The Western Ghats run in a north-so

The Western Ghats run in a north-south direction over 1600 km
parallel to the west coast of peninsular India. The Anamalai hill
ranges (comprising Anamalai, Nelliyampathy and Palani hills) are
situated in the southern Western Ghats (76.38◦ E and 10.44◦ N to
77.55◦ E and 10.34◦ N) to the south of the Palghat Gap, extending
over an area of c. 5700 km2. The landscape is characterized by
its wide altitudinal gradient ranging from c. 100 m above MSL on
either side of the Ghats to 2694 m at Anaimudi Peak, the highest
point south of the Himalaya. The sharp altitudinal gradient results
in significant variation in the amount of precipitation across the
landscape, with the western face and crest-line of the hills enjoying
higher rainfall (mean annual rainfall up to 3500 mm), and the
eastern rain shadow region receiving lower annual rainfall (mean
rainfall about 800 mm). The rainfall gradient from east to west,
along with the complex topography, results in heterogeneous vegetation
types: from lowland tropical dry thorn forest mostly on
the eastern side, mid-elevation tropical dry and moist deciduous
forests, high elevation tropical semi-evergreen and evergreen
forests to stunted montane forests (locally known as sholas) and
grasslands

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แห่งตะวันตกที่ทำงานในทิศทางเหนือใต้กว่า 1600 กิโลเมตรขนานกับชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอินเดีย เขา Anamalaiมีช่วง (ประกอบด้วยเนินเขา Anamalai, Nelliyampathy และ Palani)แห่งแห่งตะวันตกภาคใต้ (76.38◦ E และ 10.44◦ N การ77.55◦ E และ 10.34◦ N) ใต้ช่องว่าง Palghat ขยายเหนือบริเวณราว 5700 km2 มีลักษณะภูมิทัศน์ไล่ระดับสีกว้าง altitudinal ตั้งแต่ในราว 100 เมตรเหนือ MSLสองข้างแห่ง 2694 เมตรที่ Anaimudi สูงสุด สูงสุดจุดจากฮิมาลายา ผลการไล่ระดับสีคม altitudinalในการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญจำนวนฝนข้ามภูมิทัศน์ ตะวันตกหน้าและหงอนสายภูเขาเพลิดเพลินกับปริมาณน้ำฝนสูง (หมายถึง ปริมาณน้ำฝนรายปีค่า 3500 มม.), และพื้นที่เงาฝนภาคตะวันออกได้รับปริมาณน้ำฝนรายปีต่ำ (ค่าเฉลี่ยปริมาณน้ำฝนประมาณ 800 mm) ไล่ระดับปริมาณน้ำฝนจากตะวันออกไปตะวันตกด้วยภูมิประเทศที่ซับซ้อน ผลในพืชแตกต่างกันชนิด: จากป่าราบทอร์นแห้งร้อนในส่วนใหญ่ฝั่งตะวันออก กลางระดับเขตร้อนแห้ง และชุ่มชื่นผลัดใบป่าไม้ สูงร้อนกึ่งเอเวอร์กรีน และเอเวอร์กรีนป่าจะแคระ montane ป่า (ในท้องถิ่นเรียกว่า sholas) และgrasslands

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระยะตะวันตก Ghats ในทิศทางที่ทิศตะวันตกเฉียงใต้กว่า 1,600
กิโลเมตรขนานไปกับชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอินเดีย เนิน Anamalai
ช่วง (ประกอบด้วย Anamalai, Nelliyampathy และเนินเขาพาลานี)
จะตั้งอยู่ในภาคใต้ของตะวันตกGhats (76.38◦อีและ10.44◦ N
เพื่อ77.55◦อีและ10.34◦ N) ไปทางทิศใต้ของ Palghat
ช่องขยายไปทั่วพื้นที่ของค 5,700 กิโลเมตร 2
ภูมิทัศน์ที่โดดเด่นด้วยความสูงลาดกว้างตั้งแต่ค 100
เมตรเหนือระดับน้ำทะเลปานกลางบนด้านข้างของGhats อย่างใดอย่างหนึ่งไป 2,694 เมตรที่ Anaimudi
ยอดที่สูงที่สุดจุดทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัย คมผลระดับความสูงในการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในจำนวนของฝนในภูมิทัศน์ที่มีใบหน้าตะวันตกและยอดเส้นของภูเขาเพลิดเพลินกับปริมาณน้ำฝนสูงกว่า(หมายถึงปริมาณน้ำฝนประจำปีถึง 3500 มิลลิเมตร) และเขตเงาฝนตะวันออกที่ได้รับต่ำประจำปีปริมาณน้ำฝน (หมายถึงปริมาณน้ำฝนประมาณ800 มิลลิเมตร) ลาดปริมาณน้ำฝนจากตะวันออกไปตะวันตกพร้อมกับภูมิประเทศที่ซับซ้อนส่งผลให้พืชที่แตกต่างกันชนิดจากป่าหนามที่ลุ่มเขตร้อนแห้งส่วนใหญ่ในฝั่งตะวันออกกลางสูงเขตร้อนผลัดใบแห้งและชื้นป่าสูงสูงเขตร้อนกึ่งป่าดิบและป่าดิบป่าป่าภูเขาแคระ (ที่รู้จักกันในท้องถิ่นเป็น sholas) และทุ่งหญ้า

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตะวันตก Ghats วิ่งในทิศทางเหนือ - ใต้กว่า 1 , 600 กม.
ขนานกับชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอินเดีย การ anamalai ฮิลล์
ช่วง ( ประกอบด้วย anamalai Nelliyampathy palani , และภูเขา )
ตั้งอยู่ใน Ghats ตะวันตกภาคใต้ ( 76.38 ◦ E และ 10.44 ◦ n

77.55 ◦ E และ 10.34 ◦ n ) ทางตอนใต้ของ palghat ช่องว่างที่ขยายไปทั่วพื้นที่ของ C .
5 , 700 ตารางกิโลเมตร . ภูมิทัศน์เป็นลักษณะ
กว้าง altitudinal ไล่ระดับตั้งแต่ C 100 เมตรเหนือ MSL ใน
ด้านข้างของ Ghats ใน 2694 ที่ฮาล peak จุดสูงสุด
ทางใต้ของเทือกเขาหิมาลัย . คม ผลในการเปลี่ยนแปลงระดับความสูงบริเวณ
) ปริมาณฝนทั่วประเทศ
ภูมิกับใบหน้าตะวันตกและเส้นยอดของเนินเขาที่สูง ( หมายถึงเพลิดเพลินกับ
ฝนปริมาณน้ำฝนได้ถึง 3 , 500 มม. ) และ
ตะวันออกเขตเงาฝนได้รับการลดปริมาณฝน ( หมายถึง
ปริมาณน้ำฝนประมาณ 800 มม. ) ฝนไล่ระดับจากตะวันออกไปตะวันตก
พร้อมกับภูมิประเทศที่ซับซ้อนผลในประเภทพืช
แตกต่างกัน : จากที่ลุ่มเขตร้อนแห้งหนามป่าส่วนใหญ่บน
ฝั่งตะวันออก กลางสูงร้อนแห้งแล้งและชุ่มชื้นป่าไม้ผลัดใบเขตร้อนกึ่งป่าดิบสูงระดับความสูง

และเอเวอร์กรีนป่าแคระภูเขาป่า ( ในท้องถิ่นเรียกว่า sholas ) และ
ทุ่งหญ้า