there was a signi¢cant di¡erence be

there was a signi¢cant di¡erence between the foregut
and the hindgut, though the number of culturable
microorganisms in the latter part of the digestive
tract only reached 2U103 cells per digestive tract
(Table 1). Colonies recovered from the media for
total aerobic, total anaerobic, glucose-fermenting or
succinate-degrading bacteria appeared to be highly
homogeneous. In addition, the numerations on these
various media gave similar results (between 95 and
250 cfu per foregut and between 1250 and 2400 cfu
per hindgut). Twelve isolates were randomly chosen
for further characterization. All tested isolates were
found to belong to the Enterobacteriaceae (short
rods, Gram-negative, catalase-positive, oxidase-negative)
and were identi¢ed as Serratia sp., apparently
belonging to the S. proteomaculans group. The isolates
could grow either aerobically or anaerobically
on a wide range of carbon sources, including N-acetylglucosamine.
In addition, all isolates grew, though
slowly, on chitin as sole carbon source. The number
of bacteria increased in the direction from the foregut
to the hindgut, strongly suggesting that these
microorganisms do not serve as a feeding source
for B. spinosa. Indeed, such a situation would imply
a large number of cells in the foregut (as is the case
for Branchinecta gigas [13]) and the presence of cell
debris in the hindgut. On the other hand, the observed
chitinolytic activity of the Serratia isolates
from this study suggests three di¡erent possible functions
for these microorganisms: (1) an active role in
the renewing of the peritrophic matrix: in the sugar
beet root maggot Tetanops myopaeformis, Serratia
liquefaciens and S. marcescens were found to be associated
with all development stages [14], and the

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีการ signi เลขต้อน di¡erence ระหว่างการ foregutและ hindgut แม้ว่าหมายเลข culturableจุลินทรีย์ในส่วนหลังของการย่อยอาหารทางเดินเข้าถึงเซลล์ 2U103 ต่อระบบทางเดินอาหารเท่านั้น(ตาราง 1) อาณานิคมจากสื่อสำหรับการกู้คืนรวมแอโรบิก รวมรวมชนิดไร้อากาศ fermenting กลูโคส หรือแบคทีเรียลด succinate ปรากฏ ว่าสูงเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ numerations เหล่าสื่อต่าง ๆ ให้ผลคล้ายกัน (ระหว่าง 95 และ250 cfu ต่อ foregut และ ระหว่าง cfu 1250 และ 2400ต่อ hindgut) แยก 12 ถูกสุ่มเลือกการจำแนกต่อไป แยกทดสอบทั้งหมดได้พบการ Enterobacteriaceae (สั้นก้าน แบคทีเรียแกรมลบ catalase บวก ลบ oxidase)และ identi เลข ed เป็น Serratia sp. เห็นได้ชัดเป็นสมาชิกของกลุ่ม proteomaculans S. การแยกสามารถเติบโต aerobically หรือ anaerobicallyบนความหลากหลายของแหล่งคาร์บอน รวม N-acetylglucosamineนอกจากนี้ แยกทั้งหมดเพิ่มขึ้น แม้ว่าช้า บน chitin เป็นแหล่งคาร์บอนแต่เพียงผู้เดียว หมายเลขของแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นในทิศทางจากการ foregutการ hindgut ขอแนะนำที่นี่จุลินทรีย์ไม่ให้เป็นแหล่งอาหารสำหรับ spinosa เกิด จริง สถานการณ์ที่จะเป็นสิทธิ์แบบขนาดใหญ่จำนวนเซลล์ใน foregut การ (เป็นกรณีสำหรับ Branchinecta gigas [13]) และของเซลล์เศษใน hindgut ใน ในทางกลับกัน การสังเกตกิจกรรม chitinolytic ของแยก Serratiaจากการศึกษานี้แนะนำ di¡erent สามฟังก์ชันได้สำหรับจุลินทรีย์เหล่านี้: (1) มีบทบาทในต่ออายุของเมทริกซ์ peritrophic: ในน้ำตาลผักชนิดหนึ่งรากหนอน Tetanops myopaeformis, Serratialiquefaciens และ S. marcescens พบที่จะเชื่อมโยงมีขั้นตอนการพัฒนาทั้งหมด [14], และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มีนัยสำคัญ¢ลาดเทdi¡erenceระหว่าง foregut
และ hindgut แม้ว่าจำนวน culturable
จุลินทรีย์ในส่วนหลังของทางเดินอาหารทางเดินถึงเพียง 2U103 เซลล์ต่อระบบทางเดินอาหาร (ตารางที่ 1) อาณานิคมหายจากสื่อสำหรับรวมแอโรบิกแบบไม่ใช้ออกซิเจนรวมกลูโคสหมักหรือแบคทีเรียย่อยสลายsuccinate ดูเหมือนจะสูงเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้ numerations เหล่านี้ในสื่อต่างๆให้ผลที่คล้ายกัน(ระหว่าง 95 และ250 โคโลนีต่อ foregut และระหว่าง 1,250 และ 2,400 โคโลนีต่อ hindgut) สิบสองสายพันธุ์ที่ได้รับการสุ่มเลือกสำหรับตัวละครต่อไป สายพันธุ์ที่ผ่านการทดสอบทั้งหมดถูกพบว่าอยู่ใน Enterobacteriaceae (สั้นแท่ง, แกรมลบ, catalase บวก oxidase ลบ) และเอ็ด¢ระบุเป็น Serratia sp. เห็นได้ชัดว่าอยู่ในกลุ่มเอสproteomaculans เชื้อสามารถเจริญเติบโตได้อย่างใดอย่างหนึ่งหรือใช้ออกซิเจนแบบไม่ใช้อากาศที่หลากหลายของแหล่งคาร์บอนรวมทั้งN-acetylglucosamine. นอกจากนี้ไอโซเลททุกคนเติบโตแม้ว่าช้าในไคตินเป็นแหล่งคาร์บอน แต่เพียงผู้เดียว จำนวนของเชื้อแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นในทิศทางจาก foregut ที่จะhindgut ที่ขอบอกว่าสิ่งเหล่านี้จุลินทรีย์ที่ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแหล่งที่มาของการให้อาหารสำหรับบีspinosa อันที่จริงสถานการณ์ดังกล่าวจะบ่งบอกเป็นจำนวนมากของเซลล์ใน foregut (ตามที่เป็นกรณีสำหรับgigas Branchinecta [13]) และการปรากฏตัวของเซลล์เศษในhindgut ในทางกลับกันการสังเกตกิจกรรม chitinolytic ของ Serratia แยกจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นการทำงานที่เป็นไปได้สามdi¡erentสำหรับจุลินทรีย์เหล่านี้: (1) บทบาทในการต่ออายุของเมทริกซ์peritrophic: ในน้ำตาลหัวบีทหนอนmyopaeformis Tetanops, Serratia liquefaciens และ marcescens เอสพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการพัฒนา[14] และ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มี signi ¢ลาดเท ดิ ¡ erence ระหว่างทางเดินอาหารส่วนต้น
และ hindgut แม้ว่าจำนวนของ culturable
จุลินทรีย์ในส่วนหลังของระบบทางเดินอาหาร
เท่านั้นถึง 2u103 เซลล์ต่อระบบทางเดินอาหาร
( ตารางที่ 1 ) อาณานิคมหายจากสื่อ
รวมแอโรบิค รวมถังหมัก หรือ กลูโคส
แบคทีเรียซึ่งปรากฏเป็นอย่างสูง
ซิเป็นเนื้อเดียวกัน นอกจากนี้การ numerations เหล่านี้
สื่อต่างๆให้ผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกัน ( ระหว่าง 95 และ
250 CFU ต่อทางเดินอาหารส่วนต้นและระหว่าง 1250 และ 2400 CFU
ต่อ hindgut ) จำนวน 12 ไอโซเลทที่สุ่มเลือก
สำหรับคุณสมบัติเพิ่มเติม ทดสอบทุกไอโซเลท
พบเป็นของผิดเพี้ยน ( สั้น
แท่งแกรมลบ สามารถบวก ลบ และ identi oxidase )
¢เอ็ดอย่างเห็นได้ชัด
เซอร์ราเทีย .ของกลุ่มเอส proteomaculans . แยกได้
สามารถเติบโตทั้ง aerobically หรือพ
บนหลากหลายของแหล่งคาร์บอน รวมทั้ง n-acetylglucosamine .
นอกจากนี้ทุกไอโซเลทโต แม้ว่า
ช้าๆ ในไคตินเป็นแหล่งคาร์บอน หมายเลข
แบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นในทิศทางจากทางเดินอาหารส่วนต้น
ไป hindgut ขอแนะนำว่าเหล่านี้
จุลินทรีย์ที่ไม่ใช้เป็นอาหารแหล่ง
สำหรับ B . spinosa . แน่นอน สถานการณ์ดังกล่าวจะบ่งบอกถึง
จํานวนเซลล์ในทางเดินอาหารส่วนต้น ( เป็นกรณีศึกษา เพื่อ branchinecta
[ 13 ] ) และการปรากฏตัวของเซลล์
เศษใน hindgut . บนมืออื่น ๆ , สังเกต
chitinolytic กิจกรรมของเซอร์ราเทียเลท จากการศึกษานี้ให้ข้อเสนอแนะสามดี

¡ erent เป็นไปได้ฟังก์ชันสำหรับจุลินทรีย์เหล่านี้( 1 ) มีบทบาทในการต่ออายุของเมทริกซ์ peritrophic

: น้ำตาลในบีทรูต หนอน tetanops myopaeformis liquefaciens เซอร์ราเทีย
, S . marcescens พบจะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการพัฒนา
[ 14 ] และ