First, the democratic political sys

First, the democratic political system in Thailand was not born out of a mass movement but came about by power seizure by a small number of military officers and civil bureaucrats, mostly Western educated, ironically on the King’s scholarship, who sought to overthrow the absolute monarchy in 1932. The people in general were not involved whatsoever while the merchant class consisting mostly of non-political ethnic Chinese who were considered aliens at the time was politically irrelevant. It was thus a coup d’ etat, not a revolution as mistakenly referred to. It had turned the Thai society into a bureaucratic polity for about four decades until the October 14, 1973 mass uprising. A bureaucratic polity was antithetical to democratic development.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แรก ระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศไทยไม่เกิดจากการเคลื่อนไหวมวลชน ได้มา โดยอำนาจตัดสิน โดยจำนวนเล็ก ๆ ของเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน bureaucrats ส่วนใหญ่ตะวันตกศึกษา จำนวนมากในการเล่าเรียน ที่พยายามที่จะล้มล้างการสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี 1932 คนทั่วไปไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ในขณะที่ชั้นร้านค้าที่ประกอบด้วยส่วนใหญ่ไม่ใช่เมืองจีนชนเผ่าที่ได้ถือว่าคนต่างด้าวในขณะที่มีความเกี่ยวข้องทางการเมือง ก็ทำการรัฐประหาร d' etat ปฏิวัติไม่อ้างอิงที่แสดงถึง ก็มีเปิดสังคมไทยเป็นแบบอำมาตยาธิปไตยในสี่ทศวรรษจน 14 ตุลาคม 1973 มวลอัพไรซิ่ง การอำมาตยาธิปไตย antithetical เพื่อพัฒนาประชาธิปไตยได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ครั้งแรกที่ระบบการเมืองประชาธิปไตยในประเทศไทยไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหวของมวล แต่มาจากการยึดอำนาจโดยจำนวนเล็ก ๆ ของนายทหารและข้าราชการพลเรือนตะวันตกส่วนใหญ่มีการศึกษากระทบกระเทียบทุนคิงส์ที่พยายามที่จะโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในปี 1932 ประชาชนโดยทั่วไปที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในขณะที่ระดับผู้ประกอบการค้าส่วนใหญ่ประกอบด้วยไม่ใช่ทางการเมืองเชื้อชาติจีนที่คนต่างด้าวได้รับการพิจารณาเป็นช่วงเวลาที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง มันจึงเป็นรัฐประหารไม่ปฏิวัติเป็นความผิดพลาดที่อ้างถึง มันได้กลายสังคมไทยเป็นรัฐธรรมนูญราชการประมาณสี่ทศวรรษที่ผ่านมาจนถึง 14 ตุลาคม 1973 การจลาจลมวล รัฐธรรมนูญถือเป็นข้าราชการในการพัฒนาประชาธิปไตย

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แรก ระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยในไทย ไม่ได้เกิดจากการเคลื่อนไหว แต่มาจากอำนาจการจับกุม โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน ข้าราชการ ส่วนใหญ่ฝรั่งศึกษาแดกดันในราชทุนการศึกษาที่ต้องการล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในปี 1932 .ประชาชนทั่วไปไม่ได้เกี่ยวข้องแต่อย่างใด ขณะที่พ่อค้าชั้นประกอบด้วยส่วนใหญ่ของปลอดการเมืองเชื้อชาติจีนที่ถูกถือว่าเป็นคนต่างด้าวในเวลาที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมือง มันจึงรัฐประหาร ไม่ใช่การปฏิวัติเข้าใจผิดเรียกว่า . มันได้ทำให้สังคมไทยเป็นรัฐราชการประมาณสี่ทศวรรษจนถึง 14 ตุลาคม 2516 มวลชนต่อต้านเป็นรัฐราชการคือ antithetical เพื่อการพัฒนาประชาธิปไตย