BACKGROUND: Urinary tract infection

BACKGROUND:

Urinary tract infection (UTI) is still a problem not infrequently encountered in the course of clinical practice. This study was designed to ascertain its prevalence among both the in and out-patients and the antibiotic susceptibility pattern of the isolates.

METHOD:

A retrospective analysis of data from all the urine samples processed at Jos university teaching hospital microbiology laboratory was undertaken for a period of 36 months (January 2000-December 2002). Samples had been collected, stored and processed by standard laboratory procedures. Results obtained were analysed using SPSS 11 statistical software and P values < 0.05 were considered significant.

RESULTS:

Of the 12,458 urine samples studied comprising 43% males and 57% females: the overall prevalence of UTI was found to be 22%; 7.4% among males and a higher figure of 14.6% among females, this was statistically significant (p < 0.05). The rate of nosocomial UTI was significantly higher than the community acquired type: 12.3% and 9.3% respectively (p < 0.05). The commonest nosocomial isolate was Klebsiella spp while Escherichia coli were for community acquired group. Staphylococcus aureus, Coagulase negative Staphylococcus, Proteus spp and Pseudomonas aeruginosa were also common isolates. The most effective antibiotics were Ofloxacin, Ciprofloxacin and Cefuroxime.

CONCLUSION:

In-patients especially should be encouraged to drink adequate water daily and practice "double urination" to reduce incidence of UTL. Ofloxacin, Ciprofloxacin and Cefuroxime should be considered first in the treatment of UTI in the absence of a susceptibility test.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พื้นหลัง: ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) ยังคงเป็นปัญหานาน ๆ ครั้งไม่พบในคลินิก การศึกษานี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจความชุกระหว่างทั้งสองในป่วยออกและรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะของการแยกวิธีการ: ประมวลผลการวิเคราะห์ข้อมูลจากตัวอย่างปัสสาวะทั้งหมดย้อนหลังมหาวิทยาลัย Jos สอนห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาของโรงพยาบาลได้ดำเนินการเป็นระยะเวลา 36 เดือน (2000 มกราคม 2002 ธันวาคม) ตัวอย่างมีการรวบรวม เก็บ และห้องปฏิบัติการมาตรฐานขั้นตอนการประมวลผล ผลลัพธ์ที่ได้ถูกนำมาวิเคราะห์โดยใช้ซอฟต์แวร์ทางสถิติ SPSS 11 และ P ค่า < 0.05 พิจารณาว่าสำคัญผลลัพธ์: ตัวอย่างปัสสาวะ 12,458 ที่ศึกษาประกอบด้วยหญิงชายและ 57% 43%: พบความชุกโดยรวมของ UTI จะ 22% 7.4% ในเพศชายและตัวเลขสูงขึ้น 14.6% ในเพศหญิง นี้คือมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) ราคาของทั้งชุด UTI เป็นนัยสำคัญกว่าชนิดของชุมชนที่ได้รับ: 12.3% และ 9.3% ตามลำดับ (p < 0.05) โปรตีนชุด commonest ถูก Klebsiella spp ขณะ Escherichia coli กลุ่มชุมชนที่ได้รับ หมอเทศข้างลาย staphylococcus, Coagulase ลบ Staphylococcus, Proteus spp และ Pseudomonas aeruginosa ได้แยกทั่วไป ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ Ofloxacin, Ciprofloxacin และเซฟูรอกซิมสรุป: In-patients โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรจะให้ดื่มน้ำอย่างเพียงพอทุกวันและปฏิบัติ "คู่ปัสสาวะ" เพื่อลดอุบัติการณ์ของ UTL Ofloxacin, Ciprofloxacin และเซฟูรอกซิมควรการแรกในการรักษา UTI ในการทดสอบความไวต่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ภูมิหลัง: การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (UTI) ยังคงเป็นปัญหาที่พบไม่บ่อยในหลักสูตรของการปฏิบัติทางคลินิก การศึกษาครั้งนี้ได้รับการออกแบบเพื่อยืนยันความชุกในหมู่ทั้งในและผู้ป่วยนอกและรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะของเชื้อ. วิธีการ: การวิเคราะห์ย้อนหลังของข้อมูลจากทุกตัวอย่างปัสสาวะประมวลผลที่ Jos มหาวิทยาลัยสอนห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยาโรงพยาบาลได้ดำเนินการเป็นระยะเวลา 36 เดือน (มกราคม 2000 ถึงธันวาคม 2002) ตัวอย่างที่ได้รับการเก็บรวบรวมจัดเก็บและประมวลผลโดยวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการมาตรฐาน . ผลที่ได้มาวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรม SPSS 11 ซอฟต์แวร์ทางสถิติและค่า P <0.05 ผลการศึกษา: จากตัวอย่างปัสสาวะ 12,458 ศึกษาประกอบด้วยเพศชาย 43% และหญิง 57%: ความชุกโดยรวมของ UTI พบว่า 22%; 7.4% ในกลุ่มเพศชายและเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 14.6% ในกลุ่มหญิงนี้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p <0.05) อัตราการโรงพยาบาล UTI สูงกว่าชุมชนประเภทที่ได้มาอย่างมีนัยสำคัญ: 12.3% และ 9.3% ตามลำดับ (p <0.05) เชื้อในโรงพยาบาลที่พบมากที่สุดคือ Klebsiella spp ขณะ Escherichia coli เป็นกลุ่มชุมชนที่ได้มา Staphylococcus aureus, Staphylococcus Coagulase ลบ Proteus spp และ Pseudomonas aeruginosa ก็มีสายพันธุ์ที่พบบ่อย ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือ Ofloxacin, Ciprofloxacin และ cefuroxime. สรุป: ในผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรได้รับการส่งเสริมการดื่มน้ำที่เพียงพอในชีวิตประจำวันและการปฏิบัติ "ปัสสาวะคู่" เพื่อลดอุบัติการณ์ของ UTL Ofloxacin, Ciprofloxacin และ cefuroxime ควรได้รับการพิจารณาเป็นครั้งแรกในการรักษา UTI ในกรณีที่ไม่มีการทดสอบความไวต่อ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

พื้นหลัง :การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ( UTI ) ยังคงเป็นปัญหาที่พบได้ไม่บ่อยในหลักสูตรของการปฏิบัติทางคลินิก การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวินิจฉัยของความชุกของทั้งในและนอก ผู้ป่วย และรูปแบบของการเกิดเชื้อวิธีการ :การวิเคราะห์ย้อนหลังข้อมูล จากตัวอย่างปัสสาวะทั้งหมดประมวลผลที่ Jos มหาวิทยาลัยโรงพยาบาลห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยามีวัตถุประสงค์สำหรับระยะเวลา 36 เดือน ( มกราคม 2000 ธันวาคม 2545 ) ตัวอย่าง ได้ถูกรวบรวม จัดเก็บ และประมวลผลโดยวิธีการตรวจทางห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ผลวิเคราะห์ข้อมูลใช้โปรแกรม SPSS 11 ซอฟต์แวร์ทางสถิติและ P < 0.05 ค่ามีการพิจารณาที่สำคัญผลลัพธ์ :ของ 12458 ปัสสาวะตัวอย่างประกอบด้วยเพศชายและเพศหญิงร้อยละ 43 57 : ความชุกโดยรวมของการออกแบบ คือ 22 % ; 7.4% ในหมู่เพศชายและสูง 14.6 % ของเพศหญิง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ( P < 0.05 ) อัตราของการติดเชื้อ UTI สูงกว่าชุมชนได้มาประเภท : 12.3 % และ 9.3 ตามลำดับ ( p < 0.05 ) commonest แยกคือ Klebsiella spp ในขณะที่ใน Escherichia coli เพื่อชุมชนหรือกลุ่ม Staphylococcus aureus , โคกูเลสลบ Staphylococcus , Pseudomonas aeruginosa และที่มีและยังพบเชื้อ ยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดและมีออฟลอกซาซินซิโปรฟลอกซาซิน , ท้อใจ .สรุป :ในผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรสนับสนุนให้ดื่มน้ำให้เพียงพอทุกวัน และฝึกคู่ " ปัสสาวะ " เพื่อลดอุบัติการณ์ของ utl . ออฟลอกซาซินไซโปรฟลอกซาซินท้อใจ , และควรพิจารณาก่อนการรักษา UTI ในการขาดของกลุ่มทดสอบ