คีธ เอลลิสัน: ส.ส.มุสลิมคนแรกในรัฐสภาสหรัฐฯ
Keith Maurice Ellison: First Muslim in U.S. Congress
4 สิงหาคมค.ศ.1963-
โดย วาริษาฮ์ อัมรีล
http://www.newmuslimthailand.com/main/index.php
ไม่อนุญาตให้ก็อปปี้ข่าวและบทความออกไปจากเว็บไซต์ หากต้องการเผยแพร่กรุณาทำลิงค์เข้ามาอ่านในนี้ – ขอบคุณมาก
คีธ มัวริส เอลลิสัน มีชื่อมุสลิมว่า มุฮัมมัด เป็นทนายความและนักการเมืองอเมริกัน ผู้กลายมาเป็นส.ส.มุสลิมคนแรกในรัฐสภาสหรัฐฯ และส.ส.ผิวดำคนแรกของรัฐมินนิโซต้า โดยเขาได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.เขต 5 จากพรรคเดโมแครต ของรัฐมินนิโซต้า จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2006
คีธเกิดเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ.1963 ในครอบครัวคาทอลิก ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน มีพี่น้อง 5 คน ผู้ชายหมด พ่อของคีธเป็นจิตแพทย์ แม่เป็นนักสังคมสงเคราะห์ คีธเติบโตมาท่ามกลางบรรยากาศครอบครัวที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ปู่ของเขาเคยเป็นสมาชิกของ NAACP ที่รัฐหลุยเซียน่า
เขาเปลี่ยนมารับอิสลามเมื่ออายุได้ 19 ปีขณะที่ยังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวย์นสเตท (Wayne StateUniversity) ในปี 1987 คีธแต่งงานกับ คิม เอลลิสัน แล้วทั้งคู่ก็ย้ายไปมินนิอาโปลิส เพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนกฎหมาย มหาวิทยาลัยมินนิโซต้า จนจบการศึกษาในปี 1990 จากนั้นคีธเข้าทำงานเป็นทนายที่ Lindquist & Vennum 3 ปี แล้วจึงไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการของศูนย์สิทธิทางกฎหมาย (Legal Rights Center) ซึ่งเป็นองค์กรเพื่อการกุศล
ชีวิตนักการเมือง
"ความคิดเรื่องสิทธิมนุษยชนของผมมีรากฐานมาจากครอบครัวของผมเอง คุณพ่อ-คุณแม่อบรมให้ผมเป็นคนมีเป้าหมายในชีวิตและภูมิใจในตัวเอง ผมเติบโตมาโดยได้ยินเรื่องราวของคุณปู่ของผมผู้ทำงานให้กับ NAACP ที่หลุยเซียน่า ท่านและเพื่อนๆ พยายามรณรงค์ให้คนผิวดำมีสิทธิมีเสียงในการโหวต ทั้งๆ ที่ช่วงเวลานั้นผู้ใดที่หาญกล้าออกมาเรียกร้องเช่นนั้นอาจถูกตัดสินแขวนคอ หรือไม่ก็ถูกอำนาจมืดทำร้าย ...ซึ่งบางคนก็โดนไปแล้วละ" คีธกล่าว และว่า การต่อสู้ของคุณปู่ของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เขาสนใจเรื่องความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน คีธพยายามเลียนแบบคุณปู่ของเขาด้วยการเป็นทนายความเพื่อคนจน และเป็นอัยการของนอร์ธมินนิโซต้า คีธบอกว่า สมัยวัยรุ่นเขารู้สึกหดหู่กับการเหยียดผิวและความอยุติธรรมในชุมชนที่เขาอาศัยอยู่ ประสบการณ์เหล่านั้นผลักดันให้เขากลายมาเป็นนักต่อสู้เพื่อสังคม ทั้งขึ้นเวทีปราศรัยและแสดงออกในการต่อต้านความอยุติธรรมทุกรูปแบบ ต่อต้านการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ และต่อสู้กับความยากจน จนเมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาถึงได้ตระหนักว่า การวิพากษ์วิจารณ์และชี้ให้เห็นปัญหานั้นง่ายมาก แต่การจะเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหานี่สิยากยิ่งกว่า
คีธจึงก้าวเข้าสู่การเมือง...
"ผมจะเริ่มสร้างโลกที่ทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติ สีผิวไหน เท่าเทียมกันหมด ไม่มีใครสักคนที่ถูกโลกลืม" เขากล่าว
ในปี 2002 เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้แทนในสภาของรัฐมินนิโซต้า เขต 58B ซึ่งเป็นเขตที่พลเมืองร้อยละ 76 เป็นชนกลุ่มน้อย
ต่อมาในวันที่ 7 พฤศจิกายน 2006 คีธได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.เขต 5 จากพรรคเดโมแครต ในจำนวนส.ส. 8 คนของรัฐมินนิโซต้า คีธได้คะแนนเสียงท่วมท้นร้อยละ 56 ในขณะที่คู่แข่งของเขาจากพรรคริพับลิกันได้คะแนนเพียงร้อยละ 21
"เราได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นแล้ว" คีธกล่าวกับผู้สนับสนุนในการฉลองชัยชนะหลังทราบผลโหวต
"เราชนะการเลือกตั้งครั้งยิ่งใหญ่นี้ แต่ความจริงแล้วเราทำมากกว่านั้น เราได้แสดงให้เห็นว่าผู้สมัครรับเลือกตั้งใช้การรณรงค์ที่ใสสะอาดก็สามารถชนะคู่แข่งที่โหดๆ ได้ เราได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเราเข้มแข็งกว่า เราสร้างสะพานเชื่อมแต่ละชุมชนเข้าด้วยกัน มิใช่แบ่งแยกชุมชนแล้วปกครอง เราเชื่อมั่นว่าสันติภาพคือหลักนำของชาติเรา!"
คีธกล่าวต่อผู้สนับสนุนเขาว่า "งานที่รออยู่เบื้องหน้านั้นมากมายมหาศาลนัก ผมรู้ว่างานที่ต้องทำต่อไปนั้นหนักหนาสาหัสสากรรจ์ วันนี้เราสนุกสนานกันกับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่พรุ่งนี้สิ เรามีงานต้องทำต่อไป"
ผลงานของคีธช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีหลายด้าน ในด้านสิทธิมนุษยชน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ คีธช่วยให้ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป็นการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปี
คีธกับอิสลาม
คีธถือกำเนิดและถูกเลี้ยงดูมาอย่างคาทอลิก ก่อนจะเปลี่ยนมารับอิสลามเมื่ออายุได้ 19 ปีขณะเรียนปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเวย์นสเตท (Wayne State University เวย์นสเตทยู)
คีธไม่ชอบพูดเรื่องความเชื่อทางศาสนาของเขา ยกเว้นเมื่อถูกสัมภาษณ์ตรงๆ เท่านั้น
คีธเคยให้สัมภาษณ์กับ Voice of America (VOA) ขณะกำลังหาเสียงเลือกตั้งว่า "ผมเป็นมุสลิมและก็ภูมิใจในความเป็นมุสลิม แต่ผมมิได้ลงเลือกตั้งในฐานะผู้แทนมุสลิม ผมลงเลือกตั้งในฐานะผู้ที่เชื่อในสันติภาพ และต้องการนำทหารของเราออกมาจากประเทศอิรักเดี๋ยวนี้! ผมลงเลือกตั้งในฐานะผู้ที่เรียกร้องการประกันสุขภาพให้กับคนอีก 47 ล้านคน และการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ"
"แต่ผมก็หวังว่าหากเราชนะในเดือนพฤศจิกายน (7 พฤศจิกายน 2006 วันเลือกตั้งส.ส.สหรัฐ) อินชาอัลลอฮ (ด้วยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า)นั่นคือสัญญาณสำหรับชาวมุสลิมว่าเราควรจะก้าวเข้าสู่ระบบการเมืองสหรัฐ และยังส่งสัญญาณไปยังผู้ที่มิใช่มุสลิมว่า มุสลิมมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาประเทศของเรา"
คีธกล่าวในเว็บไซต์ของเขาเรื่องความเชื่อทางศาสนาว่า 'คนทั่วไปมีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจจากศาสนาหรือความเชื่อที่แตกต่างกันออกไป สำหรับผมแล้ว ผมถูกหลอมมาจากทั้งคาทอลิกและอิสลาม ผมถูกเลี้ยงดูมาอย่างคาทอลิก ต่อมาก็กลายมาเป็นมุสลิมตอนเรียนอยู่ที่ เวย์นสเตทยู ผมได้รับแรงบันดาลใจจากคำสอนในอัล-กุรอานที่เปี่ยมไปด้วยความรักของพระผู้เป็นเจ้า เป็นทางนำให้กับชีวิตของผมในทุกวันนี้'
ฮายัต ฮัซซัน คุณแม่ลูกหนึ่งชาวมุสลิม โหวตให้คีธเพราะนโยบายประกันสุขภาพและการศึกษาของเขา "ฉันโหวตให้คีธทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้เลยนะว่าเขาเป็นมุสลิม เพิ่งรู้ก็ตอนที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของคีธเองอ่ะแหละบอก" เธอกล่าว
ในการหาเสียง คีธก็ไม่เคยพูดเรื่องศรัทธ