Pregnancy can have important effect

Pregnancy can have important effects on oral health and pregnant women are a population
group requiring special attention with regard to their oral health and their babies‟ health.
International research shows that oral health care for pregnant women has been inadequate,
especially in relation to education and health promotion and there is some evidence of
disparities by SES and ethnicity. Improving oral health is one of the health priorities in the
New Zealand Health Strategy (Ministry of Health, 2000) and the Ministry of Health (Ministry
of Health, 2006a) has recently identified a need for more information on the oral health and
behaviour of pre-natal women.
The aims of this study were to gain an understanding of pregnant women‟s oral health care
practices, access to oral health care information and use of dental care services and to identify
any difference by ethnicity and socio-economic position. A self-reported questionnaire was
completed by 405 pregnant women (55% response rate) who attended antenatal classes in the
Wellington region. The questionnaire was broadly divided into four parts: (1) care of the
teeth when the woman was not pregnant; (2) care of the teeth and diet during the pregnancy;
(3) sources of oral health information during pregnancy and; (4) demographic information .
Data were analysed by age, ethnicity, education and income and odds ratios (OR) and 95%
confidence intervals (95%CI) were calculated using logistic regression.
The majority of women in this survey were pakeha (80.2%), compared to 19.7% „Others‟
(8.8% Māori, 1.9% Pacific, 8.6% other). Most of the subjects were aged 31-35 years (34.5%),
of high SES (household income and education level). Half of the women reported having
regular visits to the dentist previous pregnancy while a significant percentage of women saw
a dentist basically when they had problems. The usual dental hygiene habits were maintained
during pregnancy. However, during pregnancy more than 60% of women reported bleeding
gums. Just 32% of women went to see the dentist during pregnancy and less than half had
access to oral health information related to pregnancy. „Others‟ (OR 0.38, 95% CI 0.15-0.91)
and low income (OR 0.27, 95% CI 0.10-0.76) groups were significantly less likely to report
access to oral health information compared to pakeha and high income groups (respectively).
Women who went to see the dentist during pregnancy were more likely to receive

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตั้งครรภ์จะมีผลสำคัญในการดูแลสุขภาพช่องปาก และหญิงตั้งครรภ์มีประชากรกลุ่มที่ต้องการความสนใจพิเศษเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและสุขภาพ babies‟งานวิจัยนานาชาติแสดงว่า การดูแลสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ได้รับไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการศึกษาการส่งเสริมสุขภาพ และมีหลักฐานบางอย่างความแตกต่าง โดย SES และเชื้อชาติ ปรับปรุงสุขภาพของช่องปากเป็นหนึ่งของระดับความสำคัญของสุขภาพในการยุทธศาสตร์สุขภาพนิวซีแลนด์ (กระทรวงสุขภาพ 2000) และกระทรวงสุข (กระทรวงสุขภาพ 2006a) ได้เมื่อเร็ว ๆ นี้ระบุว่าต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก และพฤติกรรมของผู้หญิงเกี่ยวกับการเกิดก่อนจุดมุ่งหมายของการศึกษานี้ได้รับความเข้าใจ women‟s ตั้งครรภ์ดูแลสุขภาพช่องปากปฏิบัติ เข้าถึงข้อมูลการดูแลสุขภาพช่องปาก และใช้บริการทันตกรรม และระบุความแตกต่างทางเชื้อชาติสังคมเศรษฐกิจตำแหน่ง แบบสอบถามรายงานด้วยตนเองได้เสร็จสมบูรณ์ โดย 405 หญิงตั้งครรภ์ (อัตราการตอบสนอง 55%) ที่เข้าร่วมเรียนครรภ์ในการภูมิภาคที่เวลลิงตัน แบบสอบถามทั่วไปได้ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน: (1) การดูแลรักษาฟันเมื่อหญิงไม่ตั้งครรภ์ (2) การดูแลรักษาฟันและอาหารขณะตั้งครรภ์(3) แหล่งข้อมูลสุขภาพช่องปากในระหว่างตั้งครรภ์ และ (4) ข้อมูลประชากรข้อมูลได้ analysed อายุ เชื้อชาติ การศึกษา และอัตราส่วนกำไรขาดทุนและราคา (OR) และ 95%มีคำนวณช่วงความเชื่อมั่น (95% CI) โดยใช้การถดถอยโลจิสติกส่วนใหญ่ของผู้หญิงในแบบสำรวจนี้มี pakeha (80.2%), เทียบกับ 19.7% "Others‟(8.8% เมารี 1.9 แปซิฟิก 8.6% อื่น ๆ) หัวข้อส่วนใหญ่มีอายุ 31-35 ปี (34.5%),ของสูง SES (ในครัวเรือนรายได้และการศึกษาระดับ) ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่รายงานมีกับการตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้หาหมอฟันในขณะที่เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงเห็นสำคัญหมอฟันโดยทั่วไปเมื่อมีปัญหา มีรักษาพฤติกรรมอนามัยทันตกรรมปกติในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างตั้งครรภ์ มากกว่า 60% ของผู้หญิงรายงานเลือดเหงือก เพียง 32% ของผู้หญิงที่ไปหาหมอฟันในระหว่างตั้งครรภ์ และมีน้อยกว่าครึ่งหนึ่งเข้าถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ " Others‟ (หรือ 0.38, 95% CI 0.15-0.91)และรายได้ต่ำ (หรือ 0.27, 95% CI 0.10-0.76) กลุ่มได้มากน้อยแนวโน้มที่จะรายงานการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพของช่องปากเมื่อเทียบกับรายได้สูงและ pakeha กลุ่ม (ตามลำดับ)ผู้หญิงที่ไปหาหมอฟันในระหว่างตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะได้รับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การตั้งครรภ์สามารถมีผลกระทบที่สำคัญเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและสตรีมีครรภ์เป็นประชากรกลุ่มที่ต้องการความสนใจเป็นพิเศษในเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของพวกเขาและทารกของพวกเขา "สุขภาพ. การวิจัยระหว่างประเทศแสดงให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพในช่องปากสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับไม่เพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพและมีหลักฐานบางอย่างแตกต่างจาก SES และชาติพันธุ์ การปรับปรุงสุขภาพช่องปากเป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญของสุขภาพในนิวซีแลนด์กลยุทธ์สุขภาพ (กระทรวงสาธารณสุข, 2000) และกระทรวงสาธารณสุข (กระทรวงสาธารณสุข2006a) ได้ระบุว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ความจำเป็นสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและพฤติกรรมของก่อนผู้หญิง -natal. จุดมุ่งหมายของการศึกษาครั้งนี้จะได้รับความเข้าใจของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็น"ของการดูแลสุขภาพในช่องปากปฏิบัติการเข้าถึงข้อมูลการดูแลสุขภาพช่องปากและการใช้บริการการดูแลทันตกรรมและเพื่อระบุความแตกต่างด้วยเชื้อชาติและตำแหน่งทางเศรษฐกิจและสังคมใด ๆ แบบสอบถามที่ตนเองรายงานได้แล้วเสร็จภายใน 405 หญิงตั้งครรภ์ (55% อัตราการตอบสนอง) ที่เข้าร่วมชั้นเรียนฝากครรภ์ในภูมิภาคเวลลิงตัน แบบสอบถามที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนคือ (1) การดูแลของฟันเมื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่ได้ตั้งครรภ์; (2) การดูแลฟันและรับประทานอาหารในระหว่างตั้งครรภ์นั้น(3) แหล่งที่มาของข้อมูลสุขภาพช่องปากในระหว่างตั้งครรภ์และ; (4) ข้อมูลประชากร. วิเคราะห์ข้อมูลโดยอายุเชื้อชาติการศึกษาและรายได้และอัตราส่วนราคาต่อรอง (OR) และ 95% ช่วงความเชื่อมั่น (95% CI) ได้รับการคำนวณโดยใช้การถดถอยโลจิสติก. ส่วนใหญ่ของผู้หญิงในการสำรวจครั้งนี้มี pakeha (80.2 %) เมื่อเทียบกับ 19.7% "อื่น ๆ " (8.8% Māori 1.9% แปซิฟิก 8.6% อื่น ๆ ) ส่วนใหญ่ของอาสาสมัครอายุ 31-35 ปี (34.5%) สูง SES (รายได้ของครัวเรือนและระดับการศึกษา) ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงที่มีการรายงานที่มีการเข้าชมตามปกติกับการตั้งครรภ์ก่อนหน้าทันตแพทย์ในขณะที่ร้อยละที่สำคัญของผู้หญิงที่เห็นหมอฟันโดยทั่วไปเมื่อพวกเขามีปัญหา ปกตินิสัยสุขภาพฟันได้รับการดูแลในระหว่างตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามในระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่า 60% ของผู้หญิงที่มีเลือดออกรายงานเหงือก เพียงแค่ 32% ของผู้หญิงที่ไปดูหมอฟันในระหว่างตั้งครรภ์และน้อยกว่าครึ่งหนึ่งมีการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ "อื่น ๆ " (OR 0.38, 95% CI 0.15-0.91) และมีรายได้น้อย (OR 0.27, 95% CI 0.10-0.76) กลุ่มอย่างมีนัยสำคัญโอกาสน้อยที่จะรายงานการเข้าถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากเมื่อเทียบกับpakeha และกลุ่มรายได้สูง (ตามลำดับ) . ผู้หญิงที่ไปพบทันตแพทย์ในระหว่างตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะได้รับ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การตั้งครรภ์สามารถมีผลกระทบสำคัญในสุขภาพช่องปากหญิงตั้งครรภ์เป็นประชากร
กลุ่มที่ต้องการความสนใจพิเศษเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและสุขภาพของทารก‟ .
วิจัยนานาชาติพบว่า การดูแลสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับไม่เพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความสัมพันธ์กับ
การศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ และมีหลักฐานของ
ความแตกต่างโดย SES และชาติพันธุ์ปรับปรุงสุขภาพช่องปากเป็นสิ่งสำคัญในสุขภาพ
นิวซีแลนด์สุขภาพกลยุทธ์ ( กระทรวงสาธารณสุข , 2543 ) และกระทรวงสาธารณสุข ( กระทรวง
สุขภาพ 2006a ) เพิ่งระบุต้องการสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก และพฤติกรรมของ Natal ผู้หญิงก่อน
.
วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการดูแลหญิงตั้งครรภ์‟ S
สุขภาพช่องปากการเข้าถึงข้อมูลการดูแลสุขภาพช่องปาก และการใช้บริการทันตกรรมและเพื่อระบุความแตกต่างใด ๆ
โดยเชื้อชาติและตำแหน่งทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นแบบสอบถามที่สมบูรณ์ โดย self-reported
ท้อง 405 ผู้หญิง ( อัตราการตอบสนองร้อยละ 55 ) ผู้เข้าเรียนที่มาฝากครรภ์ในภูมิภาค
เวลลิงตัน แบบสอบถามซึ่งแบ่งออกเป็นสี่ส่วน ( 1 ) ดูแล
ฟันเมื่อผู้หญิงไม่ได้ตั้งครรภ์( 2 ) ดูแลฟันและอาหารระหว่างตั้งครรภ์ ;
( 3 ) แหล่งข้อมูลสุขภาพช่องปากในหญิงตั้งครรภ์ และ ( 4 ) ข้อมูลประชากร
วิเคราะห์ข้อมูลโดยอายุ , เชื้อชาติ , อัตราส่วนระดับการศึกษา และรายได้ และราคา ( หรือ ) และช่วงความเชื่อมั่น 95%
( 95% CI ) คำนวณโดยใช้ ถดถอยโลจิสติก .
ส่วนใหญ่ของผู้หญิงในการสำรวจครั้งนี้ ปาเกฮาร้อยละ 80.2 เทียบกับร้อยละ„คนอื่น‟
( 88 % M อุบาสกโอริ 1.9% แปซิฟิก 8.6 % อื่น ๆ ) กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 31-35 ปี ( 34.5 % )
ของ SES สูง ( รายได้ของครัวเรือนและระดับการศึกษา ) ครึ่งหนึ่งของผู้หญิงรายงานว่า มีการเข้าชมปกติ
ไปหาหมอฟันก่อนการตั้งครรภ์ ในขณะที่ร้อยละที่สำคัญของผู้หญิงเห็น
หมอฟันโดยทั่วไปเมื่อพวกเขามีปัญหา ปกตินิสัยสุขอนามัยทันตกรรมยังคง
ในระหว่างการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตามในระหว่างการตั้งครรภ์มากกว่า 60% ของผู้หญิงรายงาน
เลือดออกเหงือก เพียง 32% ของผู้หญิง ไปพบทันตแพทย์ในระหว่างการตั้งครรภ์และน้อยกว่าครึ่งมี
เข้าถึงสุขภาพช่องปากข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์ ‟„คนอื่น ( หรือ 0.38 , 95% CI 0.15-0.91 )
และรายได้ต่ำ ( หรือ 0.27 , 95% CI 0.10-0.76 ) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติโอกาสน้อยที่จะรายงาน
การเข้าถึงข้อมูลสุขภาพช่องปากกับปาเกฮาและกลุ่มรายได้สูง ( ตามลำดับ ) .
ผู้หญิงที่ไปพบทันตแพทย์ในช่วงการตั้งครรภ์มีแนวโน้มที่จะได้รับ