อนาคตก็คือ สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในอนาคต ถึงอย่างนั้นเราก็สามารถคาดเดาบางเรื่องได้ เช่น การพยากรณ์อากาศ วันนี้ฉันจะมาพูดถึงเรื่องอนาคตของฉัน
ฉันก็ไม่รู้หรอกว่าอนาคตฉันจะทำอาชีพอะไร ฉันคิดว่าไว้ค่อยคิดตอนเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยก็ได้ ตอนนี้เป้าหมายของฉันก็คือได้เข้าไปศึกษาในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกร คณะอักษรศาสตร์ เอกญี่ปุ่น ตอนนี้่สิ่งที่ฉันจะต้องทำคือ ได้เกรด3.5ขึ้นไป สอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นให้ได้ระดับN3ก่อนจะจบม.6 ปีนี้ฉันได้ลงสอบวัดระดับN5 จะสอบในเดือนธันวาคมนี้ ฉันจึงตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นมากขึ้น ฉันต้องคำคันจิอาทิตย์ละ5ตัว และฝึกท่องคำศัพท์มากขึ้น เหตุผลที่ฉันอยากเข้าไปศึกษาในมหาวิยาลัยจุฬาลงกร เพราะที่สิ่งที่จะได้เรียนที่นั่นก็คือประวัติศาสตร์เกี่ยวกับภาษาญี่ปุ่น รากของภาษา ฉันชอบประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ แต่พ่อแม่ของฉันไม่อยากให้เรียนโบราณคดี ฉันจึงเลือกภาษาซึ่งพ่อแม่ของฉันก็เห็นว่าภาษาป็นสิ่งที่ดีจึงยอมให้ฉันเรียน อุปสรรคของฉันมีมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ฉันไม่ชอบมากๆ ฉันมีเหตุผลของฉัน แต่ฉันลืมมันไปแล้ว ฉันคิดว่าการได้เข้ามาอยู่ในห้องเรียนไออีพีที่จะได้เรียนภาษาอังกฤษในทุกๆวันจะทำให้ ฉันเก่งภาษาอังกฤษขึ้น แต่ทุกอย่างย่อมมีอุปสรรค การที่ฉันได้เข้ามาอยู่ที่นี่ มันเป็นที่ๆฉันไม่สมควรจะมาอยู่มีคนเกลียดฉันมากมาย ฉันไม่สามารถจะอยู่ในที่ๆมีแต่คนเกลียดฉันได้ ฉันรู้สึกอึดอัด แต่ฉันก็ต้องทนต่อไปจนกว่าจะจบม.6 แม่ฉันมักจะสอนเสมอๆว่า ในสังคมยังมีคนแบบนี้อีกมากมายถ้าฉันปรับตัวไม่ได้ฉันคงจะอยู่ร่วมกับใครในอนาคตไม่ได้ มีคนเคยบอกฉันว่าไม่มีใครจะสมบูรณ์แบบทุกอย่าง นิสัยเค้าอาจจะไม่ได้ถูกใจเราทุกอย่าง เราต้องเข้าใจเค้าเค้าถึงจะเข้าใจเรา
เมื่อปีก่อนฉันคิดจะย้ายโรงเรียน สุดท้ายฉันก็ยังอยู่ที่เดิม เรื่องนี้ทำให้ฉันคิดได้ว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน อีกสามปีฉันอาจจะได้เรียนโบราณคดีก็ได้ หรือไม่ฉันก็อาจจะตายไปแล้วก็ได้ เพราฉะนั้นเราไม่ควรจะคาดหวังกับอนาคตมากเกินไป เพราะถ้ามันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเราอาจจะผิดหวังได้ยิ่งเราหวังไว้มากเราก็ยิ่งเจ็บมาก