Changing ResearchFor research to ma

Changing Research
For research to matter more in the future of welfare policy, major changes would be needed.
As to the political division between government and the university, one can only hope that the recent
success of welfare reform will make academics more supportive of social policies aimed at changing
lifestyle. The realization should eventually dawn that these measures not only have good effects,
they actually expand the role of government. Public programs have assumed rising responsibility for
the functioning of dependents, not only for their income. University leaders may also be more
willing to appoint academics likely to challenge the liberal consensus within the university. Then
academic debate will bear more resemblance to differences in the public arena, and the university
will be more relevant to policy however the political winds blow.
The methodological problems require sensitive changes in how academia operates. At the
federal level, political research already uses defensible methods—a combination of interviewing and
documentary research. At the state level, scholars need to avoid statistical modeling divorced from
field inquiry. At both levels, political scientists need to take a more hopeful view of the political
process. Above all political research needs to make more connections between politics and
government performance. Political reasoning must support policy conclusions. That entails finding
a way to cross the dividing line between government and society.
Evaluations can connect policy to results rigorously through experimentation, but at the cost
of turning the tested program into a “black box” whose exact nature is unclear. Most likely, political
research tied to policy will have to use statistical inference to connect modes of government or
administration with outcomes as measured by program performance measures. That is, one studies
the way a number of states or localities run a particular program, as well as their performance as

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เปลี่ยนงานวิจัยสำหรับการวิจัยที่สำคัญยิ่งในอนาคตนโยบายสวัสดิการ เปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะเป็นที่ต้องการเป็นฝ่ายทางการเมืองระหว่างรัฐบาลและมหาวิทยาลัย หนึ่งสามารถหวังที่จะล่าสุดความสำเร็จของการปฏิรูปสวัสดิการจะทำให้นักวิชาการมากขึ้นสนับสนุนนโยบายทางสังคมเปลี่ยนแปลงดำเนินชีวิต สำนึกที่ควรในที่สุดได้ว่า มาตรการเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีลักษณะดี รุ่งอรุณพวกเขาจะขยายบทบาทของรัฐบาล มีสันนิษฐานโปรแกรมสาธารณะเพิ่มขึ้นรับผิดชอบทำงานของเซลล์ที่อ้างถึง ไม่เพียงแต่สำหรับรายได้ของพวกเขา ผู้นำมหาวิทยาลัยอาจจะเพิ่มเติมยินดีที่จะแต่งตั้งนักวิชาการน่าจะท้าทายมติเสรีภายในมหาวิทยาลัย แล้วอภิปรายทางวิชาการจะรับรูปเพิ่มเติมความแตกต่างในเวทีสาธารณะ มหาวิทยาลัยจะเกี่ยวข้องกับนโยบายแต่เป่าลมทางการเมืองปัญหา methodological ต้องการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในวิธีการทำงานของ academia ที่ระดับกลาง งานวิจัยการเมืองแล้วใช้วิธี defensible — รวมสัมภาษณ์ข้อมูลส่วนตัว และเอกสารวิจัย ระดับรัฐ นักวิชาการจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการสร้างโมเดลทางสถิติหย่าแล้วจากการสอบถามเขตข้อมูล ในทั้งสองระดับ นักวิทยาศาสตร์การเมืองต้องการจะดูมีความหวังมากขึ้นที่เมืองกระบวนการ วิจัยทางการเมืองเหนือทั้งหมดต้องทำการเชื่อมต่อระหว่างเมือง และประสิทธิภาพของรัฐบาล เหตุผลทางการเมืองต้องสนับสนุนข้อสรุปนโยบาย ที่มีการค้นหาทางข้ามเส้นแบ่งระหว่างรัฐและสังคมประเมินสามารถเชื่อมต่อนโยบายผลการทดสอบ ผ่านทดลอง แต่ต้นทุนเปิดโปรแกรมทดสอบไป "กล่องดำ" ที่มีลักษณะแน่นอนไม่ชัดเจน การเมือง มักเชื่อมโยงกับนโยบายการวิจัยจะใช้สถิติข้อเชื่อมต่อโหมดของรัฐบาล หรือการจัดการกับผลการวัดจากการประเมินประสิทธิภาพของโปรแกรม นั่นคือ หนึ่งศึกษาแบบตัวเลขของอเมริกาหรือมารันโปรแกรมเฉพาะ เช่นเดียวกับการปฏิบัติเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การเปลี่ยนการวิจัยสำหรับการวิจัยจะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคตของนโยบายสวัสดิการการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะต้อง.
ในฐานะที่เป็นส่วนทางการเมืองระหว่างรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเพียงคนเดียวที่สามารถหวังว่าเมื่อเร็ว ๆ
นี้ความสำเร็จของการปฏิรูปสวัสดิการจะทำให้นักวิชาการที่สนับสนุนมากขึ้นจากนโยบายทางสังคม
มุ่งเป้าไปที่การเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิต สำนึกควรรุ่งอรุณในที่สุดว่ามาตรการเหล่านี้ไม่เพียง
แต่มีผลที่ดีที่พวกเขาจริงขยายบทบาทของภาครัฐ โปรแกรมที่สาธารณะได้รับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นสำหรับการทำงานของผู้อยู่ในอุปการะที่ไม่เพียง แต่สำหรับรายได้ของพวกเขา ผู้นำมหาวิทยาลัยนอกจากนี้ยังอาจจะมีความเต็มใจที่จะแต่งตั้งนักวิชาการที่มีแนวโน้มที่จะท้าทายมติเสรีนิยมภายในมหาวิทยาลัย จากนั้นการอภิปรายทางวิชาการจะแบกความคล้ายคลึงมากขึ้นเพื่อความแตกต่างในเวทีสาธารณะและมหาวิทยาลัยจะมีความเกี่ยวข้องกับนโยบายทางการเมืองแต่ลมพัด. ปัญหาที่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่มีความสำคัญในวิธีการดำเนินการศึกษา ในระดับชาติการวิจัยทางการเมืองแล้วจะใช้วิธีการแบบป้องกันการรวมกันของการสัมภาษณ์และการวิจัยเอกสาร ในระดับรัฐนักวิชาการต้องหลีกเลี่ยงการสร้างแบบจำลองทางสถิติหย่าขาดจากการสอบถามสนาม ทั้งในระดับนักวิทยาศาสตร์ทางการเมืองต้องใช้มุมมองที่มีความหวังมากขึ้นของการเมืองกระบวนการ เหนือการวิจัยทางการเมืองทุกความต้องการที่จะทำให้การเชื่อมต่อระหว่างการเมืองและผลการดำเนินงานของรัฐบาล เหตุผลทางการเมืองจะต้องสนับสนุนข้อสรุปนโยบาย ที่ entails การหาวิธีที่จะข้ามเส้นแบ่งระหว่างรัฐบาลและสังคม. ประเมินสามารถเชื่อมต่อนโยบายที่จะผลอย่างจริงจังผ่านการทดลอง แต่ในค่าใช้จ่ายของการเปลี่ยนโปรแกรมการทดสอบเป็น"กล่องดำ" ที่มีธรรมชาติที่แน่นอนก็ไม่มีความชัดเจน ส่วนใหญ่แล้วทางการเมืองการวิจัยที่เชื่อมโยงกับนโยบายจะต้องใช้การอนุมานทางสถิติในการเชื่อมต่อรูปแบบของรัฐหรือการบริหารงานที่มีผลการวัดจากมาตรการประสิทธิภาพของโปรแกรม นั่นคือหนึ่งในการศึกษาวิธีการที่จำนวนของรัฐหรือท้องถิ่นเรียกใช้โปรแกรมเฉพาะเช่นเดียวกับผลการดำเนินงานของพวกเขาเป็น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การเปลี่ยนแปลงการวิจัย
เพื่อการวิจัยเรื่องเพิ่มเติมในอนาคต นโยบายสวัสดิการ , การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจะเป็นที่ต้องการ
เป็นแผนกการเมืองระหว่างรัฐบาลและมหาวิทยาลัย ได้แต่หวังว่าความสำเร็จล่าสุด
ของการปฏิรูปสวัสดิการจะทำให้นักวิชาการสนับสนุนนโยบายทางสังคมที่มุ่งเปลี่ยนแปลง
ไลฟ์สไตล์ความตระหนักควรในที่สุดรุ่งอรุณว่า มาตรการเหล่านี้ไม่เพียง แต่มีผลดี
พวกเขาจริงขยายบทบาทของรัฐบาล โปรแกรมสาธารณะถือว่าความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น
การทํางานของอุปการะ ไม่เพียงแต่ สำหรับรายได้ของพวกเขา ผู้บริหารมหาวิทยาลัยอาจจะมากกว่ายินดีที่จะแต่งตั้งนักวิชาการ
น่าจะท้าทายมติเสรีภายในมหาวิทยาลัย งั้น
academic debate will bear more resemblance to differences in the public arena, and the university
will be more relevant to policy however the political winds blow.
The methodological problems require sensitive changes in how academia operates. ที่
ระดับรัฐบาลกลาง การวิจัยทางการเมืองแล้วใช้รวมกัน methods-a ยุทธศาสตร์ของการสัมภาษณ์และ
การวิจัยเอกสาร ในระดับรัฐนักวิชาการต้องหลีกเลี่ยงการสอบถาม
สถิติหย่าจากสนาม ทั้งระดับนักวิทยาศาสตร์ทางการเมืองต้องใช้เวลาดูมีความหวังมากขึ้นของกระบวนการทางการเมือง

เหนือสิ่งอื่นใดการวิจัยทางการเมืองต้องการให้มีการเชื่อมต่อระหว่างการเมืองกับ
ผลงานรัฐบาล เหตุผลที่สนับสนุนนโยบายทางการเมืองจะต้องสรุป ที่ใช้ค้นหา
วิธีที่จะข้ามเส้นแบ่งระหว่าง รัฐบาล และสังคม ตามนโยบายที่จะผล
สามารถเชื่อมต่อและได้ผ่านการทดลอง แต่ที่ค่าใช้จ่ายของการเปิดทดสอบ
โปรแกรมลงใน " กล่อง " สีดำที่มีลักษณะที่ไม่ชัดเจน ส่วนใหญ่ที่เชื่อมโยงกับนโยบายทางการเมือง
วิจัยจะต้องใช้สถิติเพื่อเชื่อมต่อรูปแบบของรัฐบาลหรือ
administration with outcomes as พรุน by measures performance มากขึ้น . นั่นคือ หนึ่งการศึกษา
ทางหมายเลขของรัฐหรือท้องถิ่นเรียกใช้โปรแกรมเฉพาะ ตลอดจนประสิทธิภาพของพวกเขาเป็น