obesity has been recognized as a st

obesity has been recognized as a strong and consistent risk factor for kidney stones.2,6–9 The cause of this increased risk is not well understood. Although obesity and higher body mass index (BMI) are associated with changes in urinary pH and electrolytes, the link with nephrolithiasis probably in- volves more than an increased solute load due to excess nutrient intake.6–8,10–12 It has been hypothesized that the proinflammatory state is associated with obesity and that met- abolic syndrome may lead to stone formation.13,14
Several dietary factors have been linked to an increased risk of kidney stones.9,15–18 For example, in clinical practice we recommend increased fluid intake, low sodium and low ani- mal-protein intake, and normal calcium intake because these have all been shown to reduce stone recurrence.19–21 Patients are often interested in dietary modification to prevent stone recurrence.22
A person’s present-day BMI reflects their historic balance between energy intake and energy expenditure. A restriction in dietary energy intake or increase in energy expenditure might partially offset the risk of stone formation imparted by BMI. The purpose of this study was to evaluate the independent relation- ship between physical activity, dietary energy intake, and BMI and the risk of incident kidney stone formation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โรคอ้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่แข็งแกร่งและสอดคล้องกันสำหรับการไต stones.2,6-9 สาเหตุของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นนี้จะไม่เข้าใจดี แม้ว่าโรคอ้วนและดัชนีมวลกายสูง (BMI) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในค่า pH ปัสสาวะและอิเล็กเชื่อมโยงกับ nephrolithiasis volves ทำาอาจมากกว่าโหลดตัวถูกละลายที่เพิ่มขึ้นอันเนื่องมาจากสารอาหารส่วนเกิน intake.6-8,10-12 จะได้รับ ตั้งสมมติฐานว่ารัฐ proinflammatory มีความเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและกลุ่มอาการของโรคที่ abolic met- อาจนำไปสู่หิน formation.13,14
ปัจจัยการบริโภคอาหารที่หลายคนได้รับการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของ stones.9,15-18 ไตตัวอย่างเช่นในการปฏิบัติทางคลินิกเรา แนะนำให้ดื่มน้ำเพิ่มขึ้นโซเดียมต่ำและการบริโภค ani- Mal โปรตีนต่ำและการบริโภคแคลเซียมปกติเพราะเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการแสดงเพื่อลดหิน recurrence.19-21 ผู้ป่วยมักจะมีความสนใจในการปรับเปลี่ยนการบริโภคอาหารเพื่อป้องกันไม่ให้หิน recurrence.22
ปัจจุบันของบุคคล -day BMI สะท้อนให้เห็นถึงความสมดุลในประวัติศาสตร์ของพวกเขาระหว่างการบริโภคพลังงานและการใช้พลังงาน ข้อ จำกัด ในการบริโภคพลังงานในอาหารได้หรือการเพิ่มขึ้นของการใช้พลังงานอาจลดทอนบางส่วนที่มีความเสี่ยงของการก่อหินคลี่คลายโดยค่าดัชนีมวลกาย วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินอิสระสัมพันธ์ระหว่างการออกกำลังกาย, การบริโภคพลังงานอาหารและค่าดัชนีมวลกายและความเสี่ยงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไตการก่อหิน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โรคอ้วนได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง และปัจจัยเสี่ยงที่สอดคล้องกันสำหรับนิ่วในไต 2,6 – 9 สาเหตุของความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นไม่ได้เป็นอย่างดีครับ แม้ว่าโรคอ้วนและสูงกว่าดัชนีมวลร่างกาย ( BMI ) ที่เกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลง pH ในปัสสาวะกับอิเล็กโทร , การเชื่อมโยงกับโรคนิ่วไตอาจจะมากกว่าอุณหภูมิเพิ่มขึ้นเนื่องจากได้รับสารอาหารส่วนเกินโหลด volves 6 – 810 – 12 มีการตั้งสมมติฐานว่า รัฐ proinflammatory มีความเกี่ยวข้องกับโรคอ้วนและโรคที่พบ - abolic อาจก่อหิน 13,14
อาหารหลายปัจจัยที่มีการเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของนิ่วในไต 9,15 – 18 ตัวอย่าง ในภาคปฏิบัติ เราแนะนำให้เพิ่มการบริโภคของเหลวโซเดียมน้อย แอนี่ - การบริโภคโปรตีน มอลและปกติแคลเซียมเพราะเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการแสดงเพื่อลดการเกิดหิน ป่วย 19 – 21 มักจะสนใจในการปรับเปลี่ยนอาหารเพื่อป้องกันการเกิดหิน 22
ของบุคคลในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงประวัติศาสตร์ของพวกเขา BMI ดุลระหว่างการได้รับพลังงานและการใช้พลังงาน .ข้อจำกัดในการบริโภคอาหารพลังงานหรือเพิ่มการใช้พลังงานอาจชดเชยบางส่วนของความเสี่ยงการเกิดหิน imparted โดยดัชนีมวลกาย การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกิจกรรมอิสระ - ยาน การบริโภคอาหารพลังงานและค่าดัชนีมวลกายและความเสี่ยงของการเกิดโรคนิ่วในไต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น