฏิเสธอย่างรุนแรง, " กล่าวว่า Carl GustafLundin กรรมการของเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติทางทะเลระดับโลกและขั้วโลกโปรแกรม " แต่การศึกษานี้นำข่าวบางมากนิมิต: ชะตากรรมของคาริบเบียนปะการังไม่ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และมีบางขั้นตอนคอนกรีตมากที่เราสามารถใช้เพื่อช่วยในการกู้คืน" แนวปะการังที่มีป้องกันจาก overfishing และภัยคุกคามอื่น ๆ เช่นมลภาวะชายฝั่งมากเกินไป ท่องเที่ยว และการ พัฒนาชายฝั่งทะเล ได้ยืดหยุ่นมากขึ้นความดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามผู้เขียน "แม้ว่าเราจะทำให้เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่หายไปวันพรุ่งนี้อย่างใด ปะการังเหล่านี้จะดำเนินต่อการปฏิเสธของพวกเขา กล่าวว่า เจเรมี Jackson ผู้เขียนนำรายงานและที่ปรึกษาอาวุโสของเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติบนปะการัง "เราต้องทันทีปัญหา grazing สำหรับปะการังที่ยืนมีโอกาสรอดกะสภาพภูมิอากาศในอนาคต"

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แนวปะการังแคริบเบียน 'จะหายไปภายใน 20 ปีโดยไม่มีการป้องกัน
แนวปะการังส่วนใหญ่แคริบเบียนจะหายไปภายในต่อไป 20 ปีเว้นแต่จะได้รับการดำเนินการเพื่อปกป้องพวกเขาส่วนใหญ่เนื่องจากการลดลงของกินหญ้าเช่นเม่นทะเลและนกแก้ว, HYPERLINK "http: //www.iucn.org/?16050"a รายงานใหม่ได้เตือน การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมโดย 90 ผู้เชี่ยวชาญกว่า 35,000 สำรวจที่จัดทำเกือบ 100 สถานที่แคริบเบียนตั้งแต่ปี 1970 แสดงให้เห็นว่าแนวปะการังของภูมิภาคนี้ได้ลดลงมากกว่า 50% แต่การฟื้นฟูประชากรปลาที่สำคัญและการปรับปรุงการป้องกันจาก overfishing และมลพิษจะช่วยให้แนวปะการังฟื้นตัว ทำให้พวกเขามีความยืดหยุ่นมากขึ้นในผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามการศึกษาจากเครือข่ายตรวจสอบแนวปะการังทั่วโลกที่สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ Programmed.While และกรดในมหาสมุทรที่เกิดปะการังฟอกขาวและไม่ก่อให้เกิด ภัยคุกคามที่สำคัญในภูมิภาครายงาน - สถานะและแนวโน้มของแคริบเบียนปะการัง: 1970-2012 - พบว่าแรงกดดันในท้องถิ่นเช่นการท่องเที่ยว overfishing และมลพิษที่เกิดปัญหาที่ใหญ่ที่สุด และปัจจัยเหล่านี้ได้ทำให้การสูญเสียของทั้งสองสายพันธุ์หญ้าหลัก, นกแก้วและเม่นทะเล, ปัจจัยสำคัญของการลดลงปะการังในทะเลแคริบเบียน.
กินหญ้าเป็นปลาที่มีความสำคัญในระบบนิเวศทางทะเลที่พวกเขากินสาหร่ายที่สามารถกลบปะการัง โรคที่ไม่ปรากฏชื่อนำไปสู่การเชื่อมโยงหลายมิติ "http://www.pnas.org/content/98/9/4822.long"mass การตายของเม่นทะเลในปี 1983 และ HYPERLINK" http://www.nsf.gov/news /news_summ.jsp?cntn_id=130507"overfishing ตลอดศตวรรษที่ 20 ได้นำประชากรนกแก้วที่จะสูญพันธุ์ในบางภูมิภาคตามรายงาน แนวปะการังที่นกแก้วไม่ได้ป้องกันได้รับความเดือดร้อนลดลงอย่างมีนัยสำคัญรวมทั้งจาไมก้าทั้งระบบทางเดินแนวปะการังจากไมอามี่ฟลอริด้าคีย์เวสต์และหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกันรายงานแสดงให้เห็นว่าบางส่วนของแนวปะการังในทะเลแคริบเบียนที่ดีต่อสุขภาพเป็นคนที่มีบ้านใหญ่ของประชากรนกแก้วทุ่งเลี้ยงสัตว์ เหล่านี้รวมถึงสวนดอกไม้สหรัฐธนาคารสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางทะเลแห่งชาติในภาคเหนือของอ่าวเม็กซิโกและเบอร์มิวดาโบแนร์ - ซึ่งทั้งหมดได้ถูก จำกัด หรือห้ามการประมงที่เป็นอันตรายต่อนกแก้ว แคริบเบียนเป็นบ้านที่ 9% ของโลกแนวปะการัง แต่ HYPERLINK "http://www.theguardian.com/environment/2013/aug/01/caribbean-coral-reef-loss"around หนึ่งในหกของเดิม ปกซากปะการัง แนวปะการังซึ่งครอบคลุม 38 ประเทศมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคและสนับสนุนมากกว่า 43 ล้านคนสร้างมากกว่า US $ 3bn ปีจากการท่องเที่ยวและการประมงและอื่น ๆ อีกมากมายในสินค้าและบริการอื่น ๆ ตามที่ผู้เขียน, ฟื้นฟูประชากรนกแก้วและการปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการอื่น ๆ ที่จะช่วยให้แนวปะการังฟื้นตัว "อัตราที่ปะการังแคริบเบียนได้รับการลดลงเป็นที่น่ากลัวอย่างแท้จริง" คาร์ล GustafLundin ผู้อำนวยการของทางทะเลทั่วโลกของ IUCN และโปรแกรมขั้วโลกกล่าวว่า "แต่การศึกษานี้จะนำบางข่าวที่ให้กำลังใจมาก: ชะตากรรมของปะการังแคริบเบียนไม่ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเราและมีบางขั้นตอนที่เป็นรูปธรรมมากที่เราสามารถใช้เพื่อช่วยให้พวกเขากู้คืน." แนวปะการังที่ได้รับความคุ้มครองจากการตกปลามากเกินไปเช่นเดียวกับภัยคุกคามอื่น ๆ เช่น เป็นมลพิษชายฝั่งทะเลมากเกินไป, การท่องเที่ยวและการพัฒนาชายฝั่งทะเลที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศตามที่ผู้เขียน "แม้ว่าพวกเราก็จะทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหายไปในวันพรุ่งนี้แนวปะการังเหล่านี้จะยังคงปรับตัวลดลงของพวกเขา" เจเรมีแจ็คสันผู้เขียนนำการรายงานและที่ปรึกษาอาวุโสของ IUCN ในแนวปะการังกล่าวว่า "เราจะต้องแก้ไขปัญหาทุ่งเลี้ยงสัตว์สำหรับแนวที่จะยืนโอกาสในการอยู่รอดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศในอนาคตใด ๆ ."

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แคริบเบียนปะการังจะหายไปภายใน 20 ปี โดยไม่มีการคุ้มครองแนวปะการังแคริบเบียน
ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 20 ปี เว้นแต่การกระทำไปเพื่อปกป้องพวกเขา , หลักเนื่องจากการลดลงของ grazers เช่นเม่นทะเล และปลานกแก้ว เชื่อมโยงหลายมิติ " http://www.iucn.org/ ? 16050 " รายงานใหม่ได้เตือน การวิเคราะห์ที่ครอบคลุมโดย 90 ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 35000 การสำรวจเกือบ 100 แคริบเบียนสถานที่ตั้งแต่ปี 1970 พบว่าภูมิภาคของปะการังได้ลดลงมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่การฟื้นฟูประชากรปลาที่สำคัญและการปรับปรุงการป้องกันจาก overfishing และมลภาวะช่วยให้ปะการังฟื้นตัว และทำให้พวกเขายืดหยุ่นมากขึ้นต่อผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , ตามการศึกษาจากทั่วโลกเครือข่ายการตรวจสอบแนวปะการัง ,สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสหประชาชาติโปรแกรม ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและมหาสมุทร acidification ปะการังฟอกขาวที่เกิดและไม่ก่อให้เกิดภัยคุกคามที่สำคัญในภูมิภาค รายงานสถานะและแนวโน้มของแคริบเบียน และปะการัง 1970-2012 –พบว่าแรงกดดันในประเทศ เช่น การท่องเที่ยว , overfishing และมลพิษที่เกิดปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและปัจจัยเหล่านี้ได้ทำให้ขาดทุนหลักสองชนิด grazer หอยเม่นทะเล , ปลานกแก้ว , ไดรเวอร์ที่สำคัญของปะการังลดลงในแคริบเบียน .
grazers เป็นปลาที่สำคัญในระบบนิเวศทางทะเลอย่างกินสาหร่ายที่สามารถปกคลุมปะการัง โรคที่ทำให้เชื่อมโยงหลายมิติ " http : / / www.pnas . org / เนื้อหา / 98 / 9 / 4822 . อัตราการตายของมวลยาว " ของหอยเม่นในปี 1983 และ / / www.nsf.gov/news/news_summ.jsp ? cntn_id = 130507 " overfishing ตลอดศตวรรษที่ 20 ทำให้ประชากรปลานกแก้วจะสูญพันธุ์ในบางภูมิภาค , ตามรายงาน . แนวปะการังที่ปลานกแก้วไม่ได้ป้องกันได้ลดลงอย่างมีนัยสําคัญ ได้แก่ จาไมก้า ทั้งฟลอริด้าแนวทางเดินจากไมอามี่เพื่อคีย์เวสต์และสหรัฐอเมริกาหมู่เกาะเวอร์จิน . ใน เวลาเดียวกันรายงานแสดงให้เห็นว่าบางส่วนของสุขภาพแคริบเบียนปะการังที่เป็นบ้านของประชากรใหญ่ของแทะไอ้ปลานกแก้ว เหล่านี้รวมถึงสหรัฐอเมริกาธนาคารสวนดอกไม้ National Marine Sanctuary ในอ่าวทางตอนเหนือของเม็กซิโก และเบอร์มิวดาแนร์–ทั้งหมดที่มี จำกัด หรือห้ามปฏิบัติของชาวประมงที่ทำร้ายไอ้ปลานกแก้ว คาริเบียนบ้าน 9% ของแนวปะการังของโลกแต่จาก " http : / / www.theguardian . com / สิ่งแวดล้อม / 2013 / ส.ค. / 01 / แคริบเบียนปะการังขาดทุน " รอบหนึ่งที่หกของปกปะการังเดิมยังคงอยู่ แนวปะการัง ซึ่งครอบคลุม 38 ประเทศ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของภูมิภาคและสนับสนุนมากกว่า 43 ล้านคน และสร้างมากกว่า $ 3bn เป็นรายปีจากการท่องเที่ยวและการประมง และอีกมากมาย สินค้าและบริการอื่น ๆตามที่ผู้เขียน , การฟื้นฟูประชากรปลานกแก้ว และปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการอื่น ๆอาจช่วยให้ปะการังฟื้นตัว " อัตราที่แคริบเบียนปะการังได้รับลดลงเป็นที่น่ากลัวอย่างแท้จริง " คาร์ล gustaflundin , ผู้อำนวยการของ IUCN ทั่วโลกทางทะเลและขั้วโลก ) " แต่ครั้งนี้ ทำให้มีกำลังใจมากข่าวชะตากรรมของปะการังแคริบเบียนไม่ได้อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา และมีบางขั้นตอนคอนกรีตที่เราสามารถใช้เพื่อช่วยให้พวกเขาฟื้น " แนวปะการังที่ได้รับความคุ้มครองจาก overfishing ตลอดจนภัยคุกคามอื่น ๆ เช่น เกินชายฝั่ง มลพิษ การท่องเที่ยว และการพัฒนาชายฝั่ง ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ตามผู้เขียน" ถ้าเราสามารถทำให้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหายไปในวันพรุ่งนี้ แนวปะการังเหล่านี้จะยังคงลดลงของพวกเขา , " กล่าวว่า เจเรมี่ แจ็คสัน , ผู้เขียนหลักของรายงานและที่ปรึกษาอาวุโสของ IUCN ในแนวปะการัง " เราต้องรีบแก้ไขปัญหาให้แทะปะการังยืนโอกาสที่จะรอดกะสภาพอากาศในอนาคต "