วันหนึ่งฉันได้มีโอกาสไปเที่ยวนอกโลกกับเพื่อนอีก 4 คน บนยานอวกาศที่ใหญ่พอสมควร มีเสบียง ชุดอวกาศ และออกซิเจน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ใส่ชุดอวกาศและได้ลอยตัวอยู่ในยานอวกาศด้วย เหมือนฝันเลย แล้วอยู่ดีดียานอวกาศก็ค่อยๆทิ้งตัวและลงจอดบนดวงจันทร์ในที่สุด เราควรต้องรับประทานอาหารก่อนที่พวกเราจะลงไปเยี่ยมชมดวงจันทร์ที่อยู่นอกยานอวกาศ หลังจากที่เราทำธุระส่วนตัวเสร็จ เราก็ใส่ชุดอวกาศและเตรียมลงไปสำรวจดวงจันทร์ บนดวงจันทร์มีแต่รอยอุกาบาศที่ตกใส่อย่างรุนแรง ทำให้ดวงจันทร์มีผิวขรุขระ สงสารดวงจันทร์จังเลย อยู่ดีดีก็รู้สึกเหมือนเราไม่ได้อยู่บนดวงจันทร์กับเพื่อนเราแค่กลุ่มเดียว เหมือนมีคนมาเยือนบนดวงจันทร์ด้วย ฉันและเพื่อนๆพยายามที่จะลอยตัวเข้ายานอวกาศ แต่มันกลับไม่ทัน พวกกลุ่มเอเลียนได้มาเยี่ยมชมยานอวกาศของเราเป็นที่เรียบร้อย มันน่ากลัวมาก แล้วมันก็พูดภาษาต่างดาวซึ่งเราฟังไม่รู้เรื่อง ฉันและเพื่อนแอบหลบอยู่ในหลุมอุกาบาศ และแอบดูพวกมันอยู่ห่างๆ เหมือนพวกมันจะรู้ตัว และตามล่าหาเรา พวกเราหนี้สุดชีวิตจนหลุดออกจากดวงจันทร์ทำให้ตัวเราลอยอยู่ในอวกาศ ฉันและเพื่อนพยายามหาทางที่จะทำให้เรากลับไปยังโลกเหมือนเดิม และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเรา ฉันนึกขึ้นได้ว่าในชุดอวกาศมีเครื่องมือติดต่อสื่อสารไปยังโลกได้ ทันใดนั้นเอง ฉันจึงรีบหาทางติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ส่งตัวเรามา แล้วอยู่ๆก็มีเจ้าหน้าที่ที่คอยติดตามตัวพวกเราอยู่ เขาได้ติดต่อเรากลับมา เขาบอกว่าเขาจะส่งคนมารับเราให้เร็วที่สุด และเขายังบอกอีกว่า พยายามเข้าใกล้ดวงจันทร์ให้เร็วที่สุด เพราะไม่ฉะนั้นเราอาจจะไม่ได้กลับมายังโลกอีก ฉันและเพื่อนรู้สึกกลัวมาก และพยายามที่จะพาตัวเองกลับไปยังดวงจันทร์ให้เร็วที่สุดตามที่เจ้าหน้าที่บอก เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงฉันและเพื่อนๆก็เริ่มหมดแรงเหมือนกับถังออกซิเจนที่ไม่มีออกซิเจนเหลืออยู่ ในเวลานั้น ฉันรู้ตัวเองดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นเมื่อเราไม่มีอากาศที่จะใช้หายใจ ฉันได้ติดต่อเจ้าหน้าที่กลับไป และได้บอกให้เขาบอกกับ พ่อและแม่ ว่า หนูคงไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อและแม่เหมือนเดิมแล้วนะคะ หนูรักพ่อและแม่มากๆนะ หลังจากที่ฉันพูดประโยคนี้จบ ฉันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับน้ำตา แล้วพูดกับตัวเองว่า “นี่ฉันฝันไปหรอเนี่ย”