Possible InteractionsIf you are bei

Possible Interactions
If you are being treated with any of the following medications, you should not drink green tea or take green tea extract without first talking to your health care provider:
Adenosine -- Green tea may inhibit the actions of adenosine, a medication given in the hospital for an irregular and usually unstable heart rhythm.
Beta-lactam -- Green tea may increase the effectiveness of beta-lactam antibiotics by making bacteria less resistant to treatment.
Benzodiazepines -- Caffeine, including caffeine from green tea, may reduce the sedative effects of these medications commonly used to treat anxiety, such as diazepam (Valium) and lorazepam (Ativan).
Beta-blockers, Propranolol, and Metoprolol -- Caffeine, including caffeine from green tea, may increase blood pressure in people taking propranolol (Inderal) and metoprolol (Lopressor, Toprol XL). These medications are used to treat high blood pressure and heart disease.
Blood-Thinning Medications -- People who take warfarin (Coudamin) should not drink green tea. Since green tea contains vitamin K, it can make this medication ineffective. Other compounds in green tea may in fact slow blood clotting and therefore increase the blood-thinning effect of these medications. You should not mix green tea and aspirin because they both prevent blood from clotting. Using the two together may increase your risk of bleeding. If you're taking medications that promote blood thinning, discuss green tea consumption with your physician.
Chemotherapy -- The combination of green tea and chemotherapy medications, specifically doxorubicin and tamoxifen, increased the effectiveness of these medications in laboratory tests. However, the same results have not been found in studies on people. On the other hand, there have been reports of both green and black tea extracts affecting a gene in prostate cancer cells that may make them less sensitive to chemotherapy drugs. For that reason, people should talk to their doctors before drinking black and green tea or taking tea extracts while undergoing chemotherapy.
Clozapine (Clozaril) -- The effects of the clozapine may be reduced if taken within 40 minutes after drinking green tea.
Ephedrine -- When taken with ephedrine, green tea may cause agitation, tremors, insomnia, and weight loss.
Lithium -- Green tea has been shown to reduce blood levels of lithium, a medication used to treat bipolar disorder. That can make lithium less effective.
Monoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs) -- Green tea may cause a severe increase in blood pressure, called a "hypertensive crisis," when taken together with these drugs used to treat depression. Examples of MAOIs include:
• Isocarboxazid (Marplan)
• Moclobemide (Manerix)
• Phenelzine (Nardil)
• Tranylcypromine (Parnate)
Birth control pills -- Oral contraceptives can prolong the amount of time caffeine stays in the body, which may increase its stimulating effects.
Phenylpropanolamine -- A combination of caffeine, including caffeine from green tea, and phenylpropanolamine, used in many over-the-counter and prescription cough and cold medications and weight loss products, may cause mania and a severe increase in blood pressure. The FDA issued a public health advisory in November 2000 to warn people of the risk of bleeding in the brain from use of this medication and urged all manufacturers of this drug to remove it from the market. Most drugs that contained phenylpropanolamine have been reformulated without it.
Quinolone antibiotics -- Green tea may make these medications more effective and also increase the risk of side effects. These medications include:
• Ciprofloxacin (Cipro)
• Enoxacin (Penetrex)
• Grepafloxacin (Raxar)
• Norfloxacin (Chibroxin, Noroxin)
• Sparfloxacin (Zagam)
• Trovafloxacin (Trovan)
Other medications -- Green tea, especially caffeinated green tea, may interact with a number for medications, including:
• Acetaminophen (Tylenol)
• Carbamazepine (Tegretol)
• Dipyridamole (Persatine)
• Estrogen
• Fluvoxamine (Luvox)
• Methotrexate
• Mexiletine (Mexitil)
• Phenobarbital
• Theophylline
• Verapamil (Bosoptin, Calan, Covera- HS, Verelan, Verelan PM)
To be safe, check with your health care provider before drinking or taking green tea if you also take other medications.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มีปฏิสัมพันธ์ถ้าคุณจะได้รับการรักษา ด้วยยาต่อไปนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ควรดื่มชาเขียว หรือใช้สารสกัดจากชาเขียวโดยไม่แรกในการให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ:Adenosine - ชาเขียวอาจยับยั้งการกระทำของ adenosine ยาในโรงพยาบาลอย่างมีจังหวะหัวใจที่ผิดปกติ และมักจะไม่เสถียรรุ่น beta-lactam - ชาเขียวอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะรุ่น beta-lactam โดยแบคทีเรียทนน้อยรักษาเบนโซ - คาเฟอีน รวมถึงคาเฟอีนจากชาเขียว อาจลดผลของยาเหล่านี้มักใช้ในการรักษาความวิตกกังวล เช่น diazepam (Valium) และ lorazepam (Ativan) ยากล่อมประสาทปิด โพรพาโนลอล และ Metoprolol - คาเฟอีน รวมถึงคาเฟอีนจากชาเขียว อาจเพิ่มความดันเลือดในคนที่โพรพาโนลอล (Inderal) และ metoprolol (Lopressor, Toprol XL) ยาเหล่านี้จะใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจบางเลือดยา - คนที่ใช้วาร์ฟาริน (Coudamin) ไม่ควรดื่มชาเขียว เนื่องจากชาเขียวประกอบด้วยวิตามิน K ที่มันสามารถทำให้ยานี้ได้ผล อื่น ๆ สารประกอบในชาเขียวอาจชะลอการแข็งตัวของเลือดในความเป็นจริง และเพิ่มบางเลือดผลของยาเหล่านี้ คุณไม่ควรผสมชาเขียวและยาแอสไพรินเนื่องจากจะป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัว ใช้ทั้งสองเข้าด้วยกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของเลือดออก ถ้าคุณกำลังใช้ยาที่ส่งเสริมเลือดทำให้ผอมบาง พูดคุยเกี่ยวกับการใช้ชาเขียวแพทย์เคมีบำบัด - ชุดชาเขียวและยาเคมีบำบัด เฉพาะ doxorubicin และ tamoxifen เพิ่มประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ในห้องปฏิบัติการทดสอบ อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์เดียวกันไม่พบในการศึกษาในคน บนมืออื่น ๆ มีการรายงานทั้งสีเขียว และสารสกัดจากชาดำมีผลต่อยีนในเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากที่อาจทำให้ไม่ไวต่อการให้ยาเคมีบำบัด สำหรับเหตุผลที่ คนควรพูดคุยกับแพทย์ของพวกเขาก่อนดื่มดำ และชาเขียวหรือชาการแยกในขณะที่ยาเคมีบำบัดClozapine (Clozaril) - ผลของ clozapine อาจจะลดลงถ้าถ่ายภายใน 40 นาทีหลังจากดื่มชาเขียวอีเฟดรีน - เมื่อถ่าย ด้วยอีเฟดรีน ชาเขียวอาจทำให้ปั่นป่วน แรงสั่นสะเทือน นอนไม่หลับ และลดน้ำหนักลิเธียม - ชาเขียวได้รับการแสดงเพื่อลดระดับเลือดของลิเธียม ยาที่ใช้ในการรักษาโรคสองขั้ว ที่สามารถทำให้แบตเตอรี่ลิเธียมมีประสิทธิภาพน้อยลงMonoamine Oxidase Inhibitors (MAOIs) - ชาเขียวอาจทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงความดันโลหิต เรียกว่า "ความดันโลหิตสูงวิกฤต เมื่อรับประทานร่วมกับยาเหล่านี้ใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้า ตัวอย่างของ MAOIs:• Isocarboxazid (Marplan)• Moclobemide (Manerix)• Phenelzine (Nardil)• Tranylcypromine (Parnate)คุม - คุมสามารถยืดระยะเวลาคาเฟอีนอยู่ในร่างกาย ซึ่งอาจเพิ่มผลกระตุ้นPhenylpropanolamine -- A combination of caffeine, including caffeine from green tea, and phenylpropanolamine, used in many over-the-counter and prescription cough and cold medications and weight loss products, may cause mania and a severe increase in blood pressure. The FDA issued a public health advisory in November 2000 to warn people of the risk of bleeding in the brain from use of this medication and urged all manufacturers of this drug to remove it from the market. Most drugs that contained phenylpropanolamine have been reformulated without it.Quinolone antibiotics -- Green tea may make these medications more effective and also increase the risk of side effects. These medications include:• Ciprofloxacin (Cipro)• Enoxacin (Penetrex)• Grepafloxacin (Raxar)• Norfloxacin (Chibroxin, Noroxin)• Sparfloxacin (Zagam)• Trovafloxacin (Trovan)Other medications -- Green tea, especially caffeinated green tea, may interact with a number for medications, including:• Acetaminophen (Tylenol)• Carbamazepine (Tegretol)• Dipyridamole (Persatine)• Estrogen• Fluvoxamine (Luvox)• Methotrexate• Mexiletine (Mexitil)• Phenobarbital• Theophylline• Verapamil (Bosoptin, Calan, Covera- HS, Verelan, Verelan PM)To be safe, check with your health care provider before drinking or taking green tea if you also take other medications.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การโต้ตอบที่เป็นไปได้ถ้าคุณจะได้รับการรักษาด้วยยาใด ๆ ต่อไปนี้คุณไม่ควรดื่มชาเขียวหรือใช้สารสกัดจากชาเขียวโดยไม่ได้พูดคุยกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณ: Adenosine - ชาเขียวอาจยับยั้งการกระทำของ adenosine ที่ยาที่ได้รับใน โรงพยาบาลสำหรับจังหวะหัวใจที่ผิดปกติและมักจะไม่มั่นคง. Beta-lactam - ชาเขียวอาจเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะเบต้า lactam โดยการทำให้แบคทีเรียน้อยทนต่อการรักษา. เบนโซ - คาเฟอีนรวมทั้งคาเฟอีนจากชาเขียวอาจจะลดยากล่อมประสาท ผลกระทบของยาเหล่านี้ที่ใช้กันทั่วไปในการรักษาความวิตกกังวลเช่นยากล่อมประสาท (Valium) และ lorazepam (Ativan). เบต้าอัพ propranolol และ metoprolol - คาเฟอีนรวมทั้งคาเฟอีนจากชาเขียวอาจเพิ่มความดันเลือดในคนสละ propranolol (Inderal ) และ metoprolol (Lopressor, Toprol XL) ยาเหล่านี้จะถูกใช้ในการรักษาความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ. เลือดผอมบางยา - คนที่ใช้ warfarin (Coudamin) ไม่ควรดื่มชาเขียว เนื่องจากชาเขียวมีวิตามิน K ก็สามารถทำให้ยานี้ไม่ได้ผล สารประกอบอื่น ๆ ในชาเขียวในความเป็นจริงการแข็งตัวของเลือดช้าและดังนั้นจึงเพิ่มผลเลือดทำให้ผอมบางของยาเหล่านี้ คุณไม่ควรผสมชาเขียวและยาแอสไพรินเพราะพวกเขาทั้งป้องกันไม่ให้เลือดแข็งตัวจาก ใช้ทั้งสองร่วมกันอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออกของคุณ หากคุณกำลังใช้ยาที่ส่งเสริมเลือดผอมบางหารือเกี่ยวกับการบริโภคชาเขียวกับแพทย์ของคุณ. ยาเคมีบำบัด - การรวมกันของชาเขียวและยาเคมีบำบัดที่เฉพาะ doxorubicin และ tamoxifen เพิ่มประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ในการทดสอบในห้องปฏิบัติการ อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่เหมือนกันไม่ได้พบในการศึกษาเกี่ยวกับคน บนมืออื่น ๆ ที่มีการรายงานทั้งสารสกัดจากชาเขียวและสีดำที่มีผลต่อการแสดงออกของยีนในเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากที่อาจทำให้พวกเขาน้อยไวต่อยาเคมีบำบัด สำหรับเหตุผลที่คนควรพูดคุยกับแพทย์ของพวกเขาก่อนที่จะดื่มชาดำและสีเขียวหรือการสารสกัดจากชาในขณะที่ได้รับเคมีบำบัด. โคลซาปีน (Clozaril) - ผลกระทบของยา Clozapine อาจลดลงหากดำเนินการภายใน 40 นาทีหลังจากที่ดื่มชาเขียว. อีเฟดรีน - - เมื่อถ่ายด้วยอีเฟดรีนชาเขียวอาจก่อให้เกิดความปั่นป่วนสั่นนอนไม่หลับและการสูญเสียน้ำหนัก. ลิเธียม - ชาเขียวได้รับการแสดงเพื่อลดระดับเลือดของลิเธียมยาที่ใช้รักษาโรคสองขั้ว ที่สามารถทำให้ลิเธียมที่มีประสิทธิภาพน้อย. Monoamine Oxidase สารยับยั้ง (MAOIs) - ชาเขียวอาจก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในความดันโลหิตที่เรียกว่า "วิกฤตความดันโลหิตสูง" เมื่อนำมารวมกันกับยาเสพติดเหล่านี้มาใช้ในการรักษาภาวะซึมเศร้า ตัวอย่างของ MAOIs รวมถึง: • isocarboxazid (Marplan) • moclobemide (Manerix) • phenelzine (Nardil) • tranylcypromine (Parnate) ยาคุมกำเนิด - ยาคุมกำเนิดสามารถยืดจำนวนของคาเฟอีนเวลาอยู่ในร่างกายซึ่งอาจเพิ่มผลกระทบของการกระตุ้น . Phenylpropanolamine - การรวมกันของคาเฟอีนรวมถึงคาเฟอีนจากชาเขียวและ phenylpropanolamine ใช้ในหลายที่เคาน์เตอร์และไอตามใบสั่งแพทย์และยาที่หนาวเย็นและผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนักอาจก่อให้เกิดความบ้าคลั่งและเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงในความดันโลหิต องค์การอาหารและยาออกให้คำปรึกษาด้านสุขภาพของประชาชนในเดือนพฤศจิกายน 2000 เพื่อเตือนคนของความเสี่ยงของการมีเลือดออกในสมองจากการใช้ยานี้และกระตุ้นให้ผู้ผลิตทั้งหมดของยานี้จะลบออกไปจากตลาด ยาเสพติดส่วนใหญ่ที่มี phenylpropanolamine ได้รับการปรับปรุงใหม่โดยไม่ได้. ยาปฏิชีวนะควิโนโลน - ชาเขียวอาจทำให้ยาเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียง ยาเหล่านี้รวมถึง: • Ciprofloxacin (Cipro) •อีนอกซาซิน (Penetrex) • grepafloxacin (Raxar) • norfloxacin (Chibroxin, Noroxin) • Sparfloxacin (Zagam) • Trovafloxacin (Trovan) ยาอื่น ๆ - ชาเขียวโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีคาเฟอีนชาเขียวอาจโต้ตอบ มีจำนวนในการใช้ยารวมไปถึง: • Acetaminophen (Tylenol) • Carbamazepine (Tegretol) • dipyridamole (Persatine) •สโตรเจน• fluvoxamine (Luvox) • Methotrexate • Mexiletine (Mexitil) •ฟี• Theophylline • Verapamil (Bosoptin, Calan, Covera- HS, Verelan, Verelan PM) เพื่อความปลอดภัยตรวจสอบกับผู้ให้บริการดูแลสุขภาพของคุณก่อนที่จะดื่มหรือการชาเขียวถ้าคุณยังใช้ยาอื่น ๆ